ยาย้อมผม ยี่ห้อไหนดี

พอเข้าฤดูร้อนหรือใกล้ช่วงสงกรานต์ทีไรเทรนด์การย้อมสีผมใหม่ๆก็ต้องมา ยิ่งปัจจุบันนี้ที่เห็นๆกันเต็มไปหมดก็คงจะไม่พ้นกระแสของ Y2K ที่แต่ละคนต่างก็เน้นไปทำสีผมโทนสว่างๆ สีสันสะท้านทรวงสุดๆ เห็นแล้วก็อยากจะเข้าร้านทำผมแบบด่วนๆเพื่อที่จะไม่ตกเทรนด์อย่างไรอย่างนั้น

ยิ่งสีผมโทนสว่างๆนี่แหละค่ะที่เมื่อทำแล้วจะพาให้เรามีข้อกังวลที่ตามมาซึ่งนั่นก็ผมจะเสียมากไปกว่านี้ไหม จะมียาย้อมผมแบบไหนบ้างที่เหมาะกับสภาพผมของเรา จะย้อมแบบเคมีดีหรือแบบออร์แกนิคดีเพราะทั้งสองแบบนี้ข้อดีนั้นต่างกันตรงที่แบบเคมีสีค่อนข้างติดทนนานแต่ก็ต้องแลกด้วยสุขภาพของเส้นผม แต่ถ้าย้อมแบบออร์แกนิคก็จะดีตรงที่ผมเราจะไม่ได้รับความเสียหายไปมากกว่าที่เป็นอยู่แต่สีที่ย้อมก็จะเฟดลงอย่างรวดเร็ว

ดังนั้นวันนี้เราจะพามาดูว่ามี ยาย้อมผม ยี่ห้อไหนดี ที่ทำให้เราพอใจกับผลลัพธ์ที่ไม่เพียงแค่ให้สีที่ถูกใจแต่ยังไม่ทำให้ผมของเราเสียสุขภาพไปมากกว่านี้ค่ะ ซึ่งจะมียาย้อมผมที่เหมาะกับการย้อมทั้งสองแบบเพื่อที่จะได้ง่ายต่อการเลือกซื้อเนอะ 

5 ยาย้อมผม ยี่ห้อไหนดี

1. NIGAO Hair Color
อันดับ 1
  • ตัวเลือกสีผมหลากหลาย
  • อ่อนโยนต่อเส้นผม
  • ปราศจากแอมโมเนีย ช่วยลดความระคายเคืองขณะชโลมยาย้อมผมและลดความฉุนของตัวน้ำยา
  • คงความชุ่มชื้นให้แก่เส้นผม
  • สีผมชัดเจนสม่ำเสมอ
  • ราคาไม่แรงมากถ้าเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้
  • สามารถเลือกซื้อไฮโดรเจนตามเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นที่ต้องการ
Mise en scène hello bubble foam color
อันดับ 2
  • สามารถทำได้เองที่บ้าน
  • ปราศจากสารแอมโมเนีย
  • แอมพูลบำรุงเส้นผมให้มีความเรียบ นุ่มลื่นและมีกลิ่นหอม
  • ความสม่ำเสมอของสีและสามารถปกปิดผมขาวได้ดี
  • อุปกรณ์ที่จำเป็นได้แถมมากับตัวกล่อง
Clairol Nice'n Easy Permanent Hair Color
อันดับ 3
  • เน้นที่ความเป็นธรรมชาติของสีผมโดยเฉพาะเฉดสีบลอนด์ และมีเฉดสีธรรมชาติที่มีให้เราเลือกมากถึง 54 เฉดสี
  • อ่อนโยนต่อหนังศรีษะ
  • เป็น non-drip formula ไม่มีการหยดเลอะระหว่างที่ทาลงบนผม
  • มีคอนดิชั่นเนอร์ที่จะเข้าบำรุงผม เนื้อครีมมีกลิ่นหอมของดอกไม้
  • เป็นสูตรที่ลดโอกาสในการเกิดภูมิแพ้สำหรับคนที่ยังไม่เคยมีอาการแพ้สีย้อมผม

รีวิว 5 ยาย้อมผม ยี่ห้อไหนดีที่ย้อมแล้วสีสวยโดนใจ ไม่ว่าจะเทรนด์ไหนๆ ผมก็ไม่เสีย 2023

อย่างที่ได้กล่าวไปนะคะว่าบทความนี้เราจะรวบรวมเอายาย้อมผมจากยี่ห้อต่างๆทั้งที่เหมาะกับการย้อมผมแบบเคมีและการย้อมผมแบบออร์แกนิค ซึ่งรายละเอียดของแต่ละยี่ห้อจะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลยค่ะทุกคน

1. NIGAO Hair Color 

NIGAO Hair Color

จะขอเริ่มจาก ยาย้อมผม ยี่ห้อไหนดี อันดับแรกที่เหมาะกับการย้อมผมแบบเคมีกันก่อนนะคะ ซึ่งยี่ห้อที่เราจะพูดถึงนั้นก็คือยาย้อมผมจากยี่ห้อ NIGAO นั่นเอง ซึ่งสีที่เราแนะนำนั้นก็เป็นหนึ่งในโทนสีที่หลายๆคนมักจะทำช่วงซัมเมอร์แบบนี้ซึ่งนั่นก็คือสีแดงเชอร์รี่เบอร์ R7 นะที่นอกจากจะเป็นสีฮอตฮิตแล้วก็ยังไม่เอ้าท์จากกระแส Y2K ถามว่าทำไมยี่ห้อ NIGAO ถึงน่าซื้อมาใช้ เหตุผลที่นอกเหนือจากการที่ยี่ห้อนี้มีตัวเลือกสีผมที่หลากหลายไม่แพ้ยี่ห้ออื่นๆแต่เขาค่อนข้างที่จะใส่ใจในเรื่องความอ่อนโยนต่อเส้นผมค่ะ

โดยผลิตภัณฑ์ของยี่ห้อนี้เขาได้เเคลมไว้ว่าปราศจากแอมโมเนีย จุดนี้เป็นอะไรที่ดีมากเลยเพราะช่วยลดในเรื่องของความระคายเคืองขณะชโลมยาย้อมผมและลดความฉุนของตัวน้ำยาลงไปได้เยอะทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ยาย้อมผมของยี่ห้อเขายังนำเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Squalane และ Crodofros HCE เป็นการสกัดสารที่อุดมไปด้วยคุณค่าช่วยให้ผมอ่อนนุ่มเป็นประกายผนวกเข้ากับเทคโนโลยีที่ทำให้สีผมชัดเจนสม่ำเสมอแถมยังคงความชุ่มชื้นให้แก่เส้นผมได้ในขณะเดียวกัน ดังนั้นถ้าใครที่ต้องการเปลี่ยนสีผมด้วยการย้อมที่เป็นการย้อมสีเคมีแล้วล่ะก็ เราก็คิดว่ายาย้อมผมจากยี่ห้อ NIGAO นี่แหละค่ะที่ดูแล้วสีผมสวยและไม่เสียจนเกินไป 

จุดเด่น
  • ตัวเลือกสีผมหลากหลาย
  • อ่อนโยนต่อเส้นผม
  • ปราศจากแอมโมเนีย ช่วยลดความระคายเคืองขณะชโลมยาย้อมผมและลดความฉุนของตัวน้ำยา
  • คงความชุ่มชื้นให้แก่เส้นผม
  • สีผมชัดเจนสม่ำเสมอ
  • ราคาไม่แรงมากถ้าเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้
  • สามารถเลือกซื้อไฮโดรเจนตามเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นที่ต้องการ
จุดควรพิจารณา
  • ราคาค่อนข้างสูง
  • เหมาะกับการทำขนมในปริมาณมากหรือทำเพื่อค้าขาย

2. Mise en scène hello bubble foam color

Mise en scène hello bubble foam color

ยาย้อมผมยี่ห้อที่สองนี้ยังคอยู่ในหมวดของยาย้อมผมแบบเคมีนะคะซึ่งก็จะมาจากยี่ห้อ Mise En Scene ซึ่งยาย้อมจากแดนโสมยี่ห้อนี้เนี่ยจะมาในรูปแบบของโฟมเปลี่ยนสีผมค่ะ  ดังนั้นข้อดีของการเป็นยาย้อมผมแบบโฟมนี้ก็คือการที่เราสามารถทำได้เองที่บ้านโดยไม่จำเป็นต้องออกไปทำที่ซาลอนเลยยังไงล่ะ แถมยังเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ปราศจากสารแอมโมเนียอีกเช่นเดียวกันค่ะ มาพร้อมกับแอมพูลบำรุงเส้นผมให้มีความเรียบ นุ่มลื่นและมีกลิ่นหอม

นอกจากนี้เรื่องของความสม่ำเสมอของสีและประสิทธิภาพ การปกปิดผมขาวก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลย อีกทั้งในกล่องก็ยังแถมอุปกรณ์ที่จำเป็นมาในกล่องด้วยอย่างเช่น ขวดปั้มพร้อมชุดน้ำยาเปลี่ยนสีผม แผ่นแนะนำวิธีใช้ ถุงมือ ผ้าคลุมกันเปื้อน (แอบดีใจตรงจุดนี้เพราะหลายๆยี่ห้อแถมมาแค่ถุงมือค่ะ ฮ่าๆๆ) และสุดท้ายก็คือ after-dye conditioner ที่ให้เราใช้หลังการทำสีผมซึ่งเป็นตัวช่วยล็อคความชุ่มชื้นให้แก่เส้นผม ทำให้ผมดูมีชีวิตชีวาและเปล่งประกายตลอดวัน อย่างไรก็ตามสีที่ย้อมนั้นสามารถติดทนได้นานถึง 6-8 สัปดาห์นะคะ

จุดเด่น
  • สามารถทำได้เองที่บ้าน
  • ปราศจากสารแอมโมเนีย
  • แอมพูลบำรุงเส้นผมให้มีความเรียบ นุ่มลื่นและมีกลิ่นหอม
  • ความสม่ำเสมอของสีและสามารถปกปิดผมขาวได้ดี
  • อุปกรณ์ที่จำเป็นได้แถมมากับตัวกล่อง
จุดควรพิจารณา
  • สีสามารถติดทนได้นานถึง 6-8 สัปดาห์
  • ราคากลางๆ ไม่ถูกเกินไปหรือแพงเกินไป

3. Clairol Nice’n Easy Permanent Hair Color

Clairol Nice'n Easy Permanent Hair Color

สำหรับยี่ห้อที่สามนั้นมาจากยี่ห้อ Clairol โดยชื่อที่ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ย้อมผมนั้นก็คือ Nice’n Easy Permanent Hair Color ค่ะ ซึ่งจุดเด่นของตัวนี้จะเน้นที่ความเป็นธรรมชาติของสีผมโดยเฉพาะเฉดสีบลอนด์เมื่อต้องย้อมลงบนผมขาวหรือผมดำธรรมชาติ ค่อนข้างอ่อนโยนต่อหนังศรีษะ และสูตรนี้ก็สามารถทาลงบนผมได้โดยไม่มีการหยดเลอะเลยค่ะ มาพร้อมคอนดิชั่นเนอร์ที่จะเข้าบำรุงผมในทุกขั้นตอนเพื่อผมนุ่มสลวยเป็นประกาย

อีกทั้งยังเป็นสูตรที่ลดโอกาสในการเกิดภูมิแพ้สำหรับคนที่ยังไม่เคยมีอาการแพ้สีย้อมผม และที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้นคือความหลากหลายของเฉดสีธรรมชาติที่มีให้เราเลือกมากถึง 54 เฉดสีและตัวเนื้อครีมก็ยังให้กลิ่นหอมของดอกไม้อีกด้วย ซึ่งถ้าใครชอบสีที่ให้ลุคธรรมชาติ ดูสุขภาพดีแล้วล่ะก็ ยาย้อมผมยี่ห้อนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจนะคะ ในส่วนของความคงทนของสีนั้นหลังจากย้อมแล้วสีสามารถติดนได้นานกว่า 8 สัปดาห์เลยทีเดียวค่ะ

จุดเด่น
  • เน้นที่ความเป็นธรรมชาติของสีผมโดยเฉพาะเฉดสีบลอนด์ และมีเฉดสีธรรมชาติที่มีให้เราเลือกมากถึง 54 เฉดสี
  • อ่อนโยนต่อหนังศรีษะ
  • เป็น non-drip formula ไม่มีการหยดเลอะระหว่างที่ทาลงบนผม
  • มีคอนดิชั่นเนอร์ที่จะเข้าบำรุงผม เนื้อครีมมีกลิ่นหอมของดอกไม้
  • เป็นสูตรที่ลดโอกาสในการเกิดภูมิแพ้สำหรับคนที่ยังไม่เคยมีอาการแพ้สีย้อมผม
จุดควรพิจารณา
  • สีสามารถติดนได้นานกว่า 8 สัปดาห์
  • ราคาต่อกล่องค่อนข้างแพง

4. Naturigin Permanent Hair Colour

Naturigin Permanent Hair Colour

ในส่วนของยาย้อมผมยี่ห้อที่สี่นี้เราจะมาดูทางฝั่งของยาย้อมผมที่เป็นสีย้อมแบบออร์แกนิคกันบ้างนะคะ โดยยี่ห้อที่เรานำมาแนะนำก็คือ Naturigin Permanent Hair Colour ยาย้อมผมออร์แกนิคจากประเทศเดนมาร์กที่ได้รับการรับรองว่าเป็นยาย้อมผมออร์แกนิค 100% จากสถาบันที่เชื่อถือได้ในเดนมาร์กเลยทีเดียวแถมยังเป็นยี่ห้อที่ได้รับรองจาก The Nordic Swan Ecolabel ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่น้อยมากอีกด้วยแถมยังอ่อนโยนสุดๆไปเลย

เพราะว่าปราศจากแอมโมเนีย พาราเบน สารเรซอซินอลและสาร SLS สามารถปิดผมขาวได้ 100% เอาล่ะมาดูเรื่องของเฉดสีกันบ้าง สำหรับเฉดสีของยี่ห้อนี้เขาก็มาโทนธรรมชาติเลยนะคะ ครอบคลุมตั้งแต่ผมดำไปจนถึงผมบลอนด์รวมแล้ว 20 สีด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดนี้มีสารสกัดจากธรรมชาติล่อไปแล้ว 30 กว่าชนิดค่ะ ไม่มีน้ำหอมเลย กลิ่นไม่แรง และวางใจได้ว่าไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้งานแน่นอน แถมยังได้สีผมที่ดูสุขภาพดีเป็นธรรมชาติมากๆเลย

แต่ก็ตามที่ได้กล่าวไปว่าการเป็นยาย้อมผมแบบออร์แกนิคเนี่ยเรื่องความคงทนของสีจะยังไม่ทนนานเท่าแบบเคมี ดังนั้นผู้ใช้งานอาจจะต้องขยันย้อมหลังจากสีเริ่มจางลงนั่นเอง ซึ่งถ้าคุณไม่ได้รู้สึกว่ามันค่อนข้างจุกจิกและชอบสีผมที่ดูไปได้กับทุกๆสถานการณ์ล่ะก็ ยาย้อมผมยี่ห้อ Naturigin Permanent Hair Colour เป็นยี่ห้อที่ควรตำป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าราคาอาจจะสูงหน่อยก็ตามแต่ถ้าคุณภาพเขาดีขนาดนี้ก็คุ้มค่าแก่การลงทุน มากค่ะ

จุดเด่น
  • ผ่านการรับรองว่าเป็นยาย้อมผมออร์แกนิค 100% จากสถาบันที่เชื่อถือได้และรับรองจาก The Nordic Swan Ecolabel ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่น้อยมาก
  • อ่อนโยนต่อสุขภาพของผู้ใช้งาน ปราศจากแอมโมเนีย พาราเบน สารเรซอซินอลและสาร SLS
  • สามารถปิดผมขาวได้ 100%
  • เฉดสีเน้นโทนธรรมชาติครอบคลุมตั้งแต่ผมดำไปจนถึงผมบลอนด์รวมแล้ว 20 สี
  • มีสารสกัดจากธรรมชาติกว่า 30 ชนิด
  • ไม่มีน้ำหอม กลิ่นไม่แรง 
  • ราคาคุ้มค่ากับคุณภาพ
จุดควรพิจารณา
  • ความคงทนของสีจะยังไม่ติดทนนานเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค

5. KOTA สีย้อมผมออร์แกนิค

KOTA สีย้อมผมออร์แกนิค

ปิดท้ายด้วยยี่ห้อ KOTA ค่ะ ยี่ห้อนี้เนี่ยเขาเน้นความออร์แกนิคมากๆเลย เพราะส่วนผสมที่อยู่ในตัวยาย้อมผมนั้นอุดมไปด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติที่จำเป็นต่อสุขภาพของเส้นผมตั้งแต่น้ำมันมะพร้าว สารสกัดจากดอกอัญชัญ โสม โชวู น้ำมันจากผลอาร์แกน ว่านหางจระเข้ โจโจ้บาออยล์และน้ำมันมะกอก ซึ่งพอรวมๆกันแล้วเนี่ยสามารถมั่นใจได้เลยว่านอกจากสีผมสวยแล้วสุขภาพผมนั้นแข็งแรง นุ่มลื่น เงางามเเน่นอน อ้อ!

เมื่อพูดถึงเรื่องของสีแล้วยี่ห้อ KOTA เนี่ยมีด้วยกันทั้งหมด 9 เฉดสีที่ค่อนข้างมาโทนแฟชั่นมากๆ เรียกได้ว่าผลิตมาเพื่อเอาใจเหล่าวัยรุ่น สามารถดึงเอาบุคลิกของแต่ละคนออกมาฉายแสงได้เป็นอย่างดี ในส่วนของเรื่องความติดทนและความสม่ำเสมอของสีนั้น ด้วยความที่เป็นยาย้อมผมแบบ ออร์แกนิคสีอาจจะติดได้ไม่นานเท่ายาย้อมผมแบบเคมีนะคะแต่เรื่องของความสม่ำเสมอของสีนั้นสามารถทำออกมาได้ยอดเยี่ยมค่ะ   

จุดเด่น
  • อุดมไปด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติที่จำเป็นต่อสุขภาพของเส้นผม มั่นใจได้ว่าสุขภาพผมนั้นแข็งแรง นุ่มลื่น เงางามเเน่นอน
  • มี  9 เฉดสีที่ค่อนข้างมาโทนแฟชั่น
  • มีความสม่ำเสมอของสีค่อนข้างดี
จุดควรพิจารณา
  • ความคงทนของสีจะยังไม่ติดทนนานเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสำหรับการเลือกสีผมให้เข้ากับสีผิว

ยาย้อมผม ยี่ห้อไหนดี น่าสนใจ

การย้อมผมนั้นเป็นขั้นตอนที่ถึงแม้จะใช้เวลากว่าจะเสร็จแต่ก็ยังแพ้เวลาที่เราเสียไปกับการเลือกสีผมอยู่ดีนะคะทุกคน ซึ่งวันนี้เราจะขอมาแชร์วิธีการเลือกสีผมที่ใช่อีกรอบหนึ่งก็แล้วกันเพราะยังมีอีกหลายๆคนที่อาจจะเคยเห็นหลักการที่เอาสีผมมาเทียบกับสีผิวแต่ก็ยังงงอยู่ดีว่าสรุปแล้วผิวเรามันเข้ากับสีโทนไหนกันแน่ ว่าแล้วก็ดูไปพร้อมๆกันเลยค่ะ

1.ดูโทนสีผิว (Skin Undertone)

โทนสีผิวที่ว่านี้คือโทนสีผิวใต้ผิวหนังอีกทีหนึ่งซึ่งหลักๆแล้วก็จะมีอยู่ 3 โทนสีที่สามารถดูได้จากสีของเส้นเลือดแถวๆข้อมือ จากผิวของเราเมื่อออกแดด จากสีของดวงตาและสีผมธรรมชาติ จากสีเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับที่เราใส่เป็นประจำ โทนสีทั้งสามแบบนั้นได้แก่ 

  • ผิวโทนชมพู (Cool Undertone): สีผิวที่เห็นปกติจะออกเป็นสีชมพู น้ำเงินๆอาจจะติดโทนม่วงมานิดหน่อย
  • ผิวโทนธรรมชาติ (Neutral Undertone): สีผิวที่เห็นปกติจะออกไปทางน้ำเงินหรือเขียว
  • ผิวโทนเหลือง (Warm Undertone): สีผิวที่เห็นปกติจะออกไปทางสีออกพีชๆ เหลืองหรือออกทองๆ
5 ยาย้อมผม ยี่ห้อไหนดี

2. สีผมแบบไหนที่ใช่เรา

  • บลอนด์: ถ้าผิวโทนชมพูจะสามารถเข้าได้กับการทำผมสีทั้งสีบลอนด์ สีแอช แต่ควรเลี่ยงสีบลอนด์ทองแดง บลอนด์ทองหรือสีคาราเมลนะคะเพราะว่าจะทำให้ผิวเราดูอมชมพูจนเกินไปค่ะ  แต่ถ้าใครมีผิวโทนธรรมชาติแล้วทำสีเฉดนี้ล่ะก็จำทำให้ผิวโกลวขึ้นเยอะมากเลยค่ะ
  • น้ำตาล: ถ้าผิวโทนชมพูสามารถทำสีได้ทั้งสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงน้ำตาลเข้มเลยค่ะแต่ถ้าใครที่มีผิวโทนเหลืองแล้วนั้นควรเลือกสีน้ำตาลที่เข้มขึ้นไปอีกนิดก็จะช่วยขับผิวได้ดีมากเลยค่ะ
  • แดง: สำหรับคนที่มีผิวโทนชมพูแต่อยากทำผมสีแดงแล้วนั้น ก็พอจะมีเฉดสีแดงที่สามารถทำได้อยู่นะคะซึ่งควรเป็นสีแดงเฉดธรรมชาตินะ แต่ถ้าใครที่มีผิวโทนเหลือง เฉดสีแดงอย่างอย่างแดงส้ม ทองแดง แดงสนิม นั้นเป็นอะไรที่เข้ากันได้ดีค่ะ

อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่มีสีผิวโทนนี้อาจจะต้องเน้นไปที่การเทียบ skin undertone กับสีผิวที่เราเห็นปกติว่าสีที่เราเห็นนั้นค่อนไปทางโทนไหนแล้วจากนั้นก็ค่อยเลือกเฉดสีที่เหมาะสมกับโทนที่เราเทียบค่ะ

บทสรุป ยาย้อมผม ยี่ห้อไหนดี

สำหรับยี่ห้อยาย้อมผมที่เราคิดว่าน่าลองมากๆ และโดนใจสายแฟชั่นโดยที่ผมไม่เสียนั้นก็คือยี่ห้อ NIGAO Hair Color ตัวแทนจากทางฝั่งยาย้อมผมเคมีค่ะ เพราะว่าเขาเน้นความอ่อนโยนต่อเส้นผมด้วยการไม่ใส่แอมโมเนีย ทำให้ตัวยาย้อมไม่มีกลิ่นฉุนแสบจมูก ลดความระคายเคืองบนหนังศรีษะ และมีเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Squalane และ Crodofros HCE ที่ช่วยให้ผมอ่อนนุ่มเป็นประกาย คงความชุ่มชื้น สีผมชัดเจนสม่ำเสมอนั่นเองค่ะ อย่างไรก็แล้วแต่เมื่อย้อมสีผมแล้วก็อย่าลืมทำการบำรุงผมเป็นประจำด้วยนะคะ เพื่อให้ผมของเราไม่แห้งเสีย มีสุขภาพดี ซึ่งหากถามว่ามีผลิตภัณฑ์บำรุงผมแบบไหนบ้างที่ควรเลือกใช้ อย่างง่ายๆเลยคือเริ่มจากการใช้ทรีทเม้นท์บำรุงผมก่อนเลย เพราะสามารถใช้ได้ระหว่างที่เราสระผม ต่อมาก็คือเซรั่มบำรุงผมกับเคราติน ซึ่งสามารถเลือกตามความสะดวกได้เลยค่ะ

Similar Posts