ในยุคที่ทุกคนต่างต้องเร่งรีบ หลังจากสระผมเสร็จแล้ว ไม่ว่าใครก็คงต้องการให้ผมแห้งเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้มีเวลาไปทำกิจกรรมอื่น เพราะการออกจากบ้านทั้งที่ผมยังเปียกคงเป็นภาพที่ไม่น่าดูสักเท่าไหร่ “ไดร์เป่าผม” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะเป็นอุปกรณ์เสริมสวย ที่ช่วยทำให้ผมแห้งเร็ว ประหยัดเวลา และยังช่วยจัดแต่งทรงผม
เช่นเดียวกับเครื่องหนีบผม ช่วยเสริมความมั่นใจ สร้างบุคลิกภาพให้ดูดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้การปล่อยให้ผมแห้งเอง ยังอาจก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าที่คิด เพราะการปล่อยให้หนังศีรษะเปียกชื้นเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดเชื้อรา เกิดรังแค หรือเกิดการระคายเคือง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเสียมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้ไดร์เป่าผม หรือเครื่องหนีบผม ก็ย่อมทำให้ผมเสียได้ ควรมั่นใช้ทรีทเม้นท์ผม หรือ เคราตินบำรุงผม ควบคู่กับไปด้วย
แต่การจะเลือกซื้อไดร์เป่าผมดีๆ สักเครื่องหลายคนอาจจะต้องประสบปัญหาเดียวกันนั่นก็คือ ต้องเลือกอย่างไร เลือกแบบไหน หรือเลือกไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี จึงจะเหมาะกับตนเองมากที่สุด เพื่อให้คุณสามารถเลือกไดร์เป่าผมได้อย่างเหมาะสม เรามีวิธีการเลือกไดร์เป่าผม พร้อมทั้ง แนะนำ 5 รุ่น น่าใช้ มาให้เป็นแนวทางในการเลือกซื้อกัน
แนะนำ 5 รุ่น ไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี
- ไดร์เป่าผม LESASHA รุ่น AIRMAX POWERFUL HAIR DRYER
- ไดร์เป่าผม Philips Essential Care รุ่น HP8120/00
- ไดร์เป่าผม Panasonic nanoe รุ่น EH-NA98-KL
- ไดร์เป่าผม Remington เคราติน โพรเทค รุ่น AC 8820
- ไดร์เป่าผม Dyson Supersonic hair dryer HD08 Iron/Fuchsia
- มี nanoe และไอออน Double Mineral ช่วยให้ผมเงางามสุขภาพดี
- มีพลังแรงลมช่วยให้เป่าผมแห้งเร็ว
- ใช้ได้กับทุกสภาพเส้นผม
- มีเทคโนโลยี Air Multiplier ที่ใช้กำลังไฟ 1600 วัตต์ แต่มีกระแสแรงลมเพิ่มขึ้น
- ใช้ดิจิทัลมอเตอร์ ทำให้เกิดกระแสลมที่มีความเร็วสูง ช่วยให้ผมแห้งเร็วขึ้น
- มีหัวเป่าให้มากถึง 5 แบบ
แนะนำ 5 รุ่น ไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี น่าใช้งาน ปี 2022
เราได้ทราบกันไปแล้วว่าการจะเลือกไดร์เป่าผมสักตัวเอาไว้ใช้งานนั้นต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและเส้นผมของตัวเอง คราวนี้เรามาดูกันเลยกับ 5 รุ่น ไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี ที่เราคัดมาแนะนำกัน
1. ไดร์เป่าผม LESASHA รุ่น AIRMAX POWERFUL HAIR DRYER
มาเริ่มต้นกันที่ไดร์เป่าผมที่ราคาเบาๆ กับ LESASHA รุ่น AIRMAX POWERFUL HAIR DRYER เป็นไดร์เป่าผมขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาง่าย ด้ามจับกระชับมือสามารถพับเก็บได้ และยังมีที่แขวนสายไฟจึงทำให้สามารถจัดเก็บได้สะดวกขึ้น มาพร้อมกับหัวเป่าแบบแคบสำหรับใช้เซ็ททรงผมเฉพาะจุดให้อยู่ทรงได้อย่างรวดเร็ว หรือจะถอดหัวเป่าแบบแคบออกเพื่อให้แรงลมกระจายเป็นวงกว้างมากขึ้นก็ได้เช่นเดียวกัน
ตัวไดร์เป่าผมมีความร้อนกำลังดีจึงไม่ทำลายเส้นผม ช่วยถนอมหนังศีรษะ สามารถปรับแรงลมได้ 2 ระดับ ใช้กำลังไฟฟ้าเพียง 1000 W จึงประหยัดไฟ หากคุณกำลังมองหาไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดีที่พร้อมพกพา รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่น่าใช้ไม่น้อยเลยทีเดียว
- พกพาง่าย ขนาดกะทัดรัด ด้ามจับพับเก็บได้
- ประหยัดไฟ ใช้กำลังไฟฟ้าเพียง 1000 วัตต์
- ให้พลังลมแรงและร้อนกำลังดี ไม่ทำลายเส้นผม เหมาะกับคนที่มีเส้นผมบอบบาง
- ปรับได้ 2 ระดับ มี Cool Shot สำหรับเป่าถนอมหนังศีรษะและล็อคผมให้อยู่ทรง
- ไม่เหมาะกับคนที่มีผมหนา
- ไม่สามารถปรับค่าความร้อนได้
- มีฟังก์ชันการใช้งานน้อยเกินไป
2. ไดร์เป่าผม Philips Essential Care รุ่น HP8120/00
มาต่อกันเลยกับไดร์เป่าผม Philips Essential Care รุ่น HP8120/00 ไดร์เป่าผมที่ราคาหลักร้อยที่มาพร้อมกับระบบตั้งอุณหภูมิ ThermoProtect ช่วยปรับความสมดุลผสานกระแสลมและความร้อนให้อุณหภูมิขณะเป่าผมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ช่วยกักเก็บความชื้นของเส้นผมได้ดี
ทำให้ผมเงางามมีสุขภาพดี มีหัวเป่าที่ให้ลมแรงเฉพาะจุดสำหรับใช้จัดแต่งทรงผมให้ดูเรียบตรงมากยิ่งขึ้น สามารถตั้งค่าแรงลมได้ 3 ระดับ และยังมีโหมด ลมเย็นให้คุณสามารถเป่าผมในอุณหภูมิต่ำสำหรับผมเส้นเล็ก ลดการเกิดผมแห้งเสีย
ไดร์เป่าผม Philips Essential Care รุ่น HP8120/00 ยังออกแบบมาในโทนสี ขาวชมพู ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ด้ามจับพับเก็บได้ ใช้กำลังไฟ 1200 วัตต์ ใครที่กำลังมองหาไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดีที่อ่อนโยนต่อเส้นผม ราคาประหยัด และยังสามารถพกพาง่าย Philips Essential Care จัดได้ว่าตอบโจทย์ครบทุกข้อ
- ปรับอุณหภูมิด้วยระบบ ThermoProtect
- สามารถตั้งค่าลมเย็นเพื่อดูแลผมที่อ่อนโยนมากยิ่งขึ้น
- ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา
- ด้ามจับพับเก็บได้ พกพาง่าย
- ใช้กำลังไฟ 1200 วัตต์
- ไม่เหมาะกับคนที่มีผมหนา
- ตัวเครื่องเล็กจึงเป่าผมแห้งช้า
- ไม่มีหัวเป่าให้เลือกใช้
- ไม่มีโหมดพิเศษในการดูแลหนังศีรษะ
3. ไดร์เป่าผม Panasonic nanoe รุ่น EH-NA98-KL
หากถามว่าไดร์เป่าผม ที่มีฟังก์ชันครบทั้งการดูแลเส้นผม หนังศีรษะ และผิวพรรณ ก็คงต้องยกให้ ไดร์เป่าผม Panasonic ไดร์เป่าผม nanoe รุ่น EH-NA98-KL ที่มาพร้อมกับ nanoe และ Double Mineral สำหรับช่วยยกระดับการบำรุงและปกป้องผม มีโหมดต่างๆ มาให้เลือกใช้อย่างครบครัน
โดยเฉพาะโหมดควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ ที่มีเซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิโดยรอบแล้วปรับกระแสลมให้เหมาะกับการเป่าผมทุกสภาพอากาศ ทุกเวลา มีโหมดสลับลมร้อน ลมเย็น เพื่อช่วยในการล็อกความชุ่มชื้นไว้ในเส้นผม ช่วยให้หนังศีรษะมีสุขภาพดี เส้นผมเงางาม ลดการเกิดไปฟ้าสถิต ลดผมชี้ฟู
ไดร์เป่าผม Panasonic รุ่นนี้ มาพร้อมกับหัวเป่าที่สามารถสร้างแรงดันอากาศให้สูงขึ้น จึงช่วยผมแห้งเร็ว และยังมีโหมดดูแลผิวสำหรับเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวของคุณอีกด้วย ตัวเครื่องใช้กำลังไฟ 1800 วัตต์ สามารถตั้งค่าความเร็วได้ 3 ระดับ ฟิลเตอร์ด้านหลังทำความสะอาดง่าย ด้ามจับสามารถพับเก็บสะดวก มีที่คล้องสายไฟ จัดได้ว่าเป็นไดร์เป่าผมอีกรุ่นที่น่าใช้เป็นอย่างยิ่ง
- มี nanoe และไอออน Double Mineral ช่วยให้ผมเงางามสุขภาพดี
- มีโหมดให้ใช้ถึง 4 โหมดด้วยกัน (โหมดสลับลมร้อน/ลมเย็น โหมดควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ โหมดดูแลหนังศีรษะ โหมดดูแลผิว)
- ด้ามจับพับเก็บได้ มีที่คล้องสายไฟ จึงจัดเก็บได้สะดวกแม้มีพื้นที่น้อย
- มีพลังแรงลมช่วยให้เป่าผมแห้งเร็ว
- ใช้ได้กับทุกสภาพเส้นผม
- มีน้ำหนัก 502 กรัม หากถือเป่าผมนานๆ อาจเมื่อยได้
- ขนาดค่อนข้างใหญ่ หากต้องเดินทางไกลและต้องพกติดกระเป๋า อาจทำให้รู้สึกเกะกะ
4. ไดร์เป่าผม Remington เคราติน โพรเทค รุ่น AC 8820
ไดร์เป่าผม Remington ไดร์เป่าผมเคราติน โพรเทค รุ่น AC 8820 เป็นไดร์เป่าผมที่ใช้ระบบ AC Motor มีไอออนนิค คอนดิชั่นเนอร์ ที่เพิ่มไอออนให้มากขึ้นถึง 90% จึงทำให้ลดการเกิดไฟฟ้าสถิต มีแอดวานซ์เคราติน น้ำมันอัลมอนด์ และไมโครคอนดิชันเนอร์ช่วยให้ผมสุขภาพดี เงางาม ผมไม่ชี้ฟู
สามารถปรับความร้อนได้ถึง 3 ระดับ ปรับความแรงได้ 2 ระดับ และยังสามารถปรับลมเย็น ได้อีกด้วย ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ ใช้กำลังไฟ 2200 วัตต์ ให้ลมเย็นแรงสะใจ เป่าผมแห้งเร็วเต็มประสิทธิภาพ
ตัวนี้มีปากไดร์เป่าผมให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นแบบแคบ สำหรับการเป่าผม เน้นให้ผมเรียบตรง และปากไดร์แบบกระจายลมเพื่อให้คุณใช้เซ็ทผมหยิก ลอน ได้ด้วยตัวเอง ตะแกรงกรองฝุ่นด้านหลังยังสามารถถอดออกเพื่อทำความสะอาดได้ง่าย ปลายด้ามจับมีห่วงสำหรับแขวน จึงจัดเก็บง่าย พร้อมสายไฟที่ให้มายาวถึง 3 เมตร หากต้องการไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดีที่มีแรงลมสะใจ เป่าผมแห้งเร็ว รุ่นนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย
- ใช้ระบบ AC Motor ที่จะช่วยให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน
- มีไอออนนิค คอนดิชั่นเนอร์ ลดการเกิดไฟฟ้าสถิต ลดผมชี้ฟู ช่วยให้ผมเงางาม
- มีหัวเป่าให้ 2 แบบ คือ ปากไดร์แบบแคบ สำหรับไดร์ และปากไดร์กระจาย สำหรับเป่าผมและจัดทรง เซ็ทลอน
- ช่วยถนอมเส้นผมจากความร้อนถึง 3 เท่า
- ตะแกรงกรองฝุ่นด้านหลังถอดทำความสะอาดได้ง่าย
- เครื่องมีขนาดใหญ่ พกพาไม่สะดวก
- มีน้ำหนักค่อนข้างมาก
5. ไดร์เป่าผม Dyson Supersonic hair dryer HD08 Iron/Fuchsia
ปิดท้ายกันที่ ไดร์เป่าผม Dyson Supersonic hair dryer HD08 Iron/Fuchsia ไดร์เป่าผมที่อัจฉริยะที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Air Multiplier ช่วยให้ผมแห้งเร็ว ด้วยกระแสลมแรงเพิ่มขึ้น 3 เท่า และระบบควบคุมความร้อนอัจฉริยะด้วยการวัดอุณหภูมิกระแสลม 40 ครั้ง / วินาที จึงทำให้เส้นผมปลอดภัยจากความร้อนที่มากเกินไป
พร้อมทั้งยังปล่อยประจุลบช่วยลดการไฟฟ้าสถิตในเส้นผม แก้ปัญหาผมชี้ฟูได้เป็นอย่างดี และยังจัดเต็มหัวเป่ามาให้ถึง 5 รูปแบบ สามารถติดตั้งได้ง่ายด้วยการประกอบติดกับแม่เหล็ก ให้คุณใช้จัดแต่งทรงผมได้อย่างสะดวก และหลากหลายตามความต้องการ
ไดร์เป่าผม รุ่นนี้ มีระบบการทำงานผ่านมอเตอร์ขนาดเล็ก ใช้กำลังไฟ 1600 วัตต์ สามารถปรับความร้อนได้ 4 ระดับ ปรับความเร็วลมได้ 3 ระดับ และยังมีโหมดปรับลมเย็น สำหรับช่วยเซ็ทผมให้อยู่ทรงมากยิ่งขึ้น หากคุณต้องการไดร์เป่าผมที่ออกแบบมาเพื่อดูแลเส้นผมและหนังศีรษะโดยเฉพาะ และยังไม่รู้จะเลือกไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี Dyson คือตัวเลือกที่จะช่วยเติมเต็มให้คุณได้
- มีเทคโนโลยี Air Multiplier ที่ใช้กำลังไฟ 1600 วัตต์ แต่มีกระแสแรงลมเพิ่มขึ้น
- ใช้ดิจิทัลมอเตอร์ ทำให้เกิดกระแสลมที่มีความเร็วสูง ช่วยให้ผมแห้งเร็วขึ้น
- มีระบบไอออนประจุลบ ช่วยลดไฟฟ้าสถิตในเส้นผม
- มีระบบควบคุมความร้อนอัจฉริยะ
- ปรับระดับความร้อนในการเป่าได้ 4 ระดับ
- มีหัวเป่าให้มากถึง 5 แบบ
- ราคาค่อนข้างสูง
- มีน้ำหนัก 795 กรัม หากถือใช้งานนานอาจทำให้รู้สึกเมื่อยแขนได้
วิธีเลือกไดร์เป่าผมให้เหมาะกับคุณมากที่สุด
ไดร์เป่าผมหรือเครื่องเป่าผม เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ได้การจัดทรงผมและเป่าแห้ง โดยอาศัยการทำงานของพัดลมและคอยล์ร้อน โดยเมื่อความร้อนสัมผัสกับผมที่เปียกน้ำก็จะระเหยออกไป ซึ่งไดร์เป่าผมนั้นสามารถใช้กับหวีได้หลายแบบเพื่อให้เราสามารถเลือกจัดทรงผมได้ตามต้องการ ปัจจุบันมีมากมายหลายแบบจากผู้ผลิตหลายยี่ห้อ การจะเลือกไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดีเอาไว้ใช้งานจึงต้องพิจารณาจากองค์ประกอบและคุณสมบัติหลายอย่างดังต่อไปนี้
1.เลือกให้เหมาะกับสภาพเส้นผม
สิ่งสำคัญในการเลือกไดร์เป่าผม ก็คือการเลือกให้เหมาะกับสภาพเส้นผมของตนเองเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น
ผมหนา ผมแห้ง ผมชี้ฟู
สำหรับคนที่มีผมหนา ผมแห้ง ควรเลือกใช้ไดร์เป่าผมที่ทำให้ผมแห้งเร็ว แต่สามารถช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของเส้นผมไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อลดการแห้งของเส้นผมเสียไม่ให้เพิ่มมากขึ้น ไดร์เป่าผมแบบไอโอนิกและแบบทัวร์มาลีน
จึงเหมาะกับคนที่มีผมแบบนี้มากที่สุด เพราะเป็นไดร์ที่สามารถปล่อยประจุลบออกมาสำหรับช่วยลดการหยิก ชี้ฟู ช่วยเพิ่มความเงางามให้เส้นผม โดยไม่เกิดการเสียหายจากความร้อน และมีคลื่นอินฟราเรดที่ช่วยทำให้ผมแห้งเร็วมากยิ่งขึ้น
ผมบางลีบแบน ผมตรง
หากคุณต้องการเพิ่มวอลลุ่มเพื่อลดการลีบแบนของเส้นผม ไดร์เป่าผมแบบเซรามิคช่วยคุณได้ เพราะเป็นไดร์ที่สามารถควบคุมความร้อนไม่ให้มากเกินไป มีอุณหภูมิสม่ำเสมอ จึงเหมาะกับเส้นผมที่มีความบอบบาง และยังช่วยสร้างน้ำหนักให้กับเส้นผมได้เป็นอย่างดี มีระบบการทำงานโดยการเปลี่ยนความร้อนเป็นคลื่นอินฟราเรด ปล่อยไอออนลบออกมาจึงทำให้ผมไม่ชี้ฟูและเป่าแห้งเร็วมากขึ้น
ผมเส้นเล็ก
หากคุณมีผมเส้นเล็กควรใช้ไดร์ที่มีกำลังวัตต์ต่ำ และควรเลือกแบบที่สามารถปรับค่าความร้อนได้ เพราะสำหรับผมเส้นเล็กมักจะดูดซับความร้อนได้เร็วกว่าผมเส้นใหญ่ ยิ่งผมเส้นเล็กมากเท่าไหร่ ก็ควรปรับลดค่าความร้อนลดลงตามไปด้วย ซึ่งแต่ละคนอาจจะต้องทดลองดูว่าเส้นผมของตนเองเหมาะกับค่าความร้อนที่เท่าไหร่ โดยอาจเริ่มจาก 1200 วัตต์ก่อนก็ได้
ผมเส้นใหญ่
สำหรับคนที่มีผมเส้นใหญ่ ผมหนา ควรเลือกไดร์เป่าผมแบบไทเทเนียม เพราะให้ความร้อนสูง ทำให้ผมแห้งได้เร็ว ไดร์เป่าผมแบบไทเทเนียมยังมีน้ำหนักน้อยกว่าไดร์แบบเซรามิค จึงทำให้สามารถถือใช้งานได้นานโดยไม่รู้สึกเมื่อยอีกด้วย
2.เลือกจากกำลังไฟฟ้า
กำลังไฟฟ้า คืออีกเรื่องสำคัญในการเลือกใช้ไดร์เป่าผม เพราะกำลังไฟฟ้า หรือที่คนส่วนใหญ่มักจะเรียกกันว่ากำลังวัตต์นั้น มีความสัมพันธ์กับระดับความแรงของไดร์เป่าผม ยิ่งมีจำนวนวัตต์มาก กำลังจะทำให้สามารถผลิตแรงลมและความร้อนมากขึ้นตามไปด้วย
ซึ่งเส้นผมแต่ละแบบก็เหมาะกับจำนวนวัตต์ที่ต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ผมเส้นเล็ก ผมบาง ควรใช้ไดร์เป่าผมที่มีกำลังไฟฟ้า 1200 วัตต์ หรือ หากเป็นผมของคนทั่วไป ควรใช้ไดร์เป่าผมที่มีกำลังไฟฟ้าอยู่ระหว่าง 1300 – 1800 วัตต์ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่หากมีผมหนาและหยิก ควรใช้กำลังไฟฟ้า ตั้งแต่ 1800 วัตต์ ขึ้นไป
3.มีฟังก์ชันให้เลือกเยอะ
ฟังก์ชันการใช้งานคืออีกหนึ่งเรื่องที่มักจะนำมาใช้เลือกว่าไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี เพราะการมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ย่อมทำให้ผู้ซื้อรู้สึกคุ้มค่ามากกว่านั่นเอง
โดยทั่วไปแล้วไดร์เป่าผมมักจะมีฟังก์ชันพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ เช่น การปรับระดับความร้อน การปรับระดับแรงลม การมีโหมดลมเย็น ลมร้อนให้เลือก เพราะฟังก์ชันต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกใช้งานได้เหมาะกับสภาพเส้นผม และเหมาะกับสภาพหนังศีรษะของแต่ละคนได้ดีมากขึ้น
ซึ่งจะส่งผลให้ผมของคุณมีสุขภาพดี เงางามมากขึ้นด้วยนั่นเอง และในปัจจุบันยังมีการเพิ่มโหมดพิเศษขึ้นมาให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น การดูแลหนังศีรษะ การดูแลเส้นผม บางรุ่นยังสามารถดูแลผิวพรรณได้อีกด้วย
4.พกพาและใช้งานง่าย
หากคุณเป็นคนที่ต้องเดินทางอยู่เป็นประจำ ไดร์เป่าผมมักจะเป็นอุปกรณ์ที่ต้องนำติดกระเป๋าไปด้วยอยู่เสมอ เพราะในรีสอร์ท หรือโรงแรมบางแห่งก็ไม่ได้มีไดร์เป่าผมไว้ให้ใช้บริการ
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขนาด น้ำหนัก หรือการพับเก็บได้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากไดร์เป่าผมมีขนาดใหญ่ หรือมีน้ำหนักมากเกินไป ก็อาจจะทำให้พกพาไม่สะดวก และหากมีด้ามจับไม่พอดีมือ ขณะใช้งานอาจจะรู้สึกเมื่อยแขน
ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ ควรทดลองจับดูก่อนว่าตัวเครื่องมีขนาด น้ำหนัก สามารถนำมาใช้งานได้อย่างถนัดมือหรือไม่ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็ควรให้ความสำคัญไม่แพ้ข้ออื่นๆ เพื่อจะได้ตัดสินใจได้ว่าไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดีที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากที่สุด
5.เสียงขณะใช้งาน
จะเลือกซื้อไดร์เป่าผมทั้งที ควรเลือกรุ่นที่เก็บเสียง เสียงไม่ดังจนเกินไป เนื่องจากในปัจจุบันคนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ คอนโด หอพัก ที่มีฝาห้องติดกันและอาจไม่เก็บเสียงได้ดีเท่าที่ควร หรือแม้แต่ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวก็ตามที
ขณะใช้งานอาจจะสร้างความรำคาญให้กับคนใกล้เคียงได้ เพราะจะสังเกตได้ว่าไดร์เป่าผมส่วนใหญ่มักจะมีเสียงที่ดังมาก ก่อนการเลือกซื้อ ควรทดสอบการใช้งานก่อนว่ามีเสียงดังเพียงใด หรือหากซื้อทางออนไลน์ก็ควรอ่านรายละเอียดให้ชัดเจนก่อนการสั่งซื้อ
6.มีอุปกรณ์เสริม
อีกสิ่งสำคัญที่มักจะนำมาใช้ตัดสินใจเลือกว่าไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดีน่าใช้งานอีกข้อก็คือ เรื่องของอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่เพิ่มเติมมาให้ เช่น หัวเป่าในรูปแบบต่างๆ เพราะแต่ละแบบก็จะคุณสมบัติการใช้งานที่ต่างกัน หรืออาจจะเหมาะกับเส้นผมที่แตกต่างกัน
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีผมชี้ฟู การเลือกไดร์เป่าผมที่มีหัวเป่าแบบกระจายลมก็จะช่วยให้หนังศีรษะไม่สัมผัสกับความร้อนมากเกินไป สามารถช่วยลดอาการผมแห้ง หรือชี้ฟูลงได้ดีเลยทีเดียว หรือหากคุณต้องการไดร์ผมให้เรียบตรง หัวเป่าแบบแบนก็จะช่วยให้สามารถบีบแรงลมและความร้อนลงไปที่เส้นผมได้โดยตรงและเฉพาะจุดมากขึ้น จึงทำให้เส้นผมเรียบตรงมากขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้อุปกรณ์เสริมต่างๆ มีส่วนในการตัดสินใจเลือกซื้อไดร์เป่าผมนั่นเอง
7.ราคาประหยัด
ราคาของไดร์เป่าผม คืออีกเรื่องสำคัญที่จะบอกว่างบประมาณที่มีควรเลือกซื้อไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี เพราะต้องยอมรับว่าฟังก์ชันการใช้งาน คุณภาพ กำลังไฟ หรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่เป็นออปชันพิเศษ มักจะมาพร้อมกับราคาที่สูงขึ้น
ดังนั้นจึงต้องวางแผนให้ดีว่าจะซื้อไดร์เป่าผมได้ในราคาประมาณเท่าไหร่ เพราะหากต้องการรุ่นที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี มีเทคโนโลยีทันสมัยก็มักจะเป็นไดร์ที่มีราคาสูงกว่ารุ่นทั่วๆ ไป ซึ่งหากมีงบประมาณไม่เพียงพอจะได้ปรับลดฟังก์ชันความต้องการต่างๆ ลงให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มีมากที่สุด
บทสรุป ไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี ที่คู่ควรกับผมคุณ
จะเห็นได้ว่าไดร์เป่าผมแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคา ขนาด น้ำหนัก การพับด้ามเก็บได้ การพกพา หรือฟังก์ชันการใช้งานที่มากับตัวเครื่อง เช่นการเป่าผมแห้งเร็ว การปรับระดับความร้อน การควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ การปรับระดับแรงลม การสลับลมร้อนและลมเย็น รวมทั้งโหมดดูแลหนังศีรษะ ดูแลเส้นผม ดูแลผิว ซึ่งหากมีคุณสมบัติมากเท่าไหร่ก็มักจะมีราคาสูงมากตามไปด้วย
หากถามว่าไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดีที่คู่ควรกับผมคุณ เราขอแนะนำ Panasonic ไดร์เป่าผม nanoe รุ่น EH-NA98-KL เพราะเป็นไดร์ที่มีฟังก์ชันครบครัน เหมาะกับทุกสภาพผม พกพาง่าย ช่วยเป่าผมให้แห้งเร็ว จัดแต่งทรงผมให้สวยงามอยู่ทรง และมีราคาไม่สูงมากนัก สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย เหมาะที่จะมีติดตัวเอาไว้เป็นอย่างยิ่ง