เมาส์(Mouse) ถือเป็นอุปกรณ์เทคโนโลยีต่อพ่วงชนิดหนึ่งที่แทบขาดไม่ได้ในการใช้งานคอมพิวเตอร์ โดยจะใช้เป็นตัวควบคุมตัวชี้บนหน้าจอ (Pointing Device) ซึ่งอุปกรณ์นี้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งาน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลายตรงตามความต้องการของแต่ละคน
มีทั้งเมาส์แบบมีสาย และไร้สาย ไปจนถึง เมาส์อากาศ (Air Mouse) ที่ใช้งานได้โดยไม่ต้องมีแผ่นรองเมาส์หรือสัมผัสกับพื้น สำหรับในบทความนี้ ชอบรีวิวจะมาแนะนำ 5 อันดับ เมาส์ไร้สาย ยี่ห้อไหนดี เพื่อให้คุณใช้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ เลือกเมาส์คู่มือที่จะมาช่วยให้ทุกกิจกรรมของคุณสะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เมาส์ไร้สาย ยี่ห้อไหนดี
- เมาส์ไร้สาย Logitech M330 Silent Plus
- เมาส์ไร้สาย Microsoft Arc Touch
- เมาส์ไร้สาย Xiaomi Mi Mouse Lite
- เมาส์ไร้สาย Razer Basilisk X HyperSpeed
- เมาส์ไร้สาย NUBWO ARCADIA X55
แนะนำ 5 อันดับ เมาส์ไร้สาย ยี่ห้อไหนดี
มารู้จักกับเมาส์ไร้สาย กันไปแล้วว่าคืออะไร และควรเลือกแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด คราวนี้เรามาดูรายชื่อของ 5 อันดับ เมาส์ไร้สาย ยี่ห้อไหนดีกันเลยว่ารุ่นไหน ยี่ห้อใด ที่น่าจะลงตัวกับความต้องการของคุณมากที่สุด
1. เมาส์ไร้สาย Logitech M330 Silent Plus
เริ่มต้นรายชื่อเมาส์ไร้สาย ยี่ห้อไหนดี กันด้วย เมาส์ไร้สาย Logitech รุ่น M330 Silent Plus ที่พอเห็นชื่อหลายคนน่าจะเดาออกว่ามีจุดเด่นในเรื่องของความเงียบ โดยทางผู้ผลิตเคลมว่าเงียบกว่ารุ่น Logitech M170 ถึง 90% ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีสมาธิมากขึ้น และไม่รบกวนผู้อื่นด้วย
ตัวนี้เป็นเมาส์สำหรับผู้ถนัดมือขวา ออกแบบมาให้จับได้อย่างกระชับถนัดมือ น้ำหนักเบา เคลื่อนไหวสะดวก พื้นผิวนุ่มสบาย ใช้งานได้ยาวนาน มาพร้อมความทนทานที่สามารถคลิกได้ถึง 5 ล้านครั้ง เมาส์ไร้สาย Logitech รุ่น M330 Silent Plus ให้การใช้งานที่รวดเร็วแม่นยำด้วยความไวระดับ 1,000 DPI ใช้เซ็นเซอร์แบบ Optical ในการติดตามการเคลื่อนไหวและทิศทาง
รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ระยะ 10 เมตร ใช้พลังงานจากถ่านขนาด AA จำนวน 1 ก้อน อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ทั้งในระบบปฏิบัติการ macOS, Windows, Linux และ Chrome OS พ่วงมาด้วยการรับประกันนาน 1 ปี
- ให้เสียงการทำงานที่เงียบ ไม่รบกวนสมาธิ
- ใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการหลายตัว
- รองรับการเชื่อมต่อไร้สายได้ถึง 10 เมตร
- ใช้งานได้นานถึง 5 ล้านคลิก
- เป็นเมาส์ไร้สายสำหรับคนถนัดมือขวาเท่านั้น
- ใช้พลังงานจากถ่านจึงควรสำรองถ่านเอาไว้แม้จะระบุว่า 1 ก้อนใช้ได้นาน 24 เดือนก็ตาม
- ไม่มีสีให้เลือก
2. เมาส์ไร้สาย Microsoft Arc Touch
ต่อกันเลยกับรายชื่อ เมาส์ไร้สาย ยี่ห้อไหนดี รุ่นต่อมาอย่าง Microsoft Arc Touch เมาส์ดีจากยี่ห้อดังที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบและฟังก์ชันการทำงาน โดยหากจะถามว่าจุดขายแรกคืออะไรก็คงต้องยกให้ไอเดียการทำให้เมาส์ตัวนี้แปลงร่างได้ โดยเมื่อปรับให้โค้งจะเป็นการเริ่มต้นการทำงานและปรับให้แบนราบเพื่อหยุดการทำงาน
เป็นการผสานเทคโนโลยีเข้ากับงานออกแบบที่การันตีด้วยรางวัล IDEA Gold Award 2011 เลยทีเดียว เมาส์ไร้สาย Microsoft Arc Touch ใช้งานได้ทั้งคนถนัดมือขวาและมือซ้ายเพราะสั่งงานด้วยระบบสัมผัสผ่านเทคโนโลยี Microsoft Touch และ BlueTrack Technology ที่ช่วยให้ใช้งานได้กับพื้นผิวหลายแบบยกเว้นพื้นกระจก
รองรับการเชื่อมต่อได้ไกลถึง 15 ฟุต ผ่านสัญญาณ Bluetooth 4.0 มาพร้อมความไว 1,000 DPI ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ ใครชอบความทันสมัยตัวนี้แหละใช่เลย
- ดีไซน์สวยงาม มีหลายสีให้เลือกตามความชอบ
- ใช้ได้ทั้งคนที่ถนัดมือซ้ายและมือขวา
- มี BlueTrack Technology ช่วยให้ใช้งานกับพื้นผิวได้หลายแบบ
- สั่งงานได้ผ่านระบบสัมผัสด้วยเทคโนโลยี Microsoft Touch
- มีราคาค่อนข้างแพง
- ต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยเพื่อให้ทำงานได้ถนัดมือ
- ไม่สามารถใช้งานได้กับพื้นผิวกระจก
3. เมาส์ไร้สาย Xiaomi Mi Mouse Lite
หากยังไม่รู้จะเลือก เมาส์ไร้สาย ยี่ห้อไหนดี Xiaomi Mi Mouse Lite ก็น่าสนใจไม่น้อยเพราะมากับราคาที่ไม่แพงจนเกินไปแต่มีดีไซน์เรียบหรูและฟังก์ชันการใช้งานที่คุ้มค่า โดยตัวนี้ออกแบบมาตามหลักสรีรศาสตร์ทำให้พอดีกับมือใช้นานๆ แล้วไม่ล้าจนเกินไป ควบคุมการเคลื่อนที่ได้ง่าย รองรับการใช้งานร่วมกับพื้นผิวหลายแบบด้วยเซ็นเซอร์แบบอินฟราเรด
Xiaomi Mi Mouse Lite รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย 2.4GHz ระยะการควบคุมสูงสุด 10 เมตร ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด AA จำนวน 1 ก้อน ความไวเมาส์อยู่ที่ 1,000 DPI ให้การตอบสนองที่รวดเร็ว แข็งแรงทนทานด้วยวัสดุพลาสติกผสมโลหะ การันตีว่าสามารถใช้งานได้ถึง 5 ล้านคลิก มีน้ำหนักที่เบาเพียง 60 กรัมเท่านั้น ภาพรวมเทียบกับราคาแล้วถือว่าคุ้มค่า
- ดีไซน์เรียบหรูสวยงาม ใช้งานง่าย ออกแบบมาตามหลักสรีรศาสตร์
- ความไวเมาส์อยู่ที่ 1,000 DPI
- มีราคาที่ไม่แพงจนเกินไป
- แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้ถึง 5 ล้านคลิก
- ไม่มีสีให้เลือก มีแค่สีดำสีเดียว
- ใช้ได้กับผู้ที่ถนัดมือขวาเท่านั้น
- แบตเตอรี่เป็นถ่านขนาด AA ต้องคอยเปลี่ยนเรื่อยๆ
4. เมาส์ไร้สาย Razer Basilisk X HyperSpeed
Razer Basilisk X HyperSpeed เมาส์ไร้สาย จากค่ายผู้ผลิตเกมมิ่งเกียร์อันดับต้นๆ ของวงการ โดดเด่นด้วยดีไซน์อันดุดันพร้อมไฟแสดงสถานะสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ ตัวเมาส์ผลิตจากวัสดุชั้นดีที่ช่วยให้ใช้งานได้ยาวนาน การันตีที่ 50 ล้านคลิก โดยปุ่มของเมาส์เป็นแบบแมคคานิคัล ที่สามารถตั้งค่ามาโครได้เพื่อสร้างความได้เปรียบระหว่างการเล่นเกม
เมาส์ไร้สาย Razer Basilisk X HyperSpeed มาพร้อมเซ็นเซอร์แบบ Optical สามารถปรับตั้งค่าความไวเมาส์ได้สูงสุดถึง 16,000 DPI รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย 5.GHz ผ่านสัญญาณ Bluetooth ใช้พลังงานจากดแบตเตอรี่ขนาด AA จำนวน 1 ก้อน
มีเทคโนโลยี Razer HyperSpeed ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้สามารถรับส่งสัญญาณได้ไวกว่าเมาส์ไร้สายแบบทั่วไปถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ใครมองหาเมาส์เกมมิ่งราคาเบาๆ จากผู้ผลิตคุณภาพรุ่นนี้น่าสนใจมาก
- เป็นเมาส์ไร้สายที่เหมาะกับการเล่นเกม
- ค่า DPI สูงถึง 16,000 DPI ตอบสนองได้รวดเร็ว
- รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย 5.0GHz ผ่านสัญญาณ Bluetooth
- สามารถตั้งค่าปุ่มมาโครได้
- ใช้งานได้ยาวนานถึง 50 ล้านคลิก
- ไม่มีตัวเลือกการเชื่อมต่อผ่านสายในกรณีแบตเตอรี่เหลือน้อย
- ไม่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้
5. เมาส์ไร้สาย NUBWO ARCADIA X55
ส่งท้ายรายชื่อ เมาส์ไร้สาย ยี่ห้อไหนดี กันด้วย NUBWO ARCADIA X55 เมาส์ไร้สายในกลุ่มเกมมิ่งเมาส์อีกรุ่นที่น่าสนใจ จุดเด่นนั้นคงต้องยกให้กับดีไซน์การออกแบบที่ดูเร้าใจด้วยไฟ RGB และโลโก้ที่โดดเด่น รวมถึงราคาที่หากเทียบกับสเปคที่ใส่มาแล้วยากจะปฏิเสธ แต่เห็นราคาเบาๆ ยี่ห้อนี้ใช้ดีจนหลายคนติดใจเลยล่ะ
NUBWO ARCADIA X55 มีให้เลือก 2 สีคือ สีขาวและสีดำ ออกแบบมาสำหรับคอ eSports Gaming Pro ใช้ได้ทั้งแบบมีสายและไร้ 2.4 GHz ชาร์จแบตเตอรี่ผ่านสาย USB ได้ รองรับการเชื่อมต่อในระยะ 10 เมตร ปรับความไวเมาส์ได้สูงสุด 10,000 DPI
รุ่นนี้สามารถปรับตั้งค่าปุ่มมาโครและไฟ RGB ตามต้องการ มาพร้อมออปติคัลเกมมิ่งเซ็นเซอร์ที่ตอบสนองได้ทันใจ เหมาะกับเกมทั้งแบบ MMO , FPS, RTS, และ RPG และยังรับประกันให้นานถึง 2 ปีอีกด้วย
- ดีไซน์สวยงามในแบบเกมมิ่งเมาส์
- มาพร้อมออปติคัลเกมมิ่งเซ็นเซอร์ตอบสนองได้ดี
- ปรับค่า DPI ได้ถึง 10,000 DPI
- ใช้ได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย 2.4 GHz
- เป็นเกมมิ่งเมาส์ที่ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับสเปคที่ให้มา
- ผู้ใช้บางคนอาจรู้สึกว่าเมาส์มีน้ำหนักเบาเกินไป
- ใช้ได้กับผู้ที่ถนัดมือขวาเท่านั้น
เมาส์ไร้สาย คืออะไร?
เมาส์ไร้สาย (Wireless Mouse) คือ เมาส์ที่สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ ได้ โดยไม่ต้องเสียบสายเข้ากับตัวเครื่อง แต่จะอาศัยการรับส่งสัญญาณแบบต่างๆ แทน อาทิ ตัวรับสัญญาณแบบที่เป็น USB, เชื่อมต่อผ่านทาง Bluetooth หรือเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi เป็นต้น ซึ่งเมาส์ประเภทนี้มีทั้งแบบที่ต้องใส่ถ่าน และแบบที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ในตัว
มีจุดเด่นคือความสะดวกสบายในการใช้งาน ลดความเกะกะบนโต๊ะทำงาน สามารถเชื่อมต่อได้ในระยะไกล แต่ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาคุณสมบัติต่างๆ ก่อนเลือกซื้อ เพราะเมาส์ไร้สายบางรุ่นก็เชื่อมต่อได้ไม่เสถียรจนอาจไม่เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็วอาทิ การเล่นเกม เป็นต้น ในการจะเลือกว่าเมาส์ไร้สาย ยี่ห้อไหนดีที่เหมาะกับเราจึงต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน
เคล็ดลับในการเลือกเมาส์ไร้สาย
อย่างที่เราได้บอกเอาไว้ในตอนต้นว่า เมาส์ไร้สาย นั้นมีมากมายหลายแบบรวมถึงหลายยี่ห้อ หลายราคา การจะเลือกว่า เมาส์ไร้สาย ยี่ห้อไหนดี หรือรุ่นไหนที่เหมาะกับเราจึงอาจต้องพิจารณาหลายอย่างประกอบการตัดสินใจ ซึ่งสิ่งที่เราสามารถนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกได้นั้นประกอบไปด้วยเรื่องต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. งบประมาณที่มี
ข้อแรกเลยที่จะเป็นตัวกำหนดว่าจะซื้อเมาส์ไร้สายรุ่นไหน ยี่ห้อใด ก็คืองบประมาณในกระเป๋าของเรานั่นเอง โดยอุปกรณ์ประเภทนี้มีหลากรุ่นหลายราคาซึ่งก็ขึ้นกับคุณสมบัติการใช้งาน มีตั้งแต่ราคาหลักสิบไปจนถึงหลักพัน ซึ่งเราไม่แนะนำให้ซื้อเมาส์ไร้สายที่มีราคาถูกมากจนเกินไปมาใช้ เพราะนอกจากจะไม่ทนทานแล้วยังอาจทำให้คุณอารมณ์เสียระหว่างการใช้งานได้ เช่น เคลื่อนเมาส์แต่ cursor ไม่ขยับ หรือแบตเตอรี่หมดเร็วจนเกินไป เป็นต้น
2. ความถนัดมือ
เรื่องนี้ก็ถือว่ามีความสำคัญ เพราะถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเมาส์ไร้สายจะคล้ายๆ กัน แต่บางรุ่นก็ออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะในเรื่องของความถนัดในการจับเมาส์ บางคนอาจถนัดมือขวาหรือถนัดมือซ้าย จับเมาส์แบบเต็มมือหรือจับเมาส์ด้วยปลายนิ้ว เป็นต้น
ดังนั้นจึงควรเลือกให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานที่ตัวเองถนัดมากที่สุด นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์ กล่าวคือรูปทรงที่ใช้งานนานๆ แล้วไม่ปวดมือ จับได้กระชับ เคลื่อนที่ได้สะดวก เพื่อที่จะได้ใช้งานเมาส์ไร้สายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด
3. รูปแบบของการเชื่อมต่อ
การจะเลือกเมาส์ไร้สาย ยี่ห้อไหนดี รูปแบบการเชื่อมต่อก็เป็นอีกเรื่องสำคัญที่เราต้องพิจารณา โดยการใช้งานเมาส์ประเภทนี้ร่วมกับอุปกรณ์อย่างอื่นสามารถเชื่อมต่อได้ทั้งจากตัว USB ขนาดเล็กที่ทำหน้าที่รับส่งสัญญาณ เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi โดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เสริมให้เปลืองพอร์ตที่ตัวเครื่อง หรือการเชื่อมต่อผ่านทาง Bluetooth ที่มีข้อดีคือสามารถเชื่อมต่อกับหลายอุปกรณ์ได้พร้อมกัน
อย่างไรก็ตามเราต้องพิจารณาจากเวอร์ชันของ Bluetooth ร่วมด้วยว่าเป็นเวอร์ชันไหนเนื่องจากหากเป็นเวอร์ชันล่าสุดเช่น Bluetooth 5.0 หรือ Bluetooth 5.1 ก็จะเชื่อมต่อได้ไกลและเสถียรมากกว่าเวอร์ชันเก่า ลดการดีเลย์ของสัญญาณทำให้สามารถควบคุมได้ตามต้องการโดยเฉพาะกับการเล่นเกม
4. รูปแบบของเซ็นเซอร์ที่ใช้
หลายคนน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างเกี่ยวกับเซ็นเซอร์ที่มากับเมาส์แบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบมีสายหรือไร้สาย ซึ่งโดยปกติแล้วเซ็นเซอร์ที่ใช้จะมีด้วยกันอยู่สองแบบด้วยกันคือ Optical Sensor ที่เราเห็นเป็นไฟอยู่ใต้เมาส์ มีข้อดีก็คือสามารถรองรับพื้นผิวการทำงานได้หลายแบบ
แต่อาจจะไม่เหมาะกับพื้นที่เป็นกระจกหรือมีความมันมากจนเกินไปเพราะอาจส่งผลกับการควบคุมได้ เมาส์แบบนี้จะมีราคาไม่แพงจนเกินไปเมื่อเทียบกับเมาส์ที่ใช้ Laser Sensor โดยแบบหลังนี้รองรับพื้นผิวได้หลากหลายมากกว่า มีความรวดเร็วแม่นยำสูง ประหยัดพลังงาน แน่นอนว่าราคาก็สูงตามไปด้วย
5. ความไวเมาส์
ความไวของเมาส์ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ โดยสิ่งที่เป็นตัวกำหนดความไวของเมาส์ไร้สายในแต่ละรุ่นก็คือค่า DPI (Dot Per Inch) ที่อธิบายง่ายๆ ว่ามันคือค่าที่แสดงว่าเมื่อคุณขยับเมาส์ไป 1 นิ้ว ตัวชี้จะสามารถเคลื่อนที่ไปได้กี่ Pixel บนหน้าจอของอุปกรณ์ที่กำลังเชื่อมต่อกันอยู่
นั่นหมายความว่ายิ่งค่า DPI สูงความไวเมาส์ก็จะยิ่งสูงไปด้วย เพียงแค่ขยับมือนิดหน่อยก็สามารถเคลื่อนที่ไปได้ในวงกว้างไม่ต้องลากเมาส์ไกลๆ อย่างไรก็ตามหากเป็นการใช้งานทั่วไปก็อาจจะไม่ต้องใช้เมาส์ที่มีค่า DPI สูงนัก เพราะอาจเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ซึ่งก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนด้วย
6. ปุ่มพิเศษบนเมาส์และการตั้งค่า
ปุ่มพิเศษ หรือ Macro Key เป็นฟังก์ชันเสริมในเมาส์ไร้สายบางรุ่น ซึ่งจำนวนปุ่มที่สามารถตั้งค่าได้ของเมาส์แต่ละตัวก็จะแตกต่างกันออกไป โดยมักใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ของผู้ผลิตแต่ละราย หลายคนอาจจะเข้าใจว่าปุ่ม Macro นั้นเหมาะกับเมาส์เล่นเกมเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงปุ่มพิเศษที่เพิ่มเข้ามานี้ จะทำให้เราสามารถทำงานได้สะดวกมากขึ้น เพราะสามารถกำหนดได้ว่ากดปุ่มไหนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ตั้งค่าปุ่มให้ย้อนกลับไปยังหน้าเว็บก่อนหน้า ก็จะช่วยให้เราไม่ต้องคอยเพ่งไปยังหน้าจอเพื่อหาปุ่มย้อนกลับ เป็นต้น
7. แบตเตอรี่ของเมาส์
เมาส์ไร้สาย เป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้งานร่วมกับแบตเตอรี่ ซึ่งปกติแล้วจะมีอยู่ 2 แบบ คือแบบที่ใช้ถ่านขนาด AA หรือ AAA กับแบบที่มีแบตเตอรี่ในตัวสามารถชาร์จไฟได้ โดยแต่ละแบบก็จะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป
เช่นหากเป็นแบบที่ใช้ถ่านก็จะต้องมีการเปลี่ยนหรือสำรองถ่านเอาไว้ตลอดเพราะหากถ่านหมดก็จะควบคุมเมาส์ได้ยากขึ้นหรือใช้งานไม่ได้ ถือว่าสิ้นเปลืองกว่าในระยะยาว ส่วนแบบชาร์จไฟได้นั้นก็จะสะดวกมากกว่าแต่ต้องคอยชาร์จเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับอายุการใช้งานและความถี่ในการใช้งาน
8. ยี่ห้อและการรับประกัน
สุดท้ายที่เราอยากให้คุณคำนึงถึงในการเลือก เมาส์ไร้สาย ยี่ห้อไหนดี ก็คือ ยี่ห้อและการรับประกันสินค้า โดยควรเลือกจากยี่ห้อที่เป็นที่รู้จักเพื่อที่จะได้มั่นใจในเรื่องของมาตรฐาน
รวมถึงเทคโนโลยีที่มากับเมาส์แต่ละรุ่น และหากเป็นยี่ห้อชั้นนำก็มักจะมีเงื่อนไขและระยะเวลาในการรับประกันที่น่าพอใจด้วยว่ารับประกันในเรื่องไหนบ้าง ภายในระยะเวลากี่เดือนหรือกี่ปี เป็นต้น ทั้งนี้ต้องดูรายละเอียดก่อนซื้อด้วยเพื่อจะได้ไม่พลาดการรับประกันเพราะจะช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายใจมากยิ่งขึ้น
บทสรุป เมาส์ไร้สาย ยี่ห้อไหนดี น่าใช้งาน ฉบับปี 2024
ผ่านไปแล้วกับ 5 รุ่น เมาส์ไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2024 ที่เราคัดมาแนะนำให้คุณได้พิจารณากัน โดยหากจะให้เลือกรุ่นเด็ดมา 1 รุ่น เราขอแนะนำ NUBWO ARCADIA X55 เพราะตอบโจทย์ทั้งกับการเล่นเกมและการทำงานในราคาที่สมเหตุสมผล
ซึ่งยี่ห้อนี้นับวันจะยิ่งได้รับความนิยมเพราะขายของดีราคาน่าคบหา อย่างไรก็ตามในการจะเลือกว่าเมาส์ไร้สาย ยี่ห้อไหนดีที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุดยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องนำมาคิดประกอบการตัดสินใจ ลองดูว่าเมาส์ไร้สายรุ่นไหนที่ลงตัวกับคุณมากที่สุด