หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

ในยุคปัจจุบันหูฟังบลูทูธกำลังได้รับความนิยม เพราะเป็นอุปกรณ์สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ ใช้ในการฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม และใช้ในการออกกำลังกาย ซึ่งสามารถฟังเสียงได้ชัดเจน ตัดเสียงรบกวนจากภายใน เพิ่มอรรถรสในการฟังมากยิ่งขึ้น โดยหูฟังบลูทูธให้ความสะดวกในการเข้าเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ทั้งโทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์ iPad และแท็บเล็ต เป็นต้น และมีความคล่องตัวในการใช้งาน ไร้สายหูฟังมากวนใจ พกพาสะดวก ดังนั้นเราชอบรีวิวแนะนำ 5 อันดับ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี 2024 ที่ใส่สบาย ตัดเสียงรบกวนได้ดีที่สุด ไปดูกันเลย

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี 2024

อันดับ 1
หูฟังบลูทูธ Airpod Pro
หูฟังบลูทูธ Airpod Pro
  • ดีไซน์ดูหรูหรา ทันสมัย สวยงาม และมีจุกยางใส่สบาย กระชับไม่หลุด
  • สามารถใช้คำสั่งถัดไป ย้อนกลับ หยุด ผ่านการกดที่ก้านหูฟัง และเปิดใช้งาน Siri ด้วยระบบเสียง
  • คุณสมบัติป้องกันน้ำและป้องกันเหงื่อ มาตรฐาน IPX4
  • เป็นหูฟังบลูทูธที่เหมาะกับใช้งานในชีวิตประจำวัน ตัดเสียงรบกวนได้ดี
  • ระบบ Bluetooth 5.0 ส่งสัญญานได้ไกลเกิน 10 เมตร
  • ตัวกล่องเคสชาร์จแบตเตอรี่ใช้ได้นานสุด 24 ชั่วโมง
  • มีระบบปรับ EQ อัตโนมัติให้เหมาะสมกับการรับเสียงแต่ละคน
อันดับ 2
หูฟังบลูทูธ JBL Wave 100 TWS
หูฟังบลูทูธ JBL Wave 100 TWS
  • ระบบเสียง Deep Bass Sound  เสียงเบสแน่นทรงพลัง ฟังเพลง ดูหนัง ได้เสียงคมชัด สมจริง
  • ออกแบบมาให้มีจุกยางนุ่ม ทำให้สวมใส่สบายได้ตลอดทั้งวัน ไม่เจ็บหู
  • น้ำหนักเบา ขนาดเล็ก พกพาง่าย และกล่องเคสมีแม่เหล็ก หูฟังไม่หลุดออกจากกล่อง แม้ไม่ปิดฝา
  • แบตเตอรี่ถึกทน ใช้งานได้ยาวนาน มีระบบ Fastcharge และช่องเสียบชาร์จเป็น USB-C
  • ใช้หูฟังรูปแบบ Mono ให้เสียงข้างเดียว และมีไมโครโฟนในตัวได้อีกด้วย
  • ระบบ Bluetooth 5.0 ส่งสัญญานได้ไกลเกิน 10 เมตร
อันดับ 3
หูฟังบลูทูธ SONY WI-C200
หูฟังบลูทูธ SONY WI-C200
  • ระบบ Bluetooth 5.0 ส่งสัญญานได้ไกลเกิน 10 เมตร
  • ช่องเสียบชาร์จเป็น USB-C ชาร์จเต็ม 100% ได้ภายใน 3 ชั่วโมง
  • มีคุณสมบัติกันน้ำและกันเหงื่อ เหมาะสำหรับใส่ออกกำลังกาย
  • สามารถใช้งานระบบ  Siri หรือ Google Assistant ได้ผ่านตัวควบคุม
  • ประหยัดแบตเตอรี่ หากแบตเตอรี่เหลือ 0% ชาร์จด่วนเพียงแค่ 10 นาที ใช้งานได้สูงสุด 1 ชั่วโมง

แนะนำ 5 อันดับ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี 2024

1. หูฟังบลูทูธ Airpod Pro

Airpod Pro

เริ่มต้นกับหูฟังอันดับแรกด้วย หูฟังบลูทูธ Airpod Pro วางจำหน่ายในไทย 8 พฤศจิกายน 2019 หูฟังเป็นรูปแบบ In-Ear มีฟีเจอร์ภายในมากมาย อาทิเช่น ตัดเสียงรบกวน และระบบรับฟังเสียงรอบตัว เหมาะกับใช้ชีวิตในประจำวัน มาพร้อมกับคุณสมบัติป้องกันน้ำและป้องกันเหงื่อ มาตรฐาน IPX4

สำหรับฟีเจอร์พิเศษ Spatial Audio ช่วยจำลองทิศทางของเสียงให้สมจริงยิ่งขึ้นขณะดูภาพยนต์ และระบบ Sensor ตรวจจับการใช้งาน หากหูฟังหลุดจากใบหูเพลงจะหยุดเล่นทันที และจะกลับมาเล่นอีกครั้ง เมื่อสวมใส่ใหม่ มีไมโครโฟนคู่ระบบ Beamforming

ส่วนเรื่องแบตเตอรี่มีความถึกทน ตัวกล่องเคสชาร์จแบตเตอรี่ใช้ได้นานสุด 24 ชั่วโมง และหูฟังใช้ฟังเพลงได้นานสุด 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตัวชาร์จเป็นแบบ USB-C  และที่พิเศษสุดไม่เหมือนใคร มีระบบปรับ EQ อัตโนมัติให้เหมาะสมกับการรับฟังเสียงแต่ละคน และเชื่อมต่อด้วยระบบ Bluetooth 5.0

จุดเด่น
  • ดีไซน์ดูหรูหรา ทันสมัย สวยงาม และมีจุกยางใส่สบาย กระชับไม่หลุด
  • สามารถใช้คำสั่งถัดไป ย้อนกลับ หยุด ผ่านการกดที่ก้านหูฟัง และเปิดใช้งาน Siri ด้วยระบบเสียง
    คุณสมบัติป้องกันน้ำและป้องกันเหงื่อ มาตรฐาน IPX4
  • เป็นหูฟังบลูทูธที่เหมาะกับใช้งานในชีวิตประจำวัน ตัดเสียงรบกวนได้ดี
  • ระบบ Bluetooth 5.0 ส่งสัญญานได้ไกลเกิน 10 เมตร
  • ตัวกล่องเคสชาร์จแบตเตอรี่ใช้ได้นานสุด 24 ชั่วโมง
  • มีระบบปรับ EQ อัตโนมัติให้เหมาะสมกับการรับเสียงแต่ละคน
จุดควรพิจารณา
  • ปรับระดับเสียง เพิ่ม-ลดไม่ได้
  • ตัวกล่องเคสใช้วัสดุพลาสติก ทำให้เป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย
  • โดดเด่นกับผู้ใช้งานแบรนด์ APPLE เท่านั้น

2. หูฟังบลูทูธ JBL Wave 100 TWS

JBL Wave 100 TWS

มาต่อ หูฟังไร้สาย อันดับ 2 JBL Wave 100 TWS เปิดตัวเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2021 เป็นหูฟังบลูทูธแบบไร้สาย น้ำหนักเบา ขนาดเล็กกะทัดรัดพกพาง่าย มีจุกยางนุ่ม ทำให้สวมใส่สบายได้ตลอดทั้งวัน ให้เสียงคมชัด ตัดเสียงรบกวน เสียงเบสหนักแน่น Deep Bass Sound และเป็นเอกลักษณ์ของ JBL

มาพร้อมกับกล่องเคส(Case) เป็นรูปแบบแม่เหล็ก ทำให้เก็บหูฟังไม่หลุดออกจากตัวกล่องเคส แม้ไม่ได้ปิดฝากล่องก็ตาม สามารถฟังเพลง ดูหนัง หรือคุยสนทนาโทรศัพท์ได้ยาวนานสุด 20 ชั่วโมง และใช้งานได้ต่อเนื่อง 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และกล่องเคสเก็บแบตเตอรี่ได้นานสุด 15 ชั่วโมง

ระบบหูฟังบลูทูธ เป็นระบบ Bluetooth 5.0 ส่งสัญญานได้ไกลเกิน 10 เมตร มีไมโครโฟนในตัว ระบบเสียง Deep Bass Sound เสียงเบสแน่นทรงพลัง และสามารถใช้หูฟังบลูทูธแบบโมโน 1 ข้าง โดยตัวกล่องชาร์จจะมีช่องเสียบด้านหลัง USB-C และรองรับ Fast Charge ชาร์จเต็มภายใน 2 ชั่วโมง

จุดเด่น
  • ระบบเสียง Deep Bass Sound  เสียงเบสแน่นทรงพลัง ฟังเพลง ดูหนัง ได้เสียงคมชัด สมจริง
  • ออกแบบมาให้มีจุกยางนุ่ม ทำให้สวมใส่สบายได้ตลอดทั้งวัน ไม่เจ็บหู
  • น้ำหนักเบา ขนาดเล็ก พกพาง่าย และกล่องเคสมีแม่เหล็ก หูฟังไม่หลุดออกจากกล่อง แม้ไม่ปิดฝา
  • แบตเตอรี่ถึกทน ใช้งานได้ยาวนาน มีระบบ Fastcharge และช่องเสียบชาร์จเป็น USB-C
  • ใช้หูฟังรูปแบบ Mono ให้เสียงข้างเดียว และมีไมโครโฟนในตัวได้อีกด้วย
  • ระบบ Bluetooth 5.0 ส่งสัญญานได้ไกลเกิน 10 เมตร
จุดควรพิจารณา
  • ไม่มีระบบตัดเสียงรบกวนในการใช้ไมโครโฟน
  • ย่านเสียงกลาง เสียงแหลม ไม่โดดเด่นเท่าที่ควร
  • คุณภาพเสียงของไมโครโฟนไม่คมชัด

3. หูฟังบลูทูธ Xiaomi True Wireless Earphone 2

Xiaomi True Wireless Earphone 2

มาต่อกับอันดับถัดไป หูฟังบลูทูธ Xiaomi เปิดวางจำหน่ายในไทยเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 เป็นหูฟังไร้สายรูปแบบ Earbud น้ำหนักเบา ดีไซน์สวยงาม มีก้านไมโครโฟนยื่นลงมาทั้งสองข้าง และมีระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้เสียงพูดคมชัด อีกทั้งมีเสียงแหลมและกลางคมชัด เสียงเบสหนักแน่น 

มาพร้อมกับกล่องเคสมีความใหญ่ หนาเทียบเท่ากับตลับแป้งได้เลย เป็นวัสดุพลาสติก น้ำหนักเบา มีไฟแสดงสถานะด้านหน้า และด้านหลังมีช่องเสียบชาร์จเป็น USB-C ใช้งานได้นานสุด 15 ชั่วโมง และใช้ได้ยาวนานสุด 20 ชั่วโมง และใช้งานได้ต่อเนื่อง 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และกล่องเคสเก็บแบตเตอรี่ได้นานสุด 15 ชั่วโมง

อีกทั้งระบบหูฟังมีฟีเจอร์ Smart in-ear Detection หยุดเล่นเพลงอัตโนมัติเมื่อหูฟังหลุดจากหู และกลับมาเล่นเพลงต่อทันทีที่สวมหูฟังเข้าไป และมีระบบ Bluetooth 5.0 ส่งสัญญานได้ไกลเกิน 10 เมตร โดยตัวหูฟังเป็นรูปแบบ Earbud ทำให้สวมใส่ได้ลึกขึ้น เก็บเสียงภายนอกได้ดี คุณภาพเสียงชัดเจนทุกย่านเสียง

จุดเด่น
  • ระบบ Bluetooth 5.0 ส่งสัญญานได้ไกลเกิน 10 เมตร
  • หยุดเล่นเพลงอัตโนมัติเมื่อหูฟังหลุดจากหู และกลับมาเล่นเพลงต่อทันทีที่สวมหูฟังเข้าไป
  • หูฟังเป็นรูปแบบ Earbud ทำให้สวมใส่ได้ลึกขึ้น เก็บเสียงภายนอกได้ดี
  • ระบบไมโครโฟน มีระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้เสียงพูดคมชัด
  • กล่องเคสมีช่องเสียบชาร์จ USB-C ทำให้ชาร์จเต็มได้รวดเร็วภายใน 2-3 ชั่วโมง
จุดควรพิจารณา
  • ไม่มีจุกยาง อาจทำให้เจ็บหูได้ เมื่อใส่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
  • กล่องเคสมีขนาดใหญ่และหนาเทียบเท่าตลับแป้ง ต้องใช้พื้นที่เก็บเยอะขึ้น
  • ระบบเสียงมีดีเลย์ หน่วงเล็กน้อย

4. หูฟังบลูทูธ SONY WI-C200

SONY WI-C200

มาถึงรองสุดท้ายกับหูฟังบลูทูธ SONY WI-C200 เป็นรูปแบบหูฟังมีสายและแบบ In-Ear มีจุกยางไม่เจ็บหู โดยดีไซน์ให้อ้อมสายหูฟังปล่อยไว้บริเวณหลังคอ แต่เชื่อมต่อด้วยระบบ Bluetooth ทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น ฟังเพลงขณะออกกำลังกายได้เพราะมีคุณสมบัติป้องกันน้ำและป้องกันเหงื่อ

รองรับระบบการเรียกเข้าใช้ Siri หรือ Google Assistant โดยกดที่ปุ่มตรงกลางบนตัวควบคุมของหูฟังบลูทูธ และสามารถกดเพิ่มเสียง-ลดเสียง และระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 15 ชม แต่หากแบตเตอรี่หมด 0% ก็สามารถชาร์จด่วนเพียงแค่ 10 นาที ก็เพียงพอสำหรับฟังเพลงนานถึง 1 ชั่วโมง

สำหรับการชาร์จของหูฟังบลูทูธ SONY WI-C200 แตกต่างจากตัวอื่นๆ เพราะไม่มีกล่องเคสที่ใช้สำหรับชาร์จ ซึ่งชาร์จผ่านตัวควบคุม SONY ช่องเสียบชาร์จเป็น USB-C แบตเตอรี่ 0% สามารถชาร์จเต็ม 100% ได้ภายใน 3 ชั่วโมง และระบบเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0

จุดเด่น
  • ระบบ Bluetooth 5.0 ส่งสัญญานได้ไกลเกิน 10 เมตร
  • ช่องเสียบชาร์จเป็น USB-C ชาร์จเต็ม 100% ได้ภายใน 3 ชั่วโมง
  • มีคุณสมบัติกันน้ำและกันเหงื่อ เหมาะสำหรับใส่ออกกำลังกาย
  • สามารถใช้งานระบบ  Siri หรือ Google Assistant ได้ผ่านตัวควบคุม
  • ประหยัดแบตเตอรี่ หากแบตเตอรี่เหลือ 0% ชาร์จด่วนเพียงแค่ 10 นาที ใช้งานได้สูงสุด 1 ชั่วโมง
จุดควรพิจารณา
  • เป็นหูฟังบลูทูธรูปแบบมีสายคล้องคอ อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้แบบไร้สาย
  • ไม่มีกล่องเคสชาร์จแบตแบบรุ่นอื่นๆ

5. หูฟังบลูทูธ Marshall Minor III

Marshall Minor III

มาถึงอันดับสุดท้าย หูฟังบลูทูธ Marshall Minor III เริ่มให้เปิด Pre-order ในไทยเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2021 ซึ่งหลังจากเปิดตัวได้รับกระแสตอบรับอย่างดี เพราะ Marshall เป็นแบรนด์ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพเสียงแน่นทุกระดับ เสียงเบสหนักแน่น มีดีไซน์หูฟังบลูทูธสีดำ ทรงสวย กล่องเคสเสมือนลำโพงตั้งโต๊ะดูหรูหรา

สำหรับระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์ด้วย Bluetooth เหนือกว่าใคร คือ Bluetooth 5.2 ใหม่ล่าสุด ใช้ในระยะไกลเกิน 10 เมตรและมีสัญญาณเสถียรกว่า 5.0  มีคุณสมบัติป้องกันน้ำและป้องกันเหงื่อ มาตรฐาน IPX4 แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องนานสุด 5 ชั่วโมง และตัวกล่องเคสใช้งานนานสูงสุด 25 ชั่วโมง

มี Sensor ตรวจจับการสวมใส่หากหูฟังหลุดจะทำการหยุดอัตโนมัติ และกลับมาเล่นเช่นเดิม เมื่อมีการสวมใส่อีกครั้ง ใส่ออกกำลังกายได้สบาย มีจุกยางให้เปลี่ยนตามขนาดหูของแต่ละคน เพื่อให้ใส่กระชับมากที่สุด และไม่เจ็บหู อีกทั้งไมโครโฟน 2 ข้าง เสียงคมชัด ใช้แยกข้างได้อีกด้วย

จุดเด่น
  • ดีไซน์สีดำหรูหรา ทรงหูฟังสวยงาม
  • คุณภาพเสียงขึ้นชื่อตามสไตล์แบรนด์ Marshall เสียงหนักแน่น คมชัดแน่นอน
  • Bluetooth 5.2 ใหม่ล่าสุด มีความเสถียรกว่าเดิมและใช้งานได้ไกลกว่า 10 เมตร
  • คุณสมบัติป้องกันน้ำและป้องกันเหงื่อ มาตรฐาน IPX4
  • ตัวกล่องเคสใช้งานนานสูงสุด 25 ชั่วโมง
  • ไมโครโฟนคมชัด ไร้เสียงรบกวน
จุดควรพิจารณา
  • นอกจากคุณภาพเสียงพิเศษ ไม่มีฟังก์ชั่นในการใช้งานเป็นพิเศษ
  • ปรับระดับเสียง เพิ่ม-ลดไม่ได้

หูฟังบลูทูธ คืออะไร มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี น่าลงทุน

หูฟังบลูทูธ คือ หูฟังชนิดไร้สาย น้ำหนักเบา พกพาสะดวก โดยเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ด้วยสัญญาณ บลูทูธ (Bluetooth) ช่วยให้คุยสนทนาสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ อีกทั้งยังช่วยให้รับชมความบันเทิงดูหนัง ฟังเพลงได้อีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันมีหูฟังบลูทูธ 4 ประเภท และแต่ละประเภทมีการใช้งานที่แตกต่างกันดังนี้

หูฟังบลูทูธแบบ True Wireless

เป็นหูฟังบลูทูธชนิดไร้สายอย่างแท้จริง มีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา เน้นพกพาสะดวกและมีดีไซน์ที่สวยงาม ดูหรูหรา มีคุณภาพเสียงค่อนข้างดี ซึ่งคุณภาพของเสียงขึ้นอยู่กับราคาและแบรนด์ที่ผลิต โดยรุ่นที่มีเสียงระดับดีเยี่ยมมักจะมีราคาสูง และเกิดสูญหายได้ง่ายอีกด้วย อีกทั้งแบตเตอรี่มีจำกัด สามารถชาร์จได้ผ่านกล่องของหูฟังบลูทูธนั่นเอง

หูฟังบลูทูธสำหรับออกกำลังกาย

หูฟังบลูทูธออกกำลังกาย ถูกออกแบบมาสำหรับการออกกำลังกายโดยเฉพาะ ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันน้ำและป้องกันเหงื่อ มีความกระชับ ใส่แล้วไม่หลุดร่วง คุณภาพเสียงขึ้นอยู่กับราคาและแบรนด์ที่ผลิตหูฟัง โดยการฟังเพลงขณะออกกำลังกาย ช่วยในเรื่องให้ร่างกายตอบสนองต่อเสียงเพลงได้ดีขึ้น เช่น การวิ่งหรือเดินให้เข้ากับจังหวะเพลง และทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้นอีกด้วย

หูฟังบลูทูธแบบโมโน

เป็นหูฟังบลูทูธที่เน้นใช้งานสำหรับการสื่อสารหรือสนทนา เพราะรูปแบบหูฟังข้างเดียว ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดี มีไมค์โครโฟนสำหรับพูดคุย ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ขณะขับรถเดินทางหรือประชุมส่วนตัว เพราะมีความสะดวกในการหยิบสวมใส่ มีความกระชับแน่นหูไม่หลุดร่วง อีกทั้งคุณภาพของไมโครโฟนคมชัดและระบบรับสาย-ตัดสายการโทรได้ง่ายอีกด้วย

หูฟังบลูทูธแบบครอบหู

ถูกออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่ เน้นใช้งานแบบเต็มใบหูของเรา ทำให้รับคุณภาพเสียงที่มีมิติกว่าประเภทอื่นๆ ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดี มีฟองน้ำรองรับพอดีกับใบหู ทำให้สวมใส่ไม่รู้สึกเจ็บ ใส่สบาย และได้รับคลื่นเสียงที่ครบถ้วนทั้ง เสียงต่ำ เสียงกลาง และเสียงแหลม ซึ่งนิยมใช้ในการฟังเพลง เข้าถึงอารมณ์เพลงได้ดีขึ้นอีกด้วย

วิธีเลือกซื้อ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี 2023 ให้เหมาะแก่การใช้งานของคุณ

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ยอดนิยม

1. ความเหมาะสมของราคา

ราคาของ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี เป็นสิ่งแรกที่ควรคำนึง เพราะราคาของหูฟังเป็นตัวบ่งบอกถึงคุณภาพในเรื่องคุณภาพเสียง การตัดเสียงรบกวน และความคุ้มค่าของหูฟัง ซึ่งหากคุณเลือกซื้อหูฟัง ควรซื้อตามงบที่มีและศึกษาคุณสมบัติของหูฟังว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ อาทิเช่น ตัดเสียงรบกวนได้หรือไม่ คุณภาพของเสียง และมีความกระชับหรือไม่ รวมถึงศึกษาแบรนด์ที่ทำหูฟังบลูทูธด้วย

2. ความสบายในการสวมใส่

การเลือกซื้อหูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดีต้องมีความสบายในการสวมใส่ทั้งรูปแบบใหญ่และเล็ก ซึ่งแบบเล็กมักจะประเภทหูฟัง True Wireless กะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ไม่เจ็บหู และแบบใหญ่มักจะเป็นประเภทครอบทั้งใบหู ซึ่งจะมีฟองน้ำรองรับใบหู ไม่เจ็บหู แต่ทั้งนี้อาจจะต้องทดลองสวมใส่ของจริง เพราะขนาดใบหูของเราไม่เท่ากันนั่นเอง

3. ความจุของแบตเตอรี่

แบตเตอรี่สำหรับหูฟังบลูทูธ ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง ควรเลือกความจุของแบตเตอรี่ที่มีความเหมาะสมใช้งานได้นานต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง รวมไปถึงความไวในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม ไม่นานเกิน 3 ชั่วโมง เพื่อเป็นเกณฑ์ในการเลือกซื้อ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ให้คุ้มค่าในการใช้งานได้นานที่สุดอีกด้วย

4. ระยะการเชื่อมต่อ Bluetooth

หูฟังบลูทูธควรมีระยะในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไม่ต่ำกว่า 5 เมตร เพราะเป็นระยะพื้นฐานที่คนเราสามารถวางสมาร์ทโฟนหรือกล่องชาร์จหูฟังให้ไกลตัวเป็นระยะที่เหมาะสม โดยสัญญาณของหูฟังส่วนใหญ่จะปล่อยไปไกลในช่วง 5-10 เมตร เป็นระบบ Bluetooth 5.0 ขึ้นไป ซึ่งก่อนเลือกซื้อ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ควรดูคุณสมบัติของการรับ-ปล่อยสัญญานให้ถี่ถ้วนเสียก่อน

5. คุณภาพของเสียง

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี มีคุณภาพเสียงและคุณสมบัติแตกต่างกัน ซึ่งควรศึกษาให้ครบถ้วน เพราะคุณภาพเสียงเป็นหัวใจหลักในการใช้งานหูฟัง อีกทั้งต้องมีระบบตัดเสียงรบกวนภายนอกที่ดี มักจะมีราคาค่อนข้างสูง และแบรนด์ชั้นนำผลิตหูฟังที่มีคุณภาพของเสียงดี เช่น Airpod, Marshall, Sony, JBL เป็นต้น ซึ่งทำให้ดื่มดำไปกับเสียงเพลง เสียงมีมิติสมจริง และไมโครโฟนคมชัดอีกด้วย

หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

บทสรุปซื้อ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี 2024 คุ้มค่า ใส่สบาย เสียงแน่น

สำหรับบทสรุปเลือก ซื้อหูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี 2024 เราขอแนะนำ Airpod Pro ใส่สบาย มีจุกยางนุ่ม คุณภาพดีทุกย่านเสียง และมีฟีเจอร์ภายในมากมาย เช่น ตัดเสียงรบกวน และระบบรับฟังเสียงรอบตัว เหมาะกับใช้ชีวิตในประจำวันทุกเพศ ทุกวัย มาพร้อมกับคุณสมบัติป้องกันน้ำและป้องกันเหงื่อ มาตรฐาน IPX4 ใช้ออกกำลังกายได้เช่นกัน

อีกทั้งมีฟีเจอร์พิเศษ Spatial Audio ช่วยจำลองทิศทางของเสียงให้สมจริงขณะดูภาพยนต์ ส่วนไมโครโฟนมี 2 ข้าง เป็นระบบ Beamforming รวมไปถึงแบตเตอรี่ถึกทน ตัวกล่องเคสชาร์จแบตเตอรี่ใช้ได้นานสุด 24 ชั่วโมง และหูฟังใช้ฟังเพลงได้นานสุด 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง รูปแบบเสียบชาร์จ USB-C และรองรับระบบเครือข่าย Bluetooth 5.0 สุดท้ายพิเศษกว่าหูฟังอื่นๆคือ ระบบ EQ ช่วยปรับเสียงอัตโนมัติให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานแต่ละคน คุ้มค่าใส่สบาย เสียงแน่น แน่นอน

Similar Posts