หูฟังเกมมิ่ง ถือเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมให้การเล่นเกมของคุณมีประสิทธิภาพ และจัดอยู่ในหมวด เกมมิ่งเกียร์ ซึ่งหูฟังเกมมิ่งช่วยให้คุณได้รับเสียงที่ชัดขึ้น ทั้งเสียงตัวละคร เสียงเอฟเฟค และเสียงฝีเท้าในเกมได้ชัดยิ่งขึ้น เป็นต้น
โดยทำให้เราสามารถเล่นเกมได้เปรียบมากยิ่งขึ้น หรือเข้าถึงอรรถรสของเกมได้ดี เพราะมีระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งชุดหูฟังเกมมิ่งมักจะมีเมมโมรี่โฟมใช้สำหรับรองใบหูของคุณ ทำให้ใส่แล้วรู้สึกนุ่ม สบายหู ไม่มีการเจ็บ ดังนั้นเราชอบรีวิวจะมาแนะนำ หูฟังเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2024 ให้คุณได้พิจารณาเลือกซื้อได้ตามความต้องการ ไปดูกันเลยว่ามี หูฟังเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนดี อะไรบ้าง
สำหรับคอเกมที่ไม่ยังจุใจ ไม่ควรพลาดอุปกรณ์เสริมไอที หมวดเกมมิ่งเกียร์ มีอะไรบ้างตามมาดูกันเลย
- คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ
- โน้ตบุ๊ค
- RAM
- USB HUB
- จอคอมเกมมิ่ง
- จอยเกมสำหรับ PC
- Nintendo Switch
- เก้าอี้เกมมิ่ง
- โต๊ะเกมมิ่ง
- เมาส์ไร้เสียง
- iPad แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน
หูฟังเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนดี
- HyperX Cloud II – Pro Gaming Headset
- Razer BlackShark V2
- CORSAIR Gaming Headset HS70
- Logitech G PRO X Gaming Headset
- CREATIVE Sound Blaster H6
- มีรีโมทที่สามารถควบคุมการใช้งานได้ทั้งเพิ่มเสียง ลดเสียง รวมไปจนถึงการเปิดโหมดจำลองเสียง Dolby 7.1 เสมือนตัว Sound Card แยก
- หูฟังสามารถรับคลื่นความถี่ 15Hz-25,000Hz สามารถขับเสียงออกมาได้ครบทุกย่านเสียง รับเสียงได้ 7 ทิศทาง สมจริงทุกรายละเอียด
- เชื่อมต่อได้ 2 รูปแบบ ทั้ง AUX 3.5 มม. และ USB โดยรองรับการใช้งานทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
- มีดีไซน์สีดำแดง เรียบง่าย สวยงาม เป็นหูฟังเกมมิ่งที่มีสุดยอดนักเล่นเกมใช้งานมากที่สุด
- มีให้เลือก EarPad ภายในกล่องทั้งแบบหนังและแบบผ้ากำมะหยี่
- มีดีไซน์สีดำเรียบง่าย ใช้วัสดุเมมโมรี่โฟม (Memory Foam) ไม่เจ็บหู
- ระบบเสียงสามารถใช้ 7.1 Surround Sound ให้เสียงครบทั้ง 7 ทิศทาง ทำให้เสียงมิติสมจริง
- ไมโครโฟนมีระบบตัดเสียงรบกวน ทำให้มีเสียงที่คมชัด ไม่น่ารำคาญ
- น้ำหนักเบา ใส่สบาย ไม่มีอาการเมื่อย
- ดีไซน์สีดำสบายตา ดูหรูหรา เป็นหูฟังเกมมิ่งชนิดไร้สาย
- เชื่อมต่อผ่าน Wireless ด้วยคลื่นความถี่ 2.4GHz มีระยะการเชื่อมต่อได้ไกลถึง 5 เมตร
- ระบบเสียงเป็นหูฟังแบบ 7.1 Surround Sound ให้เสียงครบทุก 7 ทิศทาง และแยกเสียงได้อย่างชัดเจน
- ใช้วัสดุเมมโมรี่โฟมทั้งในส่วนของครอบหูและที่คาดหัว ทำให้รู้สึกใส่สบาย ไม่อึดอัด และไม่เจ็บหู
- เชื่อมต่อได้ 2 รูปแบบ Wireless และ AUX 3.5 รองรับทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
- ไมโครโฟนสามารถตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี
แนะนำ 5 อันดับ หูฟังเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนดี ปี 2024
เราได้คัดสรร 5 อันดับ หูฟังเกมมิ่งที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดมาให้คุณได้พิจารณาเลือกซื้อและตัดสินใจได้ตามที่ต้องการ เพื่อให้ได้หูฟังเกมมิ่งที่เข้ากับสไตล์ของคุณ และเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นไปดูคุณสมบัติหูฟังเกมมิ่งกันว่าแต่ละตัวมีคุณสมบัติอะไรกันบ้าง
1. HyperX Cloud II – Pro Gaming Headset
เริ่มต้นหูฟังเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนดี อันดับแรกกับ HyperX Cloud II – Pro Gaming Headset มีดีไซน์สีดำแดง เรียบง่าย สวยงาม น้ำหนัก 320 กรัม จัดเป็นหูฟังเกมมิ่งที่มีสุดยอดนักเล่นเกมใช้งานมากที่สุด เพราะวัสดุ EarPad ภายในที่สวมใส่ได้สบายหู
โดยมีให้เลือกทั้งแบบหนังและแบบผ้ากำมะหยี่ ซึ่งมีรีโมทที่สามารถควบคุมการใช้งานได้ทั้งเพิ่มเสียง ลดเสียง รวมไปจนถึงการเปิดโหมดจำลองเสียง Dolby 7.1 อีกด้วย ทำให้รับเสียงได้ 7 ทิศทาง สมจริงทุกรายละเอียด สามารถขับเสียงออกมาได้ครบทุกย่านเสียง
โดยหูฟังสามารถรับคลื่นความถี่ 15Hz-25,000Hz และส่วนไมโครโฟนสามารถถอดหรือใส่เองได้ ซึ่งใช้คลื่นความถี่ 50Hz-18,000Hz รวมไปถึงการเชื่อมต่อมี 2 รูปแบบ ทั้ง AUX 3.5 มม. และ USB โดยรองรับการใช้งานทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
- มีรีโมทที่สามารถควบคุมการใช้งานได้ทั้งเพิ่มเสียง ลดเสียง รวมไปจนถึงการเปิดโหมดจำลองเสียง Dolby 7.1 เสมือนตัว Sound Card แยก
- หูฟังสามารถรับคลื่นความถี่ 15Hz-25,000Hz สามารถขับเสียงออกมาได้ครบทุกย่านเสียง รับเสียงได้ 7 ทิศทาง สมจริงทุกรายละเอียด
- เชื่อมต่อได้ 2 รูปแบบ ทั้ง AUX 3.5 มม. และ USB โดยรองรับการใช้งานทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
- มีดีไซน์สีดำแดง เรียบง่าย สวยงาม เป็นหูฟังเกมมิ่งที่มีสุดยอดนักเล่นเกมใช้งานมากที่สุด
- มีให้เลือก EarPad ภายในกล่องทั้งแบบหนังและแบบผ้ากำมะหยี่
- ระบบไมโครโฟน ตัดเสียงรบกวนภายในได้เพียง 50% เท่านั้น ทำให้มีเสียงไม่นุ่มนวลเท่าที่ควร อาจต้องใช้งานในสถานที่ปิดหรือห้องส่วนตัวเท่านั้น
- เมื่อใช้รีโมทในการควบคุมการใช้งาน อาจทำให้หูฟังมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น และหากใช้งานเป็นเวลานานทำให้รู้สึกเมื่อยล้าได้
- EarPad ใช้วัสดุที่ไม่สามารถระบายความร้อนได้ดี เมื่อใช้งานเป็นเวลานาน อาจทำให้รู้สึกร้อนที่ใบหูเกินไปได้
2. Razer BlackShark V2
อันดับถัดไป Razer BlackShark V2 มีดีไซน์สีดำเรียบง่าย แต่ยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ Razer ด้วยสายไฟสีเขียว มีน้ำหนักเบาเพียง 240 กรัม ซึ่งแตกต่างจากรูปลักษณ์ของหูฟังอย่างมาก เพราะส่วนที่ครอบใบหูมีความใหญ่ และคาดหัวมีความหนา แต่มีน้ำหนักเบา ใส่สบาย
โดยใช้วัสดุเมมโมรี่โฟม (Memory Foam) มาทำเป็นฟองน้ำ ทำให้หูฟังมีความนุ่ม ไม่เจ็บหู ส่วนระบบเสียงสามารถใช้ 7.1 Surround Sound ใช้งานได้เฉพาะ Windows 10 64-bit เท่านั้น ให้เสียงครบทั้ง 7 ทิศทาง ทำให้เสียงมิติสมจริง
และไมโครโฟนมีระบบตัดเสียงรบกวน ทำให้มีเสียงที่คมชัด ไม่น่ารำคาญ โดยหูฟังสามารถรับคลื่นความถี่ 12Hz-28,000Hz และส่วนไมโครโฟนสามารถถอดหรือใส่เองได้ ซึ่งใช้คลื่นความถี่ 100Hz-10,000Hz รวมไปถึงการเชื่อมต่อรูปแบบ AUX 3.5 มม. โดยรองรับการใช้งานทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนอีกด้วย
- มีดีไซน์สีดำเรียบง่าย ใช้วัสดุเมมโมรี่โฟม (Memory Foam) มาทำเป็นฟองน้ำ ทำให้หูฟังมีความนุ่ม ไม่เจ็บหู
- ระบบเสียงสามารถใช้ 7.1 Surround Sound ให้เสียงครบทั้ง 7 ทิศทาง ทำให้เสียงมิติสมจริง
- ไมโครโฟนมีระบบตัดเสียงรบกวน ทำให้มีเสียงที่คมชัด ไม่น่ารำคาญ
- น้ำหนักเบา ใส่สบาย ไม่มีอาการเมื่อย
- ระบบเสียงสามารถใช้ 7.1 Surround Sound ใช้งานได้เฉพาะ Windows 10 64-bit เท่านั้น ทำให้มีข้อจำกัดในการใช้งาน
- ระบบเชื่อมต่อรูปแบบเดียวคือ AUX 3.5 เท่านั้น หากต้องการใช้การเชื่อมต่อแบบ USB อาจต้องใช้หรือซื้อตัวแปลงเสริม
- เนื่องจากที่ครอบหูมีขนาดใหญ่ หากใช้เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดความร้อนและเมื่อยล้าได้
3. CORSAIR Gaming Headset HS70
หูฟังเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนดี อันดับต่อมากับ CORSAIR Gaming Headset HS70 เป็นหูฟังเกมมิ่งชนิดไร้สาย ที่มีการเชื่อมต่อผ่าน Wireless ด้วยคลื่นความถี่ 2.4GHz ทำให้มีระยะการเชื่อมต่อได้ไกลถึง 5 เมตร มีดีไซน์สีดำสบายตา ดูหรูหรา มีน้ำหนัก 330 กรัม
ใช้วัสดุเมมโมรี่โฟมทั้งในส่วนของครอบหูและที่คาดหัว ทำให้รู้สึกใส่สบาย ไม่อึดอัด และไม่เจ็บหู ส่วนระบบเสียงเป็นหูฟังแบบ 7.1 Surround Sound ให้เสียงครบทุก 7 ทิศทาง
โดยหูฟังสามารถรับคลื่นความถี่ 20Hz-20,000Hz และส่วนไมโครโฟนสามารถถอดหรือใส่เองได้ ซึ่งใช้คลื่นความถี่ 100Hz-10,000Hz มีระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก นอกจากเชื่อมต่อแบบ Wireless แล้วยังใช้งานแบบ AUX 3.5 มม. รองรับการใช้งานทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน iOS Android อีกด้วย
- ดีไซน์สีดำสบายตา ดูหรูหรา เป็นหูฟังเกมมิ่งชนิดไร้สาย เชื่อมต่อผ่าน Wireless ด้วยคลื่นความถี่ 2.4GHz มีระยะการเชื่อมต่อได้ไกลถึง 5 เมตร
- ระบบเสียงเป็นหูฟังแบบ 7.1 Surround Sound ให้เสียงครบทุก 7 ทิศทาง และแยกเสียงได้อย่างชัดเจน
- ใช้วัสดุเมมโมรี่โฟมทั้งในส่วนของครอบหูและที่คาดหัว ทำให้รู้สึกใส่สบาย ไม่อึดอัด และไม่เจ็บหู
- เชื่อมต่อได้ 2 รูปแบบ Wireless และ AUX 3.5 รองรับทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
- ไมโครโฟนสามารถตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี
- เป็นหูฟังขนาดใหญ่ คนที่มีรูปร่างใบหน้าเล็ก อาจไม่เหมาะกับการใช้งานหูฟังเกมมิ่งตัวนี้
- มีน้ำหนัก 330 กรัม หากใช้เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าได้
- วัสดุเมมโมรี่โฟม เมื่อใช้งานเป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการร้อน อึดอัดได้
4. Logitech G PRO X Gaming Headset
รองอันดับสุดท้ายกับ Logitech G PRO X Gaming Headset เป็นหูฟังที่มีดีไซน์ดูเรียบง่ายที่สุด แต่แฝงไปด้วยคุณสมบัติที่มีคุณภาพสูง มีน้ำหนัก 259 กรัม
ใช้วัสดุเมมโมรี่โฟมทั้งในส่วนของครอบหูและที่คาดหัว ทำให้รู้สึกใส่สบาย ไม่อึดอัด และไม่เจ็บหู ส่วนระบบเสียงเป็นหูฟังแบบ 7.1 Surround Sound ให้เสียงครบทุก 7 ทิศทาง แยกเสียงได้อย่างชัดเจน โดยหูฟังสามารถรับคลื่นความถี่ 20Hz-20,000Hz และส่วนไมโครโฟนสามารถถอดหรือใส่เองได้ ซึ่งใช้คลื่นความถี่ 100Hz-10,000Hz มีระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก
มาพร้อมเทคโนโลยีจาก Logitech คือ Bluevoice เพื่อช่วยให้ลดเสียงรบกวน และบีบอัดเสียงหรือลดเสียงที่แสบหูออกไป โดยใช้งาน Bluevoice ผ่านทาง Software G HUB ซึ่งมีระบบเชื่อมต่อแบบ Wireless คลื่นความถี่ 2.4 GHz เชื่อมต่อได้ไกล 5 เมตร รองรับการใช้งานทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน iOS Android
- เทคโนโลยี Bluevoice ใช้งานผ่าน Software G HUB เพื่อปรับเสียง-ลดเสียงรบกวน ปรับแต่งได้อย่างอิสระ
- ใช้วัสดุเมมโมรี่โฟมทั้งในส่วนของครอบหูและที่คาดหัว ทำให้รู้สึกใส่สบาย ไม่อึดอัด และไม่เจ็บหู
- ระบบเสียงเป็นหูฟังแบบ 7.1 Surround Sound ให้เสียงครบทุก 7 ทิศทาง แยกเสียงได้อย่างชัดเจน
- มีน้ำหนักเบา ใส่สบาย เมื่อใส่เป็นเวลานานไม่เกิดอาการเมื่อยล้า
- รองรับการใช้งานทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน iOS Android
- เมื่อเทียบกับราคาหูฟังมีดีไซน์มีความเรียบง่าย ธรรมดาเกินไป อาจไม่ถูกใจสำหรับสายเกมเมอร์
- เนื่องจากเป็นหูฟังไร้สาย ต้องระมัดระวังคลื่นรบกวน อาจทำให้หูฟังมีระบบเสียงรวนได้
- ใช้วัสดุเมมโมรี่โฟม เมื่อใช้เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการร้อนได้
5. CREATIVE Sound Blaster H6
มาถึงหูฟังเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนดี อันดับสุดท้ายกับ CREATIVE Sound Blaster H6 มีดีไซน์สีดำดุดัน และระบบไฟ RGB ปรับแต่งไฟให้สวยงามได้ตามที่ต้องการ
ซึ่งวัสดุที่ใช้กับฟองน้ำครอบหู และที่คาดหัว ทำจากผ้าที่ออกแบบมาให้สามารถระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการใช้งานเป็นเวลานาน มีน้ำหนัก 330 กรัม ส่วนระบบเสียงให้ 2 รูปแบบคือ 5.1 กับ 7.1 ทำให้คุณเลือกประเภทของเสียงให้เข้ากับสไตล์การเล่นเกมได้อย่างที่ต้องการ
พร้อมระบบเชื่อมต่อ 2 แบบ คือ USB และ AUX 3.5 มม. เพื่อใช้งานได้ทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน รวมไปถึงใช้งานกับ Nintendo Switch ได้เช่นกัน รวมไปถึงหูฟังสามารถรับคลื่นความถี่ได้ 20Hz-20,000Hz และไมโครโฟน 50Hz-15,000Hz
- ฟองน้ำครอบหู และที่คาดหัว ทำจากผ้าที่ออกแบบมาให้สามารถระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการใช้งานเป็นเวลานาน
- ระบบเสียงให้ 2 รูปแบบคือ 5.1 กับ 7.1 ทำให้คุณเลือกประเภทของเสียงให้เข้ากับสไตล์การเล่นเกม
- มีดีไซน์สีดำดุดัน และระบบไฟ RGB ปรับแต่งไฟให้สวยงามได้ตามที่ต้องการ
- รองรับใช้งานบนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน รวมไปถึง Nintendo Switch
- ระบบเชื่อมต่อ 2 แบบ คือ USB และ AUX 3.5 มม.
- ใช้สำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ หากนำไปใช้งานฟังเพลง ดูหนัง ทำให้ไม่ได้รับคุณภาพเสียงที่ดีเท่าที่ควร
- เนื่องจากมีน้ำหนัก 330 กรัม เมื่อใช้เป็นเวลานานหลายชั่วโมง อาจทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าได้
- ตัวไมโครโฟนไม่ระบุคุณสมบัติเรื่องตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้หรือไม่
หูฟังเกมมิ่งแตกต่างจากหูฟังปกติทั่วไปอย่างไร
หูฟังในปัจจุบันนั้นมีมากมายหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นหูฟังออกกำลังกาย หูฟังบลูทูธ หูฟังแบบไร้สาย ซึ่งจะแตกต่างออกไปตามการใช้งาน และความเหมาะสม เรามาดูกันต่อดีกว่าว่า หูฟังเกมมิ่งนั้น มีความแตกต่างจากหูฟังแบบปกติอย่างไรบ้าง
ขนาดและรูปร่าง
หูฟังเกมมิ่ง จะมีขนาดและรูปร่างมีดีไซน์แตกต่างจากหูฟังทั่วไป คือ ดูเท่ เรียบง่าย พร้อมคุณสมบัติที่สามารถตกแต่งไฟ RGB ผ่านโปรแกรม Software ได้เอง เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกม ไม่ให้จำเจจนเกินไป ซึ่งมีขนาดสวมใส่สบาย ไม่เจ็บหู ด้วยการออกแบบมาให้เล่นเกมเป็นเวลานานโดยเฉพาะอีกด้วย
ระบบเชื่อมต่อ
หูฟังเกมมิ่งและหูฟังปกติมีการเชื่อมต่อแตกต่างกันแน่อน คือ หูฟังปกติทั่วไปมักเชื่อมต่อรูปแบบเดียว คือ AUX 3.5, USB, Bluetooth เป็นต้น แต่หูฟังเกมมิ่งมักจะมีการเชื่อมต่อ 2 รูปแบบ คือ AUX 3.5 – USB หรือ AUX3.5 – Bluetooth เป็นต้น เพื่อรองรับการใช้งานอย่างทั่วถึง ใช้เล่นเกมบนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนนั่นเอง
ไมโครโฟน
เนื่องจากหูฟังเกมมิ่งใช้สำหรับเล่นเกม และต้องออกแบบไมโครโฟนเพื่อใช้ในการพูดคุยกับเพื่อนร่วมทีม จึงทำให้ไมโครโฟนมีคุณสมบัติที่ดีกว่าหูฟังปกติทั่วไป คือ ระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก ให้เสียงที่คมชัด และไม่ส่งเสียงน่ารำคาญให้แก่ผู้ที่รับฟัง เช่นเดียวกับไมค์อัคเสียง อีกทั้งออกแบบให้ใช้งานง่าย ไม่เกะกะแก่ผู้ใช้งานอีกด้วย
การรับเสียง
ในเรื่องของการรับเสียงอาจไม่มีความแตกต่างกันมากนัก อาจมีความแตกต่างในเรื่องของระบบเสียง Surround กับ Stereo แต่หูฟังเกมมิ่งมักจะมีระบบ Software ตามยี่ห้อนั้นๆ ซึ่งช่วยให้ปรับย่านเสียงได้ตามที่ต้องการ ซึ่งทำให้ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น หรือแยกเสียงได้ชัดเจนมากขึ้น
รวมไปถึงหูฟังเกมมิ่งมักจะเป็นระบบเสียงแบบ Surround 5.1 และ 7.1 ต่างจากหูฟังปกติทั่วไปให้เสียงแบบ Stereo 2.0 เพียง 2 ทิศทางอย่าง ซ้าย-ขวา อีกทั้งคลื่นเสียงที่หูฟังต้องรับได้ไม่ควรเกิน 20,000Hz เพราะเป็นคลื่นความถี่ที่มนุษย์สามารถได้ยิน และไม่แสบหูจนเกินไปนั่นเอง
วิธีเลือกซื้อ หูฟังเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ได้ฟังก์ชั่นครบทุกการใช้งาน
1. ขนาดและรูปร่าง
หากคุณจำเป็นต้องใช้งานหูฟังเป็นเวลานาน ควรเลือกซื้อหูฟังเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนดี ที่มีขนาดและรูปร่างเข้ากับรูปร่างของคุณ หากซื้อหูฟังที่มีขนาดใหญ่จนเกินไป ทำให้คุณสวมใส่ไม่สบาย อึดอัด และอาจเกิดอาการเจ็บที่ใบหูได้ ซึ่งถ้าเลือกซื้อหูฟังเกมมิ่งควรดูรูปทรง ขนาดให้พอดีกับใบหูของเรา เพื่อให้ใส่สบาย ไม่เจ็บหู พร้อมได้อรรถรสจากการเล่นเกมทันที
2. วัสดุที่ใช้กับหูฟังเกมมิ่ง
วัสดุที่ใช้เป็นสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อหูฟังเกมมิ่ง เพราะผู้เล่นเกมมักใช้หูฟังเป็นเวลานาน ซึ่งต้องมีคุณสมบัติในเรื่องระบายความร้อน และต้องสวมใส่สบาย ไม่เจ็บหู ซึ่งหูฟังส่วนใหญ่มักใช้วัสดุเมมโมรี่โฟมสวมใส่สบาย ไม่เจ็บหู แต่ไม่ระบายความร้อน หากให้เราแนะนำควรเลือกใช้แบบผ้าดีกว่า เพราะระบายความร้อนได้ดี อาจไม่สบายเท่าเมมโมรี่โฟม แต่ระบายความร้อนได้และไม่อึดอัดหูแน่นอน
3. ระบบเชื่อมต่อ
ควรเลือกซื้อหูฟังเกมมิ่งที่มีการเชื่อมต่อ 2 รูปแบบขึ้นไป เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และเพิ่มความหลากหลายในการใช้งาน ซึ่งหูฟังที่มีการเชื่อมต่อ 2 รูปแบบ มักมีย่านเสียงที่ดีกว่าการเชื่อมต่อรูปแบบเดียว เพราะรองรับการใช้งานได้ทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน เช่นระบบเชื่อมต่อ AUX 3.5 และ USB เป็นต้น
4. ระบบเสียง
แน่นอนว่าระบบเสียงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรเลือกซื้อ หูฟังเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนดี ที่มีระบบเสียงชัดเจน โดยเฉพาะหูฟังที่ออกแบบระบบเสียงแบบ 7.1 Surround ให้เสียงครบ 7 ทิศทาง และยิ่งใช้เทคโนโลยีระบบเสียงอย่าง Dolby ทำให้เสียงมีความกระหึ่มมากขึ้น แยกเสียงได้ชัดเจน ซึ่งนอกจากใช้เล่นเกมแล้ว ยังใช้งานฟังเพลง ดูหนังได้อีกด้วย
5. ไมโครโฟน
ไมโครโฟนของหูฟังเกมมิ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อ ควรเลือกหูฟังที่มีไมโครโฟนรับคลื่นความถี่ 15Hz-25,000Hz เป็นต้นไป เพื่อทำให้เสียงพูดชัดเจน คมชัด ไม่ส่งเสียงรบกวนแก่ผู้รับฟังนั่นเอง
บทสรุปเลือกซื้อ หูฟังเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2024 เสียงคมชัด ใส่สบายหูแน่นอน
สำหรับการเลือกซื้อ หูฟังเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2024 เราขอแนะนำ HyperX Cloud II – Pro Gaming Headset มีดีไซน์สีดำแดง เรียบง่าย สวยงาม น้ำหนัก 320 กรัม มีขนาดกะทัดรัด ไม่ใหญ่จนเกินไป สวมใส่สบาย
เป็นหูฟังเกมมิ่งที่มีสุดยอดเกมเมอร์หลายๆคนแนะนำ เพราะวัสดุ EarPad ภายในที่สวมใส่ได้สบายหู โดยมีให้เลือกทั้งแบบหนังและแบบผ้ากำมะหยี่ โดยมีรีโมทที่สามารถควบคุมการใช้งานได้ทั้งเพิ่มเสียง ลดเสียง รวมไปจนถึงการเปิดโหมดจำลองเสียง Dolby 7.1 รับเสียงได้ 7 ทิศทาง สมจริงทุกรายละเอียด และหูฟังสามารถรับคลื่นความถี่ 15Hz-25,000Hz
ส่วนไมโครโฟนสามารถถอดหรือใส่เองได้ ซึ่งใช้คลื่นความถี่ 50Hz-18,000Hz รวมไปถึงการเชื่อมต่อ 2 รูปแบบ คือ AUX3.5 และ USB รองรับการใช้งานได้ทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน จัดเป็นหูฟังเกมมิ่งยอดนิยม ราคาถูก ให้เสียงคมชัด และใส่สบายหู คุ้มค่าแก่การใช้เล่นเกมอย่างแน่นอน