ในปัจจุบันเราต้องเผชิญกับทั้งฝุ่น ควันมลพิษมากมายลอยอยู่ในอากาศ รวมทั้งฝุ่น PM 2.5 ไม่เคยจากเราไปไหนและอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมายตามมาได้ ยิ่งคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ด้วยแล้ว และมักมีอาการแพ้อากาศได้ง่ายยิ่งต้องดูแลตนเองเป็นพิเศษ รวมถึงเราทั้งหมดทุกคนเองก็จำเป็นต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น
เพื่อป้องกันปัญหาฝุ่นควันและมลพิษต่าง ๆ ที่อาจจะทำร้ายสุขภาพและทำมีโรคต่าง ๆ ตามมา ทางออกในการแก้ปัญหาฝุ่นควันในเบื้องต้นสามารถแก้ไขได้โดยการตรวจวัดคุณภาพอากาศด้วย เครื่องวัดฝุ่น pm 2.5 การทำความสะอาดบ่อยๆด้วย เครื่องดูดฝุ่น หรือแม้กระทั่งการซื้อเครื่องฟอกอากาศมาติดบ้านเอาไว้ มีหลายบ้านควรมีติดไว้ไม่แพ้กับเครื่องปรับอากาศเลยทีเดียว
แล้วเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดีที่สุด และสามารถแก้ปัญหาฝุ่นควันมลพิษให้หายออกไปจากบ้านของเราได้ วันนี้ชอบรีวิวมีวิธีการเลือกและการแนะนำเครื่องฟอกอากาศที่ตอบโจทย์การใช้งานในครอบครัวของคุณมาฝากค่ะ มาติดตามกัน
เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี
- เครื่องฟอกอากาศ Tefal Pure Air Purifier รุ่น PT3030FO
- เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Mi Air Purifier 3H
- เครื่องฟอกอากาศ PHILIPS รุ่น AC0820/20
- เครื่องฟอกอากาศ Sharp รุ่น FP-J30TA-B
- เครื่องฟอกอากาศ Electrolux FA31-203BL
เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ที่น่าใช้ที่สุด ฉบับปี 2024
เพื่อให้ทุกคนได้รับเครื่องฟอกอากาศที่มี คุณสมบัติตอบโจทย์ตรงใจได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เรามาดูกันเลยค่ะว่า เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ในปัจจุบันนี้มีรุ่นไหนที่น่าสนใจ และมีฟังก์ชันการใช้งานครบจบในเครื่องเดียวบ้าง ตามเรามาดูกันเลยจ้า
1. เครื่องฟอกอากาศ Tefal Pure Air Purifier รุ่น PT3030FO
เริ่มต้นด้วย เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี รุ่นนี้เป็นรุ่นหนึ่งที่ตอบโจทย์คนที่เป็นโรคภูมิแพ้เป็นอย่างมาก เพราะว่าด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นของรุ่นนี้ เป็นเครื่องฟอกอากาศที่มีสามารถกรองสารก่อภูมิแพ้และฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงสุดได้มากถึง 100 % ซึ่งไม่เพียงแค่เหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้เท่านั้น
ยังเหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กอ่อนและเลี้ยงสัตว์อีกด้วย พร้อมเปลี่ยนห้องที่เคยเต็มไปด้วยฝุ่นควันมลพิษ ให้กลายเป็นห้องที่เต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์ที่เหมาะกับทุกชีวิตในครอบครัว
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับแผ่นกรองมากถึง 3 ชั้น ประกอบไปด้วย แผ่นกรองชั้นต้น เพื่อกรองฝุ่นผงและเส้นผม แผ่นกรอง Active Carbon ช่วยกรองควันและกลิ่นต่าง ๆ รวมถึงกำจัดกลิ่นสารเคมีในอากาศ และสุดท้ายคือแผ่นกรอง Allergy+ ทำหน้าที่กรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก และสารก่อภูมิแพ้อย่างเชื้อโรคไวรัส แบคทีเรีย ไรฝุ่น และขนสัตว์
เพื่อให้มั่นใจว่าบ้านของคุณจะสะอาดปลอดภัยจากทั้งสารก่อภูมิแพ้ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก และสารฟอร์มัลดีไฮด์เหล่านี้ได้สูงสุด 100% โดยสามารถปรับอากาศในห้องให้สะอาดขึ้นภายใน 6 นาที เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่ 120 ตร.ม โดยมีระบบอัตโนมัติทั้งการปรับความเร็วในการกรอง โหมดเงียบ ระบบหรี่ไฟตามบรรยากาศ และระบบตรวจจับระดับมลพิษ พร้อมไฟแสดงคุณภาพของอากาศ
- กรองสารก่อภูมิแพ้และฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงสุดได้สูงสุด 100 %
- แผ่นกรองมากถึง 3 ชั้นจึงสามารถกรองฝุ่น ขจัดกลิ่น และกรองเชื้อโรคไวรัสต่าง ๆ ได้
- มีระบบตรวจจับระดับมลพิษ พร้อมไฟแสดงคุณภาพของอากาศ
- สามารถปรับความเร็วในการกรองมากถึง 5 ระดับ
- สามารถตั้งโหมดไร้เสียงรบกวนการนอนได้
- เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่
- เครื่องฟอกอากาศที่มีน้ำหนักค่อนข้างมากจึงไม่สะดวกในการเคลื่อนย้าย
- ไม่เหมาะกับการใช้งานครอบครัวเพื่อสามารถกรองได้ครอบคลุมถึง 120 ตร.ม จึงควรใช้งานสำหรับออฟฟิศหรือสำนักงานมากกว่า
- รับประกันสินค้า 2 ปีโดยมีเงื่อนไขในการรับประกันสินค้าค่อนข้างมาก ผู้ซื้อจำเป็นต้องอ่านรายละเอียดให้เข้าใจก่อนซื้อสินค้า
2. เครื่องฟอกอากาศ รุ่น Xiaomi Mi Air Purifier 3H
เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi mi air purifier 3H เป็นเครื่องฟอกอากาศ รุ่นนี้ เหมาะสำหรับการใช้งานในครอบครัวที่อยู่กันหลายคนเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยความสามารถในการกรองครอบคลุมพื้นที่มากถึง 48 ตารางเมตร สามารถฟอกอากาศสูงขึ้นเป็น 380 ลบ.ม ต่อชั่วโมง รองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และ Alexa จึงมอบทั้งอากาศที่แสนบริสุทธิ์และความสะดวกสบายให้กับทุกคนภายในครอบครัว
ซึ่งนอกจากความสามารถในการฟอกอากาศ ที่ครอบคลุมในพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้างแล้ว เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ยังมีหน้าจอระบบสัมผัสแบบ OLED ที่สามารถปรับระดับความเร็วของลมได้โดยแบ่งความแรงของลมได้เป็นระดับ 1-3 และโหมด Auto พร้อมกับสามารถเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน Mi Home เพื่อใช้สำหรับควบคุมและตรวจสถานะต่าง ๆ ได้
โดยในการกรองอากาศแล้วมาพร้อมกับฟิลเตอร์กรองอากาศแบบ True HEPA จึงมีความสามารถในการดักจับละอองฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ได้ซึ่งสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้ 99.97% ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งยังสามารถกำจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ให้ออกไปจากห้อง ซึ่งเครื่องกรองอากาศเครื่องนี้รับประกันที่ศูนย์ไทยเป็นระยะเวลา 1 ปี
- ครอบคลุมพื้นที่มากถึง 48 ตารางเมตร
- รองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และ Alexa
- หน้าจอระบบสัมผัสแบบ OLED ที่สามารถปรับระดับความเร็วของลมได้
- สามารถเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน Mi Home เพื่อใช้สำหรับควบคุมและตรวจสถานะต่าง ๆ ได้
- ฟิลเตอร์ฟอกอากาศแบบ True HEPA สามารถในการดักจับละอองฝุ่นขนาดเล็กมาก ๆ ได้ซึ่งสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้ 99.97%
- เหมาะกับการใช้งานภายในครอบครัวเท่านั้น ไม่เหมาะกับใช้กับงานอาคารสถานที่ที่มีพื้นที่กว้างขวาง
- แผ่นกรองไม่ครอบคลุมถึงการกรองสารก่อภูมิแพ้ เชื้อโรค แบคทีเรีย และเชื้อไวรัส
- การรับประกันสินค้าเป็นเวลา 1 ปี เท่านั้น
3. เครื่องฟอกอากาศ PHILIPS รุ่น AC0820/20
เปลี่ยนอากาศภายในบ้านให้ทุกคนรู้สึกสบายมากยิ่งขึ้นด้วย เครื่องฟอกอากาศ PHILIPS รุ่น AC0820/20 เป็นเครื่องฟอกอากาศที่มีคุณสมบัติในการกรองอณูฝุ่นละอองขนาดเล็กระดับอนุภาคขนาดนาโนที่เล็กกว่า 0.003 ไมครอน หรือเป็นฝุ่นขนาดเล็กกว่า PM2.5 ถึง 800 เท่า ได้ถึง 99.5% ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จึงสามารถเปลี่ยนให้อากาศภายในบ้านของคุณ เป็นอากาศที่แสนบริสุทธิ์ สามารถดูแลสุขภาพของทุกคนภายในบ้านของคุณ และปลอดภัยจาก PM2.5, แบคทีเรีย, ละอองเกสร, ฝุ่น, ขนสัตว์และมลพิษอื่นๆ ซึ่งได้รับการรับรองจาก European Centre for Allergy Research Foundation
ทั้งนี้ยังมาพร้อมกับระบบอัจฉริยะ ฟอกอากาศอัตโนมัติที่สามารถตรวจวัดคุณภาพของอากาศและสามารถฟอกอากาศได้ทันทีที่อากาศมีการเปลี่ยนแปลง โดยสามารถขจัดไวรัส และฝุ่นละอองตามอากาศได้สูงสุดได้สูงถึง 99.9% โดย Airmid Health-Group เป็นองค์กรที่ทำการทดสอบ
เครื่องฟอกอากาศ รุ่นนี้ เหมาะสมกับขนาดห้อง 16-49 ตร.ม. โดยสามารถกรองอากาศได้ 190 ตร.ม. ต่อชั่วโมง ซึ่งมาพร้อมกับแผ่นกรองอากาศที่ติดตั้งมากับตัวเครื่อง อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาสามารถทำการเคลื่อนย้ายได้โดยสะดวก และยังมีฟังก์ชัน โหมดการทำงานต่าง ๆ ระบบหมุนวนเวียนอากาศแบบ 3 มิติ ใช้เวลาฟอกอากาศในพื้นที่ 20 ตารางเมตรน้อยกว่า 16 นาที โหมด Sleep ไฟแสดงสถานะจะลดความสว่างลงและการทำงานของเครื่องฟอกอากาศจะทำงานอย่างเงียบพิเศษ
- สามารถกรองอณูฝุ่นละอองขนาดเล็กระดับอนุภาคขนาดนาโนที่เล็กกว่า 0.003 ไมครอน
- มีความสามารถในการกรอง PM2.5, แบคทีเรีย, ละอองเกสร, ฝุ่น, ขนสัตว์และมลพิษอื่นๆ
- ระบบอัจฉริยะ ฟอกอากาศอัตโนมัติที่สามารถตรวจวัดคุณภาพของอากาศและสามารถกรองอากาศได้ทันทีที่อากาศมีการเปลี่ยนแปลง
- น้ำหนักเบาสามารถทำการเคลื่อนย้ายได้โดยสะดวก
- ฟังก์ชัน โหมดการทำงานต่าง ๆ ระบบหมุนวนเวียนอากาศแบบ 3 มิติ
- ไม่สามารถกรองกลิ่นต่าง ๆ ในอากาศได้
- ความสามารถในการฟอกอากาศค่อนข้างช้า
- เหมาะกับการใช้งานภายในครอบครัว เพราะหากใช้ในพื้นที่กว้างอาจกองได้ไม่ทั่วถึง
4. เครื่องฟอกอากาศ Sharp รุ่น FP-J30TA-B
เครื่องฟอกอากาศ จาก Sharp ที่มาในขนาดกะทัดรัดทั้งยังสามารถเคลื่อนย้ายได้โดยสะดวกเครื่องนี้ เป็นเครื่องฟอกอากาศ ที่ตอบโจทย์คนที่อยู่คอนโดแบบห้องสตูดิโอขนาดไม่เกิน 23 ตร.ม เป็นอย่างมาก เพราะเครื่องฟอกอากาศ ที่มาในขนาดเล็กจึงไม่เปลืองพื้นที่
แต่สามารถฟอกอากาศได้ครอบคลุมทั่วทั้งห้องคอนโดจึงตอบโจทย์กับการใช้งานอย่างถึงที่สุด ทั้งยังมีการออกแบบที่สวยงาม มาพร้อมรูปลักษณ์ที่ดูดีมีสไตล์มาก ๆ มาพร้อมกับแผ่นกรอง ไส้กรองฝุ่น HEPA ที่สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก ฝุ่น Pm 2.5 รวมถึงฝุ่นที่มีขนาดเพียง 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยมีระบบทำงานแบบ ION SHOWER ซึ่งเป็นระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ ด้วยการพ่นอนุภาคไฟฟ้าบวกและลบที่มีความเข้มข้นสูงสุดช่วยให้ห้องของเราปราศจากเชื้อโรคและแบคทีเรียต่าง ๆ ทั้งยังสามารถขจัดเชื้อรา เชื้อภูมิแพ้ เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในอากาศ และสลายกลิ่นอับชื้น ตลอดจนสลายฤทธิ์สารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่น โดยฟังก์ชันที่เพิ่มเติมเข้ามาคือระบบตั้งเวลาเปิด-ปิด
- ขนาดกระทัดรัดทั้งยังสามารถเครื่องย้ายได้โดยสะดวก
- ไส้กรองฝุ่น HEPA ที่สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก ฝุ่น Pm 2.5 และเชื้อโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ ด้วยการพ่นอนุภาคไฟฟ้าบวกและลบที่มีความเข้มข้นสูงสุดช่วยให้ห้องของเราปราศจากเชื้อโรคและแบคทีเรีย
- สามารถกรองฝุ่นอณูละอองละเอียดมากถึง 99.97%
- ระบบตั้งเวลาเปิด-ปิด
- ไม่เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่กว้างเพราะสามารถกรองครอบคลุมพื้นที่ได้เพียง 23 ตร.ม
- ไม่มีฟังก์ชันเสริมพิเศษที่ติดตั้งมากับเครื่องฟอ
- อากาศจึงอาจไม่สะดวกกับการใช้งาน
- รับประกันเป็นเวลา 1 ปีเท่านั้น
5. เครื่องฟอกอากาศ Electrolux FA31-203BL
เป็นเครื่องฟอกอากาศ ที่มีความสามารถในการฟอกอากาศสำหรับพื้นที่ที่มีขนาด 22 ตร.ม จึงเหมาะสมกับคอนโดขนาดเล็ก ซึ่งต้องบอกเลยว่าตอบโจทย์กับคนโสดเป็นอย่างมาก มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สวยงามและแสนโดดเด่นจนทำให้รุ่นนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมเป็นพิเศษ
โดยมีอัตราเปลี่ยนถ่ายอากาศต่อชั่วโมงที่ 177 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง โดยมีจอแสดงผลแบบ LED รวมถึงสามารถใช้งานผ่านระบบสัมผัสได้ มาพร้อมกับฟังก์ชันโหมดการทำงาน 2 โหมดทั้ง Auto Mode และ Sleep mode โดยมีเสียงเพียง 26 เดซิเบลเท่านั้น
สำหรับประสิทธิภาพในการกรองสิ่งสกปรกนั้น สามารถกรองสิ่งสกปรกได้มากถึง 5 ขั้นตอนจึงสามารถดักจับฝุ่นผงที่มีขนาดเล็กได้ ทั้ง PM 1.0 และ PM 2.5 โดยติดตั้ง UV-C สามารถยับยั้งไวรัส Sar Cov2 สาเหตุของ Covid-19 และฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงสามารถขจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อย่างสารแอซีทัลดีไฮด์ได้ และสามารถกำจัดสารที่เป็นอันตรายในอากาศอย่างสารฟอร์มาดีไฮด์ มาพร้อมระบบในการเตือนเมื่อต้องเปลี่ยนแผ่นกรอง ไม่เพียงแค่นั้นยังสามารถปรับความแรงพัดลมได้ 3 ระดับ มาพร้อมกับชุดกรองอากาศแนวตั้งที่สามารถกรองได้รอบทิศแบบ 360 องศา ซึ่งรับประกันสินค้าถึง 2 ปีเต็มเลยทีเดียว
- รูปลักษณ์ที่สวยงาม แสนโดดเด่น และดูทันสมัย
จอแสดงผลแบบ LED รวมถึงสามารถใช้งานผ่านระบบสัมผัสได้ - ฟังก์ชันโหมดการทำงาน 2 โหมดทั้ง Auto Mode และ Sleep mode
- กรองสิ่งสกปรกได้มากถึง 5 ขั้นตอนจึงสามารถดักจับฝุ่นผงที่มีขนาดเล็กรวมทั้ง PM 1.0 และ PM 2.5
- น้ำหนักเบาสามารถเคลื่อนย้ายได้โดยสะดวก
- อัตราเปลี่ยนถ่ายอากาศต่อชั่วโมงค่อนข้างน้อย
- เหมาะสำหรับห้องนอนและคอนโดขนาดเล็กเท่านั้น เพราะหากใช้ในพื้นที่กว้างอาจกรองได้ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่
- ไม่มีฟังก์ชันเสริมพิเศษที่ติดตั้งมากับเครื่องฟอกอากาศจึงอาจไม่สะดวกกับการใช้งาน
เลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว
ใครรู้บ้างว่าหากต้องการซื้อเครื่องฟอกอากาศต้องคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง ? ซึ่งมีหลายเรื่องที่เราเชื่อว่าพวกคุณอาจจะยังไม่รู้วันนี้เราจะมาบอกทุกคนเองค่า
1. หน้าที่ของเครื่องฟอกอากาศ
เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier หรือ Air Cleaner) ที่เราทุกคนเห็นกันอยู่โดยทั่วไปนั้นทำงานโดยการดูดอากาศโดยเอาทั้งฝุ่นและสิ่งแปลกปลอมในอากาศอย่างพวกเชื้อแบคทีเรีย เชื้อโรค สารก่อภูมิแพ้ หรือไวรัสต่าง ๆ เข้าไปในเครื่องโดยผ่านตัวกรองในการดักจับสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้น
ก่อนปล่อยอากาศที่บริสุทธิ์และสะอาดให้เราได้หายใจ จึงเหมาะกับคนที่เป็นภูมิแพ้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังสามารถระงับกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในบ้านได้
2. ใครบ้างที่จำเป็นที่ต้องใช้เครื่องฟอกอากาศ
หากถามว่าในปัจจุบันทุกบ้านควรมีเครื่องฟอกอากาศติดบ้านไว้ 1 เครื่องเพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าตอนไหน PM 2.5 จะกลับมารุนแรงอีกครั้ง แต่สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้อย่างไร ก็จำเป็นต้องซื้อติดบ้านหรือติดห้องเอาไว้เลย เพื่อลดอาการแพ้เมื่อเข้ามาอยู่ภายในบ้าน และให้เราได้รับอากาศที่ทั้งสะอาดและบริสุทธิ์จากเครื่องฟอกอากาศเครื่องนี้
3. เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมกับพื้นที่ภายในบ้าน
เชื่อว่าหลายคนคงเห็นความสำคัญของเครื่องฟอกอากาศไปไม่น้อยเลยใช่มั้ยคะ แต่ก่อนที่จะซื้อเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมกับขนาดของห้องด้วย โดยสามารถใช้หลักการเดียวกับเครื่องปรับอากาศได้เลยคือใช้เครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง
เพื่อให้เครื่องฟอกอากาศสามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยเราต้องทราบก่อนว่าห้องของเรามีขนาดกี่ตารางเมตรจึงจะสามารถซื้อเครื่องฟอกอากาศที่สามารถรองรับกับขนาดของห้องได้ เช่น ถ้าห้องของคุณมีขนาดประมาณ 20-25 เมตร ก็ต้องเลือกรุ่นเครื่องฟอกอากาศที่สามารถรองรับขนาดดังกล่าวได้ เพื่อให้เครื่องฟอกอากาศสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของโหมดการทำงาน และสามารถดูแลสุขภาพของเราได้
4. ไส้กรองเครื่องฟอกอากาศ
ไส้กรองหรือแผ่นกรองอากาศนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของเครื่องฟอกอากาศเลยก็ว่าได้ เพราะว่าช่วยในการกรองอากาศและกรองฝุ่นได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน อย่างแผ่นกรองอากาศ HEPA มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ได้ถึง PM 5 เลยทีเดียว ส่วนแผ่นกรองคาร์บอน สามารถกรองกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้
มาถึงความพิเศษของแผ่นกรองอากาศแบบออลอินวัน ทำหน้าที่ทั้งกรองฝุ่นและกรองกลิ่นได้ในชุดเดียวกัน และสุดท้ายคือแผ่นกรองอากาศชนิดพิเศษ อย่างแผ่นกรองสารก่อภูมิแพ้ (Allergen Filter) ที่ทำหน้าที่กรองเชื้อโรค ไรฝุ่นต่าง ๆ รวมถึงเกสรดอกไม้ก็สามารถกรองได้ ส่วนแผ่นกรองสารเคมี (Photocatalyst Filter) เป็นแผ่นกรองที่ใช้อย่างแพร่หลายในหลาย ๆ อุตสาหกรรมเพื่อช่วยในการกรองสารเคมีนั่นเอง
5. ฟังก์ชันพิเศษที่มาพร้อมเครื่องฟอกอากาศ
การซื้อเครื่องฟอกอากาศ สักเครื่องไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ เพราะนอกจากดูที่แผ่นกรองอากาศแล้ว ฟังก์ชันที่ติดตั้งมาพร้อมกับตัวเครื่องก็มีความสำคัญไม่น้อยเช่นกัน
โดยเครื่องฟอกอากาศในปัจจุบันมีฟังก์ชันเด่นๆ อย่างฟังก์ชั่นเพิ่มความชื้นในอากาศซึ่งทำหน้าที่เติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง ฟังก์ชั่นการดักยุง ฟังก์ชั่นการฆ่าเชื้อโรค รวมถึงระบบอัตโนมัติทั้งหลายเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน อย่างการเปิด-ปิดเครื่องอัตโนมัติ ระบบสั่งงานด้วยเสียง ระบบป้องกันเสียงรบกวนเป็นต้น
6. อัตราเปลี่ยนถ่ายอากาศต่อชั่วโมง (CADR: Clean Air Delivery Rate)
เป็นสิ่งสำคัญที่ควรนำมาพิจารณาในการซื้อเครื่องฟอกอากาศอีกหนึ่งอย่าง ซึ่งค่า CADR เป็นการวัดอัตราเปลี่ยนถ่ายอากาศต่อชั่วโมง โดยจะวัดปริมาณอากาศทั้งหมดภายในห้องว่ามีอัตราในการทำความสะอาดเป็นอัตราเท่าไหร่
ซึ่งตัวเลขจะขึ้นทั้งหมด 3 ช่อง ได้แก่ อัตราทำความสะอาดอากาศที่มีฝุ่นละออง อัตราทำความสะอาดอากาศที่มีเกสรดอกไม้ และอัตราทำความสะอาดอากาศที่มีควันบุหรี่ ซึ่งตัวเลขยิ่งสูงแสดงว่าเครื่องฟอกอากาศมีประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม
บทสรุป เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ในปี 2024
ต้องยอมรับเลยค่ะว่าเครื่องฟอกอากาศในปัจจุบัน นับว่าเป็นเครื่องใช้ในบ้านที่มีความสำคัญและจำเป็นเป็นอย่างมาก ซึ่งทุกบ้านควรมีติดบ้านเอาไว้เพื่อสุขภาพและร่างกายของตนเอง
โดยเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นรุ่นในดวงใจคือ เป็นเครื่องฟอกอากาศ จากแบรนด์ Electrolux FA31-203BL ซึ่งสามารถฟอกอากาศโดยกรองสิ่งสกปรกต่าง ๆ เพื่อคืนอากาศบริสุทธิ์ให้ภายในบ้านได้ แล้วยังสามารถฆ่าเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ และสามารถยับยั้งไวรัส Sar Cov2 สาเหตุของ Covid-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงตอบโจทย์ชีวิตในยุคปัจจุบันนี้เป็นอย่างยิ่ง
หากใครต้องการเพิ่มความเย็นสบายภายในบ้าน แนะนำให้ใช้ พัดลมไอเย็น หรือ แอร์เคลื่อนที่ เพื่อตอบโจทย์ความเย็นสบายมากยิ่งขึ้น เหมาะมากๆ กับสภาพอากาศในเมืองไทย