แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

ด้วยยุคสมัยที่ก้าวล้ำมากขึ้น มีอุปกรณ์ที่มีช่วยอำนวยความสะดวกสบายภายในบ้านมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ไดร์เป่าผม เครื่องหนีบผม เครื่องนวดหน้า เครื่องล้างหน้า Foreo ปัตตาเลี่ยน ซึ่งทำให้ แปรงสีฟันไฟฟ้า กำลังเป็นที่ยิม เพราะตอบโจทย์ในด้านความสะอาดและความสะดวก และแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างตรงจุด ด้วยความง่ายดายของการใช้งานจึงไม่แปลกที่คนยุคใหม่จะหันมาซื้อกันมากขึ้น และเพื่อให้มั่นใจกับคุณภาพที่ตนเองควรได้รับ จึงอยากนำเสนอรีวิว 5 แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ฟันสะอาด ปราศจากคราบเศษอาหาร สะดวกต่อการใช้งานที่สุด

จะเห็นว่าแต่ล่ะครอบครัวมีการใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น อาจจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่เกินงบประมาณต่อเดือนไปบ้าง หนึ่งในไอเดียที่ชอบลดค่าไฟฟ้าคือ การนำแผงโซล่าเซลล์มาช่วยลดค่าใช้จ่ายภายในบ้าน

แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

รีวิว 5 แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ใช้งานคุ้มค่า สะอาดทุกซี่

เมื่อรู้จักกับคุณสมบัติของแปรงสีฟันไฟฟ้า และความแตกต่างจากแปรงสีฟันทั่วไปกันแล้ว คราวนี้อยากพาทุกคนมาศึกษาเกี่ยวกับรีวิว 5 แปรงสีฟันไฟฟ้า ตอบโจทย์โดนใจเรื่องการใช้งาน มีระบบครบครัน ช่วยให้ฟันสะอาดได้ทุกซี่ ทุกซอกฟัน มั่นใจด้วยรอยยิ้มสุดพิเศษ จะมียี่ห้อไหน แบบใดบ้าง ตามไปอ่านกันได้เลย 

1. แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B Pro500

แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B

เริ่มต้นด้วยแปรงสีฟันไฟฟ้ายี่ห้อดัง หัวแปรงถอดออกเปลี่ยนได้ ใช้งานกับหัวแปรงรุ่น Cross Action ตัวขนเอียงทำมุมเหมาะสมกับซอกฟัน เข้าถึงเศษอาหารได้อย่างตรงจุด

การเคลื่อนที่แบบ 3D กำจัดพลาคฟันได้ดีมากขึ้นอีกระดับ ด้านแปรงมีตัวกันน้ำ ปลอดภัย ใช้งานอย่างสบายใจ มาพร้อมตัวไฟแจ้งเวลาทำงานเมื่อครบ 2 นาที พร้อมไฟบอกระดับแบตเตอรี่ ตัวแบตชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ใช้งานได้สูงสุด 7 วัน มาตรฐานการผลิตจากเยอรมนี

ใครอยากใช้งานแปรงสีฟันไฟฟ้าคุณภาพสูง มาตรฐานการผลิตจากต่างประเทศ ยี่ห้อนี้นับว่าตอบโจทย์ และช่วยให้ฟันสะอาดขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

จุดเด่น
  • หัวแปรงถอดออกเปลี่ยนได้
  • ใช้งานกับหัวแปรง Cross Action ทำมุมกับซอกฟันกำจัดสิ่งสกปรกได้ดี
  • เคลื่อนที่แบบ 3D กำจัดพลาคได้มากกว่าเดิม
  • ตัวแปรงกันน้ำได้
  • มีสัญญาณไฟบอกเวลาใช้งานและระดับแบตเตอรี่
จุดควรพิจารณา
  • ใช้งานได้ 7 วัน ในกรณีแปรงวันละ 2 ครั้ง
  • ไม่มีฟังก์ชันเตือนกรณีออกแรงมากเกินไป
  • ไม่มีระบบลดความเร็วการหมุน

2. แปรงสีฟันไฟฟ้า Philips Sonicare Elite+ HX3215/08

แปรงสีฟันไฟฟ้า Philips

ต่อกันด้วยแปรงสีฟันไฟฟ้าที่มีการดีไซน์หัวแปรงให้เปลี่ยนง่ายกว่าเดิมผ่านระบบ Click-On มาพร้อมโปรแกรม EasySmart เมื่อเปิดใช้งานแปรงจะค่อย ๆ เพิ่มระดับความเร็วอย่างนุ่มนวล เพียงแปรงแค่ 14 ครั้งแรกจะคุ้นชินกับการทำงานของแปรงทันที

มีเทคโนโลยีกำจัดคราบพลาค ป้องกันโรคเหงือกอักเสบจากพลังปั่นด้วยคลื่นโซนิค เทคโนโลยีจาก Philips ความเร็ว 62,000 RPM เกิด Dynamic Cleaning สะอาดหมดจด มี Micro Bubble ฟองขนาดเล็กช่วยการซอกซอนทุกซี่ฟัน แบตชาร์จ 1 ครั้งใช้ได้นานถึง 14 วัน

หากต้องการแปรงสีฟันไฟฟ้าที่ใช้งานได้ยาวนาน ไม่ต้องชาร์จบ่อย พกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างง่ายดาย ยี่ห้อนี้มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ ช่วยให้การแปรงฟันของคุณสะอาดกว่าเดิม

จุดเด่น
  • หัวแปรงดีไซน์แบบ Click-On เปลี่ยนง่าย
  • โปรแกรม EasySmart เพิ่มระดับความเร็วอย่างนุ่มนวล
  • พลังปั่นคลื่นโซนิค ป้องกันโรคเหงือกอักเสบ
  • เทคโนโลยีจาก Philips เกิด Dynamic Cleaning ฟันสะอาด
  • Micro Bubble ซอกซอนทุกซี่
จุดควรพิจารณา
  • ใช้งานแบตได้จริงอาจไม่ถึง 14 วัน
  • ใช้เวลาการชาร์จต่อครั้งนาน ประมาณ 20-24 ชม.
  • ขนาดด้ามจับใหญ่กว่าปกติ

3. แปรงสีฟันไฟฟ้า Sparkle Sonic Triple Active SK0373

แปรงสีฟันไฟฟ้า Sparkle

สำหรับแปรงสีฟันไฟฟ้าตัวนี้มาพร้อมพลังขจัดคราบสูง 40,000 RPM จัดการคราบพลาคด้วยระบบการสั่นพลังโซนิค ขนแปรงเรียวแหลม นุ่ม ผลิตจาก Spiral PBT ด้ามแปรงผลิตจากพลาสติก ABS, TPE มีไฟแสดงสถานะการทำงาน และการชาร์จแบต

แจ้งเตือนทุก 30 วินาที เพื่อเปลี่ยนจุดการแปรง เลือกระบบการแปรงได้ 3 แบบ คือ White, Sensitive, Gum Care ช่วยเพิ่มความสะอาดอย่างล้ำลึกทุกซอกฟัน

แปรงสีฟันไฟฟ้าที่จะช่วยให้ทุกการแปรงของคุณสะอาดมากขึ้นด้วยระบบที่ออกแบบมาอย่างครอบคลุม พร้อมเลือกการแปรงได้ถึง 3 แบบเลยทีเดียว

จุดเด่น
  • มีระบบการแจ้งเตือนทุก 30 วินาที
  • พลังสั่นโซนิคกำจัดคราบพลาคหมดจด
  • ขนแปรงผลิตจาก Spiral PBT เรียวแหลม นุ่ม
  • มีไฟแสดงสถานการณ์ทำงานและระหว่างชาร์จแบต
  • เลือกระบบการแปรงได้ถึง 3 แบบ
จุดควรพิจารณา
  • หากปรับโหมดทำงานไม่เหมาะสม จะไม่ได้ประสิทธิภาพการแปรงฟันอย่างถูกต้อง
  • ขนาดแปรงเล็กมาก จับไม่ถนัดมือ
  • พลังการขจัดคราบไม่ถือว่าแรงมาก

4. แปรงสีฟันไฟฟ้า Systema Sonic Compact

แปรงสีฟันไฟฟ้า Systema

ต่อด้วยแปรงสีฟันไฟฟ้าพัฒนาจากเทคโนโลยี Sonic Wave Technology จากญี่ปุ่น มีการออกแบบระบบสั่นอย่างเหมาะสม ขนแปรงเรียว นุ่ม ผลิตจาก PBT ยืดหยุ่นได้ดี คงรูปนาน

วัสดุตัวแปรงทำจาก Polyacetal น้ำหนักเบา จับถนัดมือ ไม่ใหญ่จนเกินไป คอแปรงเรียวยาว จัดการได้แม้ซอกฟันอยู่ลึก สะอาดมากขึ้นกว่าเดิม เป็นระบบถ่านชาร์จ AAA 1 ก้อน 

ถ้ามองหาแปรงสีฟันไฟฟ้าที่พกพาได้สะดวก พร้อมคุณภาพชั้นเยี่ยมมาตรฐานญี่ปุ่น แปรงรุ่นนี้จะช่วยให้คุณได้รับสิ่งที่คาดหวังเอาไว้เลย

จุดเด่น
  • เทคโนโลยี Sonic Wave Technology จากญี่ปุ่น มาตรฐานสูง
  • ขนแปรงเรียว นุ่ม ยืดหยุ่นดี ผลิตจาก PBT
  • วัสดุแปรงทำจาก Polyacetal น้ำหนักเบา พกพาง่าย
  • คอแปรงเรียวยาว จัดการซอกฟันทุกซี่
  • ขนาดด้ามจับกระชับมือ พกพาง่าย
จุดควรพิจารณา
  • ระบบการสั่นไม่มีระบุไว้ชัดเจน
  • เป็นระบบถ่ายชาร์จ ต้องเปลี่ยนถ่านใหม่บ่อย
  • ไม่มีระบบการหมุนกลับหัวของแปรง

5. แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B IBrush 9000

แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B

ปิดท้ายด้วยแปรงสีฟันไฟฟ้าอัจฉริยะระบบบลูทูธ เลือกโหมดการแปรงได้ถึง 6 แบบ ใช้งานกับมือถือผ่านแอปเพื่อให้ได้คุณภาพความสะอาดมากขึ้น สีไฟแสดงผล LED เปลี่ยนได้ถึง 12 สี สนุกไปกับการแปรง

ตัวจับเวลา 2 นาที พร้อม Quadpacer แจ้งเสียงเตือนทุก 30 วินาที ให้เปลี่ยนจุด เมื่อครบ 2 นาที จะมีเสียงแจ้งเตือนดัง 2 ครั้ง มีเซนเซอร์ตรวจจับหัวแปรงหากกดใช้แรงเยอะเกินไป ชาร์จแบต 1 ครั้ง ใช้ได้นาน 2 สัปดาห์ 

อยากเปิดมิติใหม่แห่งการแปรงฟันด้วยแปรงสีฟันไฟฟ้าชนิดบลูทูธ รุ่นนี้จัดว่าตอบโจทย์ โดนใจ เหมาะกับคนยุคใหม่ขนานแท้

จุดเด่น
  • เชื่อมต่อการทำงานบลูทูธกับมือถือ เพื่อความสะอาดมากขึ้น
  • มีโหมดการแปรงให้ถึง 6 แบบ
  • เปลี่ยนไฟ LED ได้ 12 สี
  • เสียงแจ้งเตือนทุก 30 วินาที และแปรงครบ 2 นาที
  • เซนเซอร์ตรวจจับหัวแปรงไม่ให้ใช้แรงกดเยอะเกินไป
จุดควรพิจารณา
  • ใช้งานได้ 2 สัปดาห์ กรณีแปรงวันละ 2 ครั้ง
  • ยุ่งยากในการเชื่อมต่อกับมือถือ
  • ขนาดด้ามจับใหญ่กว่าปกติ

คุณสมบัติของแแปรงสีฟันไฟฟ้า

แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

การทำงานของแปรงสีฟันไฟฟ้าจะใช้คลื่นความถี่ของเสียงแล้วเกิดระบบการสั่นไปมา กับอีกระบบคือการสั่นแบบหมุนหัวกลับไปมา หากรุ่นที่มีความล้ำหน้าอาจมีการใส่ตัวจับเวลาเพิ่มเพื่อให้แปรงได้อย่างเหมาะสม สะอาดทุกซอกฟัน 

เมื่อครบตามกำหนดแปรงจะหยุดสั่นทันที (ส่วนใหญ่ตั้งไว้ที่ 2 นาที) อีกคุณสมบัติที่น่าสนใจคือ บางรุ่นมีการสั่นเตือนผ่านระบบเสียงล่วงหน้า 30 วินาที เพื่อให้คุณเปลี่ยนพื้นที่ในการแปรง บริเวณด้ามจับมีสวิตช์เปิด-ปิด ชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้งอยู่ได้นานหลายวัน สะดวกต่อการพกพา

แปรงสีฟันไฟฟ้าแตกต่างจากแปรงสีฟันธรรมดาอย่างไร

หากมองในภาพรวมสิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดจเนของแปรงสีฟันทั่วไปกับแปรงสีฟันไฟฟ้าคือเรื่องของระบบการทำงาน แปรงสีฟันไฟฟ้าไม่ต้องออกแรงแปรงด้วยตนเอง แต่ทั้งนี้เพื่อให้มองเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน จึงขอหยิบเอาจุดเด่นของแต่ละประเภทแปรงมาบอกกัน

จุดเด่นของแปรงสีฟันธรรมดา

แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี
  • ใครมีเทคนิคส่วนตัวในการแปรงจะช่วยเพิ่มความสะอาดของฟันได้มากขึ้น
  • เลือกรูปแบบหัวแปรงได้หลากหลาย รวมถึงลักษณะด้ามจับ สีสัน
  • พกพาสะดวก แปรงได้ทุกที่ ไม่ต้องชาร์จแบต
  • ราคาไม่แพง

จุดเด่นของแปรงสีฟันไฟฟ้า

  • ใช้งานง่ายมาก สะดวกสบาย เพราะมีระบบการแปรงอัตโนมัติ แค่ทำมุมให้เหมาะสมกับฟัน
  • ไม่ต้องออกแรงเยอะก็ทำให้ฟันสะอาดทุกซี่ ไม่ต้องมีเทคนิคใด ๆ ในการแปรงให้ยุ่งยาก
  • มีระบบการจับเวลาในการทำความสะอาด ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการแปรงว่าสะอาดแน่นอน
  • ตอบโจทย์คนที่ไม่ชอบการแปรงฟัน รวมถึงเด็ก ๆ ที่มักบ่ายเบี่ยงไม่อยากแปรงฟัน
แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

ข้อผิดพลาดในขณะที่คุณใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า


เมื่อพูดถึงแปรงสีฟันไฟฟ้า มีข้อผิดพลาดที่ผู้คนมักทำ ต่อไปนี้คือหกรายการที่พบบ่อยที่สุด ตามมาดูต่อกันเลยค่ะ

  • ซื้อแปรงสีฟันผิดประเภท แปรงสีฟันไฟฟ้านั้นมีคุณสมบัติที่แตกต่งกันไป ก่อนจะใช้งานควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า แปรงจับกระชับมือไหม และหัวแปรงไฟฟ้าเข้ากับปากได้ง่าย ควรเลือกซื้อแปรงขนอ่อน เพื่อไม่ให้การแปรงฟันแรงเกินไปและทำให้เหงือกเจ็บ
  • แปรงฟันไม่นานพอ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ แนะนำให้แปรงฟันเป็นเวลา 2 นาทีเต็ม ซึ่งแปรงสีฟันไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีตัวจับเวลา แต่หลายคนก็ยังแปรงฟันค่อนข้างเร็ว ดังนั้น ควรตรวจสอบว่า คุณใช้ตัวจับเวลาในการทำความสะอาด เพื่อแจ้งให้คุณทราบว่าคุณแปรงฟันมานานพอแล้วหรือยัง
  • แปรงฟันแรงเกินไป หลายคนอาจจะชอบแปรงฟันแรงเกินไป ซึ่งอาจทำลายเคลือบฟัน และทำให้เหงือกร่นได้ ทางที่ดีควรแปรงฟังให้เบามือ แล้วปล่อยให้แปรงสีฟันไฟฟ้าทำงาน
  • ไม่เคยเปลี่ยนหัวแปรง เพื่อสุขอนามัยที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นแปรงสีฟันปกติ หรือแปรงสีฟันไฟฟ้า ก็ควรเปลี่ยนหัวแปรงสีฟันไฟฟ้าทุกๆ 3 เดือนหรือเร็วกว่านั้นหากขนแปรงหลุดลุ่ย หัวแปรงใหม่จะช่วยให้คุณทำความสะอาดฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ไม่ทำความสะอาดแปรงสีฟัน แปรงสีฟันของคุณ อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรียได้ หากไม่ทำความสะอาดเป็นประจำ ควรมั่นล้างหัวแปรงทุกครั้งหลังการใช้งานแต่ละครั้ง และปล่อยให้แห้ง อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ฆ่าเชื้อหัวแปรงด้วยการแช่ในน้ำส้มสายชูหรือแอลกอฮอล์
  • ไม่ทำตามคำแนะนำจากผู้ผลิตหรือโรงงาน หลายคนไม่ทราบว่าแปรงสีฟันไฟฟ้า สามารถทำลายฟันและเหงือกได้หากใช้อย่างไม่ถูกต้อง ดังนั้นควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิต และปฏิบัติตามคำเตือนจากโรงงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานได้อย่างเต็มที่

สรุปรีวิว แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี เหมาะกับการใช้งาน

หลังทำการรีวิวเอาไว้ทั้ง 5 รุ่นแล้ว ต้องบอกว่า แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B Pro500 ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัว ทั้งหัวแปรงถอดออกเปลี่ยนได้ง่ายผ่านหัวแปรงรุ่น Cross Action ตัวขนเอียงทำมุมเหมาะสมกับซอกฟัน 

มีการเคลื่อนที่แบบ 3D กำจัดพลาคฟันได้ดี ด้านแปรงกันน้ำ ใช้งานสบายใจ มีไฟแจ้งเวลาทำงานเมื่อครบ 2 นาที และไฟบอกระดับแบตเตอรี่ ใช้งานได้สูงสุด 7 วัน ที่สำคัญนี่คือแปรงสีฟันไฟฟ้ามาตรฐานการผลิตจากเยอรมนี

Similar Posts