สำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมไม่ว่าจะเป็น ผมแห้งเสีย ผมชี้ฟู ผมลีบแบน ผมขาดหลุดร่วง รวมทั้งปัญหาอื่นที่เกี่ยวกับเส้นผม ซึ่งปัญหาต่างๆ เหล่านี้เพียงการดูแลจากแชมพูและครีมนวดผมอาจยังไม่เพียงพอ การเลือกรับประทานคอลลาเจนเพื่อบำรุงเส้นผม หรือแม้แต่การเลือกใช้ทรีทเม้นท์เข้ามาเป็นตัวช่วยจะทำให้เส้นผมได้รับการบำรุงที่เข้มข้นและล้ำลึกมากยิ่งขึ้น ส่วนทรีทเม้นท์ผม ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะกับคุณ ในบทความนี้เรามีวิธีการเลือก พร้อมทั้งแนะนำ 6 ทรีทเม้นท์ที่กำลังได้รับความนิยมมาให้พิจารณากัน
ทรีทเม้นท์ผม ยี่ห้อไหนดี
- ทรีทเม้นท์ผม Eucerin Democapillaire Re-Vitalizing Scalp Treatment Thinning Hair
- ทรีทเม้นท์ผม Pantene Biotin Strong Weekly Hair Mask Rinse-Off Treatment
- ทรีทเม้นท์ผม Sunsilk Treatment Smooth and Manageable Pink
- ทรีทเม้นท์ผม Dove Intense Repair Treatment Mask Dark Blue
- ทรีทเม้นท์ผม TRESemmé Treatment Mask Keratin Smooth Red
- ทรีทเม้นท์ผม The Body Shop Shea Butter Richly Replenishing Hair mask
รีวิว 6 อันดับ ทรีทเม้นท์ผม ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะกับคุณ
หลักจากได้ทราบกันไปแล้วว่าการเลือกทรีทเม้นท์สามารถเลือกอย่างไรจึงจะเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด คราวนี้มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีทรีทเม้นท์ยี่ห้อไหนที่น่าจะโดนใจคุณกันบ้าง
1. ทรีทเม้นท์ผม Eucerin Democapillaire Re-Vitalizing Scalp Treatment Thinning Hair
เริ่มต้นรายชื่อทรีทเม้นท์ผม ยี่ห้อไหนดีกันด้วยแบรนด์ชั้นนำกับ Eucerin Democapillaire Re-Vitalizing Scalp Treatment Thinning Hair ที่อัดแน่นมาด้วยสารบำรุงเส้นผมที่มีประโยชน์มากมายอย่าง ลิโคชาลโคน เอ ตัวช่วยในการฟื้นฟูบำรุงหนังศีรษะจากการระคายเคือง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง ผมบาง ผนวกกับ คาร์นีทีนและครีเอทีนที่ช่วยชะลอการขาดหลุดร่วงของเส้นผม ไม่ให้ขาดเปราะง่าย
Eucerin Democapillaire Re-Vitalizing Scalp Treatment Thinning Hair ได้รับการวิจัยและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพในการลดปัญหาผมบาง ผมขาดร่วง โดยการบำรุงลึกจากรากถึงจรดปลายผม ช่วยหล่อเลี้ยงหนังศีรษะให้แข็งแรงสมดุล ส่งผลให้เส้นผมมีสุขภาพดี เงางาม นุ่มสลวย และยังทำให้ผมดูหนาขึ้นถึง 45% ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนังว่าอ่อนโยนไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ สามารถใช้ได้ทุกวัน มีกลิ่นหอม และยังใช้ได้กับทุกสภาพหนังศีรษะ ใครที่กำลังเจอปัญหาผมร่วงอยู่ล่ะก็ ทรีทเม้นท์แบรนด์นี้จัดว่าน่าสนใจไม่น้อย
- มีลิโคชาลโคน เอ ช่วยลดการระคายเคืองของหนังศีรษะ
- มีคาร์นีทีนและครีเอทีน ช่วยลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผม
- สามารถใช้ได้ทุกสภาพหนังศีรษะ
- ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง
- ควรใช้คู่กับยูเซอริน เดอร์โมคาพิลแลร์ ทินนิ่ง แฮร์ แชมพู เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพดีขึ้น
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงเพราะฮอร์โมน
2. ทรีทเม้นท์ผม Pantene Biotin Strong Weekly Hair Mask Rinse-Off Treatment
มาต่อกันเลยกับแบรนด์ที่โด่งดังเรื่องการดูแลเส้นผมที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับ Pantene Biotin Strong Weekly Hair Mask Rinse-Off Treatment ทรีทเม้นท์ มาส์ก สูตรเข้มข้น มาพร้อมกับโปรวิตามิน สำหรับช่วยในการดูแลปัญหาผมขาดร่วงโดยเฉพาะ ช่วยบำรุงลึกถึงรากผมด้วยสารอาหารสำคัญอย่างไบโอติน ซึมซาบได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้โครงสร้างของเส้นผมมีความแข็งแรง ไม่ร่วงหลุด หรือเปราะขาดง่าย
ด้วยความเข้มข้นของทรีทเม้นท์สูตรนี้จึงเหมาะที่จะใช้บำรุงเส้นผมเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งๆ ละ 5นาที ก็เพียงพอสำหรับช่วยเติมเต็มผมที่อ่อนแอ ผมแห้งชี้ฟู ให้กลับมานุ่มสลวย เงางาม สามารถดูแลเรื่องผมขาดหลุดร่วง ควบคู่กับการช่วยบำรุงผมแห้งเสียให้มีสุขภาพดีในราคาปานกลาง และยังหาซื้อง่ายอีกด้วย
- สูตร โปรวิตามิน ซึมซาบเร็ว
- มีสารอาหารสำคัญคือ ไบโอติน ช่วยให้ผมแข็งแรง
- มีความเข้มข้นมากใช้เพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- ช่วยดูแลผมให้มีสุขภาพดีตั้งแต่โคนจรดปลายผม
- เหมาะสำหรับผมแห้งเสีย
- ควรใช้ควบคู่กับแชมพูและทรีมินิทมิราเคิลเพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพในการบำรุงดีมากขึ้น
3. ทรีทเม้นท์ผม Sunsilk Treatment Smooth and Manageable Pink
ทรีทเม้นท์ผม ยี่ห้อไหนดีตัวต่อมาที่มีชื่อเสียงเรื่องการดูแลเส้นผมและได้รับความนิยมไม่แพ้แบรนด์อื่นก็คือ Sunsilk Treatment Smooth and Manageable Pink มาในกระปุกสีชมพูที่ร่วมคิดค้นสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผมตรงเรียบลื่นจากประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ส่วนผสมที่ทรงคุณค่าจากน้ำมันธรรมชาติถึง 5 ชนิด มีคุณสมบัติช่วยให้ผมมีน้ำหนัก จัดทรงง่าย ไม่ลีบแบน อยู่ทรงตลอดทั้งวัน
นอกจากนี้ยังผสานกับอาร์แกนออยล์และคามิเลียเอสเซนส์ ที่สามารถช่วยดูแลเส้นผมได้อย่างล้ำลึกเพื่อช่วยเติมสารอาหารให้เส้นผมที่ขาดน้ำหนักมีสุขภาพดี แข็งแรง และยังมาพร้อมกับกลิ่นที่หอมสดชื่นรู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้เลยทีเดียว จัดว่าเป็น Treatment สูตรทำให้ผมมีน้ำหนักนุ่มสวย ใครที่มีผมลีบแบน ผมขาดน้ำหนัก ผมแห้งเสีย ตัวนี้เป็นอีกสูตรที่น่าใช้ในราคาค่อนข้างถูกและยังหาซื้อได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นสรรพสินค้าหรือตามร้านค้าทั่วไป
- เป็นทรีทเม้นท์สูตรผมมีน้ำหนักจัดทรงง่าย
- เหมาะสำหรับผมลีบแบน ขาดน้ำหนัก
- มีน้ำมันธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ถึง 5 ชนิด
- มีอาร์แกนออยล์และคามิเลียเอสเซนส์
- ราคาไม่แพงจนเกินไป หาซื้อง่าย
- หากต้องการบำรุงให้ครบทุกเรื่องต้องซื้อสูตรอื่นเพิ่มเติม
4. ทรีทเม้นท์ผม Dove Intense Repair Treatment Mask Dark Blue
ทรีทเม้นท์ผม ยี่ห้อไหนดี ที่เราอยากแนะนำอีกตัวก็คือ Dove Intense Repair Treatment Mask เป็นสูตรที่มีความเข้มข้นมากๆ เหมาะสำหรับผมแห้งเสียจากการทำสี ผมผ่านการดัด หรือผ่านเคมีต่างๆ มีส่วนผสมสำคัญจากน้ำมันดอกทานตะวันและเคราตินที่ช่วยบำรุงลึกถึงแกนผม ทำให้ผมแข็งแรง นุ่มสวย ไม่ขาดเปราะง่าย มีน้ำหนัก เงางาม ผมไม่พันกันทำให้หวีง่ายมากขึ้น
Dove Intense Repair Treatment Mask เป็นแบรนด์คุณภาพที่เคลมว่าสามารถช่วยฟื้นบำรุงเส้นผมที่แห้งเสียให้กลับมามีชีวิตชีวา มีสุขภาพดี ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ และให้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้นเมื่อใช้ในครั้งต่อไป สามารถใช้ได้ทุกวันโดยไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้ผมมัน หรือรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ เป็นทรีทเม้นท์ที่สามารถตอบโจทย์เรื่องผมแห้งเสียจากสารเคมีได้ดีมากอีกตัวหนึ่ง
- มีส่วนผสมของน้ำมันดอกทานตะวันและเคราตินสำหรับช่วยบำรุงเส้นผม
- เหมาะสำหรับผมแห้ง ผมเสียจากการทำสี
- เห็นผลดีตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
- สามารถใช้ได้ทุกวันไม่เหนียวเหนอะหนะ
- หากต้องการบำรุงให้ครบทุกเรื่องต้องซื้อสูตรอื่นเพิ่มเติม
5. ทรีทเม้นท์ผม TRESemmé Treatment Mask Keratin Smooth Red
หากถามว่าทรีทเม้นท์ผม ยี่ห้อไหนดีที่เหมาะสำหรับผมชี้ฟู เราขอแนะนำ TRESemmé Treatment Mask Keratin Smooth Red ที่สามารถบำรุงให้เส้นผมนุ่มลื่น เงางาม ลดการเกิดผมชี้ฟูได้นานถึง 48 ชั่วโมง ด้วยส่วนผสมหลักจากเคราตินที่ช่วยเติมเต็มให้โครงสร้างของเส้นผมมีความแข็งแรงอย่างล้ำลึกถึงภายใน มาพร้อมกับน้ำมันดอกทานตะวันที่มีคุณสมบัติพิเศษเรื่องการบำรุงเส้นผมให้นุ่มลื่น แข็งแรงและยังช่วยให้สามารถทนต่อความร้อนได้ดีมากยิ่งขึ้น
เพียงใช้ TRESemmé Treatment Mask Keratin Smooth Red ชโลมผมที่เปียกบริเวณกลางผมลงมาจรดปลายผม หมักทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออกให้สะอาดก็จะได้เส้นผมที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ นุ่มสลวย เป๊ะปัง ไม่หยาบกระด้าง ไม่ชี้ฟูได้ยาวนานราวกับเข้าซาลอนกันเลยทีเดียว แต่เนื่องจากว่าเป็นทรีทเม้นท์ที่มีความเข้มข้นมากเป็นพิเศษ จึงไม่เหมาะกับคนที่มีผมและหนังศีรษะมัน
- มีส่วนผสมของน้ำมันดอกทานตะวันช่วยบำรุงเส้นผม
- มีส่วนผสมของเคราตินสำหรับช่วยบำรุงเส้นผ
- เหมาะสำหรับผมแห้ง ผมชี้ฟู
- ช่วยให้ผมเรียบตรงไม่ชี้ฟูนาน 48 ชั่วโมง
- ไม่เหมาะกับคนที่มีผมและหนังศีรษะมัน
6. ทรีทเม้นท์ผม The Body Shop Shea Butter Richly Replenishing Hair mask
ทรีทเม้นท์ผม ยี่ห้อไหนดีตัวสุดท้ายที่เรานำมาแนะนำก็คือ The Body Shop Shea Butter Richly Replenishing Hair mask ทรีทเม้นท์บำรุงผมที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมายไม่ว่าจะเป็นเชียบัตเตอร์, โอลีฟออยล์, โคโค่นัทออยล์ และ โกโก้บัตเตอร์ จัดเต็มมาเพื่อช่วยฟื้นฟูเส้นผมแห้งเสีย ให้กลับมานุ่มลื่น มีสุขภาพดี และยังช่วยล็อคความชุ่มชื้นไว้ในเส้นผมได้อย่างทรงประสิทธิภาพ
The Body Shop Shea Butter Richly Replenishing Hair mask ยังช่วยลดการอักเสบการระคายเคือง ลดการสะสมของความมันบริเวณหนังศีรษะตัวการที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องผมงอกใหม่ ช่วยทำให้ผมมีสุขภาพดีจึงส่งผลให้ผมขาดหลุดร่วงน้อยลง หากคุณกำลังมองหาทรีทเม้นท์สำหรับช่วยฟื้นฟูผมแห้ง และลดปัญหาผมร่วง ตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์มากๆ
- มีสารอาหารจาก เชียบัตเตอร์, โอลีฟออยล์, โคโค่นัทออยล์, น้ำมันมะกอก และ โกโก้บัตเตอร์ ช่วยฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม
- เหมาะสำหรับผมแห้งเสีย ผมขาดร่วง
- ลดปัญหาหนังศีรษะมัน
- ในผู้ที่ผมแห้งเสียมากควรหมักผมไว้ข้ามคืน
วิธีเลือก ทรีทเม้นท์ผม ยี่ห้อไหนดี
เนื่องจากแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของสภาพเส้นผม สภาพหนังศีรษะ จึงมีการพัฒนาสูตรและความเข้มข้นรวมถึงคุณภาพออกมาให้เลือกใช้มากมาย ผู้บริโภคจึงต้องเลือกให้มีความเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด ส่วนการจะเลือกทรีทเม้นท์ผม ยี่ห้อไหนดีนั้นมีเรื่องที่ต้องพิจารณาดังนี้
1. เลือกจากสภาพของเส้นผม
โดยสภาพเส้นผมของเราสามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกันคือ
ผมแห้ง ผมแตกปลาย
อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการขาดความชุ่มชื้นจากการสูญเสียน้ำ ต่อมไขมันบริเวณผิวหนังทำงานผิดปกติ เกิดจากความร้อนการจัดทรงหรือการทำสีผม หากคุณกำลังประสบปัญหาเหล่านี้ ควรเลือกทรีทเม้นท์ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม เช่น น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันมะกอก, น้ำมันดอกทานตะวัน, โจโจ้บาออยล์, อาร์แกนออยล์
รวมทั้งเคราติน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญของเส้นผม ช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อน ลดการชี้ฟู และยังช่วยปกป้องเส้นผมสารเคมีได้ดีอีกด้วย
ผมขาดหลุดร่วง
มักจะเกิดจากการที่เส้นผมอ่อนแอ รากผมไม่แข็งแรง จึงควรเลือกทรีทเม้นท์ที่ช่วยบำรุงให้เส้นผมแข็งแรงแบบล้ำลึกถึงระดับรากผม เช่น ทรีทเม้นท์ที่มีส่วนผสมของโปรวิตามิน, เคราติน และ ไบโอติน เพราะเป็นสารที่ช่วยทำให้โครงสร้างของเส้นผมมีความแข็งแรงมากขึ้น หรือจะเลือกที่มีส่วนผสมของสาร Lipidure หรือ กรดไฮยาลูรอนิก สารเหล่านี้สามารถช่วยลดผมขาดหลุดร่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
ผมหรือหนังศีรษะแพ้ง่าย
ควรหลีกเลี่ยงทรีทเม้นท์ที่มีส่วนผสมของซิลิโคน, น้ำหอม, พาราเบน และสารเคมีอันตรายอื่นๆ เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองเกิดการแพ้ขึ้นได้ ควรใช้ทรีทเม้นท์ผมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติหรือเลือกทรีทเม้นท์ผมที่ผ่านการรับรองจากแพทย์ผิวหนังว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ก็จะทำให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
2. เลือกจากสูตรของทรีทเม้นท์
การเลือกทรีทเม้นท์ผม ยี่ห้อไหนดีนั้นสามารถเลือกได้จากสูตรต่างๆ ที่มีการผลิตออกมาจำหน่าย ซึ่งส่วนใหญ่แต่ละสูตรจะผลิตออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน โดยการเติมสารอาหารที่มีประโยชน์ลงไปเพื่อให้ออกฤทธิ์ฟื้นฟูและบำรุงเส้นผมตามความต้องการของผู้ใช้งาน เช่น บางคนอาจต้องการให้เส้นผมยาวเร็วมากขึ้น ก็ควรเลือกทรีทเม้นท์สูตรเร่งผมยาว
หรือหากต้องการผมที่นุ่มลื่นไม่ชี้ฟูก็ควรเลือกทรีทเม้นท์สูตรลดอาการผมชี้ฟู เป็นต้น การเลือกที่ดีจึงต้องตรวจสอบรายละเอียดของส่วนผสมให้ชัดเจนว่าเป็นสูตรที่ต้องการและเหมาะกับเส้นผมของตนเองหรือไม่ โดยเฉพาะหากคุณมีผิวแพ้ง่าย ถ้าไม่เลือกด้วยความระมัดระวังก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือเกิดอันตรายขึ้นได้อีกด้วย
3.เลือกจากประเภทของทรีทเม้นท์
ทรีทเม้นท์ประเภทที่ต้องล้างออก
ทรีทเม้นท์ประเภทนี้จะเน้นฟื้นฟูบำรุงรักษาเส้นผมที่เสียหายโดยการชโลมลงบนเส้นผมแล้วหมักทิ้งไว้ในระยะเวลาที่เหมาะสมจึงล้างออกเพื่อทำความสะอาด ส่วนใหญ่จะผลิตออกมาเป็นชุดสำหรับใช้งานคู่กับแชมพูและครีมนวดผม เพื่อช่วยบำรุงผมให้ครบทุกขั้นตอนนั่นเอง
ทรีทเม้นท์ประเภทที่ไม่ต้องล้างออก
ทรีทเม้นท์ประเภทนี้จะทำหน้าที่ในการเคลือบเส้นผมชั้นนอกเพื่อล็อกความชุ่มชื้นไม่ให้เกิดการสูญเสียน้ำภายในเส้นผม ช่วยป้องกันไม่ให้ผมแห้ง หยาบกระด้าง ซึ่งอาจไม่ได้บำรุงอย่างล้ำลึกเท่ากับทรีทเม้นท์ประเภทแรก แต่ก็นิยมใช้เช่นเดียวกันขึ้นอยู่กับความสะดวกและความชอบของแต่ละคนเป็นหลัก
บทส่งท้าย ทรีทเม้นท์ผม ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะกับคุณ
เพราะเส้นผมคือส่วนที่ควรดูแลให้มีสุขภาพดี เงางาม นุ่มสลวยอยู่เสมอ ซึ่งการจะได้มานั้น ต้องเอาใจใส่ ดูแล บำรุงอย่างเหมาะสม และเนื่องจากทรีทเม้นท์คือผลิตภัณฑ์ที่ต้องสัมผัสกับผิวหนังโดยตรง จึงไม่ควรมองข้ามเรื่องความปลอดภัยที่จะนำมาใช้งาน
โดยถ้าจะให้เลือกทรีทเม้นท์ผม ยี่ห้อไหนดี จากทั้งหมดนี้ เราขอแนะนำ Eucerin Democapillaire Re-Vitalizing Scalp Treatment Thinning Hair เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนังว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และยังช่วยบำรุงลึกถึงรากผม ทำให้ผมมีสุขภาพดี จึงไม่หลุดร่วงง่าย ผมดูหนาขึ้น นุ่มสลวยเงางาม สามารถช่วยเติมเต็มได้ครบทุกความต้องการเลยทีเดียว