“เครื่องดูดฝุ่น” กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญของทุกบ้าน ออฟฟิศ และสถานที่ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการทำความสะอาด จัดการสิ่งสกปรกให้ออกไปอย่างหมดจด ดังนั้นการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดนี้จึงต้องรู้วิธีเลือกซื้ออย่างถูกต้อง ตอบโจทย์ด้านความคุ้มค่ามากที่สุด แม้ปัจจุบันจะมีหลากยี่ห้อ หลายแบรนด์ แต่เราขอคัดสรรเพื่อช่วยให้การซื้อและนำไปใช้งานง่ายขึ้นกว่าเดิม รีวิว เครื่องดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี 2024 จัดไปเลย
เครื่องดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี
- เครื่องดูดฝุ่น Deerma DX-900
- เครื่องดูดฝุ่น OTTO HV-092
- เครื่องดูดฝุ่น Jimmy JV11
- เครื่องดูดฝุ่น PetVac365
- เครื่องดูดฝุ่น Imarflex VC-940
รีวิว เครื่องดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี 2024
หลังจากทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นของเครื่องดูดฝุ่น ทั้งประเภทการใช้งานและวิธีเลือกซื้อกันแล้ว จะขอรีวิว เครื่องดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี ที่สามารถนำมาใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ตอบโจทย์ความต้องการของเหล่าพ่อบ้านแม่บ้าน ช่วยให้การทำความสะอาดเป็นเรื่องง่าย รวมถึงยังทนทาน ยาวนาน ไม่ต้องเสียเงินซ่อม หรือซื้อใหม่บ่อย ๆ อีกด้วย
1. เครื่องดูดฝุ่น Deerma DX-900
เริ่มต้นกันด้วย เครื่องดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี ที่ให้แรงหมุนการดูดแบบไซโคลน ลดการกระจายตัวของสิ่งสกปรกและสารก่อภูมิแพ้ทุกชนิด สายไฟยาว 4.5 เมตร จะดูดบริเวณผ้าม่าน หรือเพดานก็สะดวก ตัวเครื่องขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ในการเก็บ ตัวแผ่นกรองอากาศ 3 ชั้น
สามารถกรองอนุภาคฝุ่นได้เล็กสุดถึง 0.3 ไมครอน หรือกว่า 99.97% จากแผ่นกรองอากาศแบบ HEPA Filter กล่องเก็บฝุ่นจุได้ถึง 1.2 ลิตร ถ้วยกรองถอดล้างง่าย สะดวกต่อการใช้งานอย่างมาก
ถือว่าเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้จะช่วยให้การทำความสะอาดบ้านทั้งหลังเป็นงานง่ายมากขึ้นกว่าเดิม ไม่มีสิ่งสกปรกตกค้าง เหมาะสำหรับบ้านที่มีผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หรือเด็กเล็ก อีกทั้งขนาดยังกะทัดรัด เก็บง่าย นำไปใช้งานในรถยนต์ได้อีกด้วย
กำลังดูดสูงสุด 15,000 Pa | ||
กำลังไฟ 600 วัตต์ | ||
ขนาดเครื่อง 23.8 x 13.7 x 110 ซม. |
- แรงหมุนการดูดไซโคลน ไม่ทำให้เชื้อโรคกระจายตัว
- ขนาดกะทัดรัด จัดเก็บง่ายมาก
- กล่องเก็บความจุขนาดใหญ่ถึง 1.2 ลิตร
- สายไฟยาว 4.5 เมตร ใช้งานได้ทั่วถึง
- ถอดล้างถ้วยกรองทำความสะอาดง่ายมาก
- น้ำหนักเครื่อง 2.2 กิโลกรัม ถือว่าหนักพอควร
- ความดังขณะใช้งานสูงถึง 75 dB
- การกรองฝุ่นได้สูงสุดเพียง 0.3 ไมครอน
2. เครื่องดูดฝุ่น OTTO HV-092
ต่อกันที่เครื่องดูดฝุ่นกับยี่ห้อที่คุ้นเคย โดดเด่นด้วยการออกแบบให้ใช้งานได้ทั้งมีด้ามจับและแบบมือถือ เครื่องทำจากพลาสติก ABS ทนความร้อนดีมาก ระบบการกรอง 3 ชั้น คัดแยกประเภทของฝุ่น สิ่งสกปรกและสิ่งของต่าง ๆ ออกจากกันชัดเจน
กรองฝุ่นป้องกันการเข้าไปอยู่ในมอเตอร์ รวมถึงยังสามารถกรองฝุ่นแล้วปรับอากาศที่ออกจากมอเตอร์ให้บริสุทธิ์ได้ด้วย น้ำหนักเบา พกพาง่าย กล่องเก็บฝุ่นจุได้ 1.2 ลิตร ระบบเทอร์โมสตัท เพื่อควบคุมระดับความร้อน
ถือเป็นเครื่องดูดฝุ่นอีกรุ่นที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ ด้วยการใช้งานได้ทั้งแบบด้ามจับและมือถือ เพิ่มความสะอาดด้วยการกรองฝุ่นแล้วเปลี่ยนเป็นอากาศบริสุทธิ์ รวมถึงยังมีระบบควบคุมความร้อน ช่วยให้รู้ว่าเวลาไหนควรพักเครื่องไม่ให้ทำงานหนักเกินไป
ความเร็วรอบ 32,000 รอบ / นาที | ||
กำลังไฟ 600 วัตต์ | ||
ขนาดเครื่อง 50 x 15 x 125 ซม. |
- ใช้งานได้ทั้งแบบด้ามจับและแบบมือถือ ตอบโจทย์ทุกการทำความสะอาด
- คัดแยกสิ่งสกปรกด้วยตัวกรอง 3 ชั้น สะอาดทุกจุด
- ฝุ่นที่ออกจากมอเตอร์ถูกเปลี่ยนเป็นอากาศบริสุทธิ์
- น้ำหนักเบาเพียง 1.66 กิโลกรัม
- มีระบบเทอร์โมสตัทควบคุมความร้อน
- ขนาดสายไฟเพียง 3.8 เมตร
- เสียงเครื่องถือว่าดังเมื่อใช้งานจริง
- เมื่อใช้นานความร้อนขึ้นสูงอาจมีผลกับตัวพลาสติกของเครื่อง
3. เครื่องดูดฝุ่น Jimmy JV11
มากันที่เครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายกันบ้าง รุ่นนี้มีความโดดเด่นในเรื่องช่องขนาดกว้างถึง 22 มม. ตัวลูกกลิ้งแบบเกลียวคอมโพสิต 35 มม. มาพร้อมเทคโนโลยีแบบอัจฉริยะในเรื่องจัดการกับรอยรั่วซึม ไม่มีปัญหาการขีดข่วน
รวมถึงป้องกันขดลวดผ้าได้ด้วย ถังเก็บความจุ 0.4 ลิตร ถอดล้างง่าย แรงดันฆ่าเชื้อ 253.7 nm จัดการกับไรฝุ่นให้บ้านสะอาดปลอดภัยสูงสุด 99%
ใครกำลังมองหาเครื่องดูดฝุ่นชนิดมือถือรุ่นนี้จัดว่าตอบโจทย์ได้ดี ออกแบบที่จับโค้งรับกับมือขณะใช้งาน ตัวช่องดูดมีขนาดกว้าง จัดการไรฝุ่น สิ่งสกปรกได้ทั่วถึง และเทคโนโลยีโดยรวมจัดว่าทันสมัย เหมาะกับการมีไว้ในคอนโดหรือห้องนอน
กำลังดูดสูงสุด 14,000 Pa | ||
กำลังไฟ 350 วัตต์ | ||
ขนาดเครื่อง 35 x 28.5 x 22.1 ซม. |
- ช่องดูดกว้างถึง 22 มม. ดูดได้สะอาด กินพื้นที่เยอะ
- ลูกกลิ้งเกลียวคอมโพสิต 35 มม. ไม่ทำให้พื้นเป็นรอย
- มีเทคโนโลยีป้องกันการรั่วซึม
- แรงดันฆ่าเชื้อได้มาตรฐานระดับ 253. 7 nm
- ถอดล้างง่าย สะดวกรวดเร็ว
- ตัวเครื่องมีขนาดกว้างมากหากเทียบกับเครื่องดูดฝุ่นชนิดมือถือรุ่นอื่น
- ขนาดที่เก็บฝุ่นเพียง 0.4 ลิตร
- หากมีฝุ่นค้างในถังเก็บเยอะอาจทำให้มีกลิ่นไหม้ออกมา
4. เครื่องดูดฝุ่น PetVac365
ใครเน้นความสะดวกต้องเครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์รุ่นนี้เลย สามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชันสั่งงานให้ดูดสิ่งสกปรกและถูพื้นในเวลาเดียวกัน ช่องดูด 2 ชนิด เลือกเปลี่ยนได้ตามต้องการ ตัวแท็งก์เก็บน้ำขนาด 180 มล. จุน้ำเพียงพอ คุมน้ำหยดแบบไฟฟ้า
แผ่นกรอง 2 ชั้น แบบ Patent Filter และ HEPA Filter มีระบบทำงานแบบ GYRO Mapping เพิ่มความอัจฉริยะในการทำความสะอาดมากขึ้น ดีไซน์ถูกออกแบบให้กะทัดรัด ดูดตามซอกมุมได้หมดจด หากแบตเตอรี่ใกล้หมดจะเดินกลับมายังแท่นชาร์จอัตโนมัติ
ถือเป็นเครื่องดูดฝุ่นชนิดหุ่นยนต์ที่มีการติดตั้งระบบอย่างชาญฉลาด ผู้ใช้แทบไม่ต้องสั่งการอะไรมาก เพียงแค่เปิดเครื่อง ตั้งค่าระบบก็ให้เครื่องเริ่มต้นทำงานได้ทันที สะดวกสบาย ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองที่ไม่ค่อยมีเวลาว่างได้ดีจริง
กำลังดูดสูงสุด 3,000 Pa | ||
ขนาดแบตเตอรี่ 2200 mAh | ||
ขนาดเครื่อง 32 x32 x 8 ซม. |
- สั่งงานผ่านแอปพลิเคชัน สะดวกมาก
- ระบบทำงานอัจฉริยะ GYRO Mapping พื้นสะอาดกว่าเดิม
- ดีไซน์กะทัดรัด น่าใช้งาน
- มีระบบดูดฝุ่นและถูน้ำยาทำความสะอาดพร้อมกันในตัว
- เมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมดจะเดินมาหาแท่นชาร์จเอง
- มีแท็งก์น้ำในตัวต้องคอยระวังเรื่องน้ำกับแบตเตอรี่
- ตัวกรองเพียง 2 ชั้น กรองฝุ่นได้ไม่ละเอียดมาก
- การเชื่อมต่อกับแอปอาจมีหลุดบ้างหากสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่แรง
5. เครื่องดูดฝุ่น Imarflex VC-940
ปิดท้ายกันที่ยี่ห้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทุกคนคุ้นเคย สำหรับเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ผลิตจากพลาสติก ABS จึงทนความร้อนได้ดีมาก ใช้งานต่อเนื่องไม่มีปัญหากลิ่นไหม้ ปรับระดับความแรงการดูดได้ตามชอบ
พิเศษกับช่องระบายความร้อนด้านหลัง ถังเก็บฝุ่นจุได้ถึง 1.2 ลิตร สายไฟยาว 3 เมตร พร้อมที่เก็บแบบอัตโนมัติ ช่วยให้การใช้งานของคุณง่ายขึ้นกว่าเดิม
รุ่นนี้จัดว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบพื้นฐานที่ใช้งานได้หลากหลายไม่ว่าจะในบ้าน ออฟฟิศ หรือสถานที่ต่าง ๆ แข็งแรงทนทานมาพร้อมช่องระบายความร้อนช่วยให้การใช้งานยาวนานมากขึ้น ไม่ต้องห่วงว่าเครื่องจะร้อนหรือมอเตอร์ทำงานหนัก
แรงดันไฟฟ้า 220 โวลต์ | ||
กำลังไฟ 1,200 วัตต์ | ||
ขนาดเครื่อง 28.3 x 42.3 x 25.8 ซม. |
- พลาสติก ABS ทนความร้อนดีมาก
- มีช่องระบายความร้อนด้านหลัง
- ถังเก็บฝุ่นขนาดใหญ่ถึง 1.2 ลิตร
- มีระบบเก็บสายอัตโนมัติ
- ปรับความแรงการดูดได้ตามที่ใช้งานจริง
- สายไฟยาวเพียง 3 เมตร
- ดีไซน์ธรรมดามาก ไม่ค่อยโดดเด่น
- ตัวเครื่องขนาดใหญ่ มีน้ำหนักเยอะ
ประเภทเครื่องดูดฝุ่นที่วางขาย
1. ชนิดกล่อง
ประเภทแรกถือเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่พบเห็นได้ทั่วไป อุปกรณ์ใช้งานจะมี 3 ส่วนหลัก ๆ คือ กล่องเก็บฝุ่น, ด้ามจับ และหัวสำหรับดูดฝุ่น ด้วยขนาดที่ใหญ่บวกกับมีน้ำหนักมาก เวลาใช้งานจึงต้องเสียบปลั๊ก เหมาะกับการใช้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น ห้องโถง, ออฟฟิศกว้าง ๆ, บ้านขนาดใหญ่ เป็นต้น
2. ชนิดมือถือ
เครื่องดูดฝุ่นประเภทต่อมาจะต่างกับแบบแรกพอสมควรในด้านของรูปลักษณ์ ด้วยการย่อขนาดให้เล็ก กะทัดรัด ใช้งานง่าย ก่อนใช้งานต้องมีการชาร์จแบตเตอรี่เพื่อเพิ่มกำลังไฟ ถูกนำมาใช้กับพื้นที่ตามซอกมุมต่าง ๆ หรือห้องขนาดเล็ก เช่น ห้องนอน, ห้องเก็บของ เหมาะกับการมีติดบ้านเอาไว้เป็นอย่างยิ่ง
3. ประเภทไร้สาย
หรือเรียกอีกอย่างว่า เครื่องดูดฝุ่นประเภทมีด้ามจับ ด้ามจับตรงคล้ายไม้กวาด ต้องชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มพลังงาน จึงเหมือนกับเป็นการนำเอาชนิดกล่องกับชนิดมือถือมารวมกัน แม้กำลังดูดอาจไม่เท่ากับชนิดกล่องแต่สะดวก น้ำหนักเบา คล่องตัวในการใช้งานมากกว่า เหมาะกับมีไว้ในบ้าน หรือออฟฟิศขนาดเล็ก พื้นที่จำกัด
4. ประเภทหุ่นยนต์
บางคนอาจเรียกหุ่นยนต์ดูดฝุ่นก็ได้ เป็นเทคโนโลยีที่มีความล้ำสมัย เมื่อเปิดเครื่องดูดฝุ่น ทำการตั้งค่าตามรูปแบบที่รุ่นนั้นกำหนดก็ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาทำความสะอาดด้วยตนเอง
ตัวหุ่นยนต์จะมีล้อเลื่อนเคลื่อนที่ไปตามจุดต่าง ๆ เพื่อดูดสิ่งสกปรกเก็บเอาไว้ในตัว บางรุ่นยังดูดน้ำได้ หรือมีหัวปล่อยน้ำยาทำความสะอาด ถือเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่สุด ๆ
เครื่องดูดฝุ่น เลือกยังไงให้เหมาะกับการใช้งาน
1. ดูลักษณะและขนาดพื้นที่
จากประเภทของเครื่องดูดฝุ่นที่กล่าวไปจะเห็นว่าแต่ละแบบนั้นมีความเหมาะสมต่อการใช้งานต่างกัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อต้องดูลักษณะและขนาดพื้นที่เป็นหลัก เช่น ถ้าบ้านขนาดใหญ่ สิ่งของไม่เยอะ การใช้ประเภทกล่องถือว่าตอบโจทย์ แต่ถ้าเป็นคอนโด หอพัก ใช้แบบมือถือก็เพียงพอกับความต้องการแล้ว
2. สังเกตหัวเครื่องดูดฝุ่นให้เหมาะกับพื้นผิว
นอกจากการเลือกประเภทตัวเครื่องแล้ว อย่าลืมสังเกตหัวเครื่องให้เหมาะกับพื้นผิวที่จะใช้งานด้วย เช่น หากบ้านไหนเป็นพื้นกระเบื้อง พื้นไม้ ง่ายต่อการเกิดรอยขีดข่วน ควรเลือกหัวแบบแปรงที่มีความอ่อนนุ่ม ลดการเสียดสี แต่ถ้าหากบ้านมีพรมปูอยู่หลายจุด แนะนำให้เลือกหัวแบบล้อ จะช่วยจัดการความสกปรกที่ฝังแน่นได้อย่างหมดจด
สรุป ควรเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี 2024
จากที่รีวิวมาทั้งหมดเครื่องดูดฝุ่นที่น่าใช้งานขอยกให้กับ Deerma DX-900 ด้วยแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter จึงกรองฝุ่นได้ละเอียดถึง 99.97% ซึ่งถือว่ามีความสะอาดมาก บวกกับการออกแบบอันแสนทันสมัย ช่วยให้น่าใช้งาน
ตอบโจทย์ในทุกพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด ออฟฟิศ อีกทั้งยังทำความสะอาดบริเวณผ้าม่าน เพดานได้อย่างง่ายดาย เรียกว่าซื้อเครื่องเดียวตอบโจทย์พ่อบ้านแม่บ้านได้ครบวงจร แม้การทำงานอาจมีเสียงดังบ้างแต่ก็เป็นปกติของสินค้าประเภทนี้ ถือเป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ด้านความคุ้มค่าสำหรับทุกคน
สำหรับบ้านไหนที่ฝุ่นเยอะ อาจจะมองหาเครื่องกรองอากาศ มาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการกรองฝุ่นในบ้านเพิ่มเติม เพื่อสุขภาพของคนที่คุณรักในครอบครัว