เครื่องดูดไรฝุ่น ยี่ห้อไหนดี

ทุกคนโดยเฉพาะใครที่เป็นภูมแพ้อากาศเคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ไหมคะ วันดีคืนดีอยู่ๆอาการภูมิแพ้ก็กลับมาทั้งๆที่อากาศก็ไม่ได้แย่ จนบางทีก็พาให้สงสัยว่าเป็นเพราะฝุ่นที่อยู่ในบ้านหรือเปล่า แต่เราทำความสะอาดบ้านทุกซอกทุกมุมแล้วนี่นาแถมกว่าจะสะอาดเอี่ยมอ่อง จัดนู่นเลื่อนนี่จนเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลานานจนไม่เป็นอันทำธุระอย่างอื่นแล้ว เอาล่ะถ้ากำลังหรือว่าเคยมีประสบการณ์ตามที่กล่าวไปเราอาจจะกำลังเจอกับตัวไรฝุ่นเจ้าปัญหาอยู่ก็เป็นได้ค่ะ 

ตัวไรฝุ่นเนี่ยมีอันตรายต่อระบบการหายใจของมนุษย์มากเลยนะคะ พวกมันตัวเล็กมากเราไม่มีทางมองเห็นเลยและสามารถทำให้คนที่มีเป็นโรคหอบหืดกลับมามีอาการนี้ถึงขั้นที่ย่ำแย่กว่าเดิมได้ด้วย หรือใครที่เป็นภูมิแพ้ทางเดินหายใจเมื่อเจอกับไรฝุ่นเข้าไปนี่ลำบากเลยค่ะ แสบจมูก คัดจมูก น้ำมูกนี่ไหลไม่หยุดเลย อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ต้องขอขอบคุณเทคโนโลยีที่เรียกว่า “เครื่องดูดไรฝุ่น” ที่เป็นพระเอกในการจัดการกับตัวร้ายที่ชื่อไรฝุ่น ช่วยให้เราเลี่ยงหรือกำจัดเจ้าไรฝุ่นไม่ให้มากวนใจได้อย่างยอดเยี่ยมและทำให้การดำเนินชีวิตในแต่ละวันเป็นไปอย่างสะดวกสบาย

ว่าแต่เครื่องดูดไรฝุ่นในบ้านเรานี่ก็มีหลายยี่ห้อจนเราก็เลือกไม่ถูกว่าจะซื้อจากเจ้าไหนดี แต่ละเจ้าเด่นอะไรบ้าง แล้วเราต้องคำนึงจากอะไรถึงจะเลือกเครื่องดูดไรฝุ่นที่เหมาะกับความต้องการของเรา ไม่ต้องกังวลไปนะคะ วันนี้ชอบรีวิวจะมาแนะนำ 5 เครื่องดูดไรฝุ่น ยี่ห้อไหนดีที่ใช้แล้วติดใจ ห่างไกลจากไรฝุ่น ให้ทุกคนได้นำไปพิจารณาเอง

5 เครื่องดูดไรฝุ่น ยี่ห้อไหนดี ที่ใช้แล้วติดใจ ห่างไกลจากไรฝุ่น

IRIS OHYAMA รุ่น IC-FAC2
อันดับ 1
  • เครื่องดูดไรฝุ่นมีเซนเซอร์และไฟแสดงสถานะทำให้มั่นใจในประสิทธิภาพการทำความสะอาด
  •  มีฟังก์ชันปล่อยลมร้อนสามารถหยุดการเติบโตของไรฝุ่น
  •  แป้นตีฟูกกว้าง 20 ซม.
  •  แรงสั่นสะเทือน 6,000 ครั้งต่อนาที มีหัวดูดพลังไซโคลน
  •  ทำความสะอาดได้กับพื้นผิวที่หลากหลาย
  •  หัวดูดปรับได้สูงสุด 75 องศา
  •  ถ้วยเก็บฝุ่นและฟิลเตอร์สามารถถอดล้างทำความสะอาด
  •  น้ำหนักเบา กะทัดรัด จัดเก็บง่าย
  •  ราคาสมเหตุสมผล
Jimmy BX5 Vacuum Cleaner
อันดับ 2
  • มีโหมดการทำงาน 2 โหมดให้เลือกตามความต้องการ
  • พลังดูด 15,000 Pa ดูดได้ลึกถึง 35 ซม.
  • แรงกรีดสามารถกรีดได้มากถึง 62,000 ครั้งต่อนาที 
  • ดูดฝุ่นได้ทั้งบนที่นอน หรือบนโซฟา
  • ราคากลางๆ
Airbot CM900 Dust Mite Vacuum Cleaner UV Disinfection
อันดับ 3
  • มีรังสี UV-C พลังงานสูงสามารถกำจัดตัวไรฝุ่นได้สูงถึง 99.9% 
  • แรงดูดพลังไซโคลน 13,000 Pa
  • การสั่นสะเทือน 8,000 ครั้ง/นาที
  • น้ำหนักเบา
  • ตัวกรองและไส้กรองก็สามารถถอดออกจากกันเพื่อล้างทำความฃสะอาด
  •  ราคาเป็นมิตร

แนะนำ 5 เครื่องดูดไรฝุ่น ยี่ห้อไหนดี ที่ใช้แล้วติดใจ ห่างไกลจากไรฝุ่น

การทำความสะอาดบ้านนี่เป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการทำกิจกรรมต่างในชีวิตประจำวันเลยนะคะ และเพื่อให้เราสามารถทำความสะอาดบ้านได้ลำลึกและลดปัญหาที่มาจากตัวไรฝุ่นนั้น การมีเครื่องดูดไรฝุ่นคุณภาพดีสักเครื่องก็เป็นอะไรที่คุ้มค่ากับสุขภาพของเรามากๆเลยค่ะ ซึ่งเครื่องดูดไรฝุ่นาก 5 ยี้ห้อนี้จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

1. IRIS OHYAMA รุ่น IC-FAC2

IRIS OHYAMA รุ่น IC-FAC2

เรื่มที่ เครื่องดูดไรฝุ่น ยี่ห้อไหนดี เครื่องแรกจากยี่ห้อ IRIS OHYAMA รุ่น IC-FAC2 กันก่อนเลย ซึ่งเป็นยี่ห้อที่มีมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่นนะคะ รุ่นนี้เราชอบตรงที่เขามีเซนเซอร์ในการตรวจจับฝุ่นที่มีขนาดเล็กถึง 20 ไมครอนเมตรพร้อมไฟฉายสีที่เป็นตัวบอกว่าบริเวณที่เรากำลังทำความสะอาดอยู่เนี่ยมีฝุ่นมากน้อยขนาดไหน โดยที่ไฟสีแดงแสดงถึงบริเวณที่สกปรกมีฝุ่นเยอะ สีเหลืองหมายถึงบริเวณยังมีฝุ่นอยู่บ้างแต่ไม่ถึงขึ้นเยอะเกินไป ส่วนสีเขียวหมายถึงบริเวณนั้นสะอาดดีค่ะ

ซึ่งมันดีตรงที่ทำให้เรามั่นใจได้ว่าเมื่อใช้งานแล้วเครื่องดูดไรฝุ่นตัวนี้สามารถดูดเอาความสกปรกออกได้หมดจด และระหว่างที่เราใช้เครื่องนี้ดูดฝุ่นอยู่เครื่องจะปล่อยลมร้อนออกมาเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดใหม่ของไรฝุ่นอีกด้วย ในส่วนของตัวแป้นตีฟูกที่มีความกว้าง 20 ซม.นั้นสามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนด้วยความถี่ที่สูงถึง 6,000 ครั้งต่อนาทีพร้อมหัวดูดพลังไซโคลนซึ่งสามารทำให้ฝุ่น ไรฝุ่น ของเสียจากไรฝุ่น หรือแม้กระทั่งซากของมันลอยขึ้นแล้วโดนดูดเข้าเครื่องสู่ขิตไปเลย และหากพูดถึงความเหมาะสมในการใช้งานล่ะ รุ่น IC-FAC2 เหมาะกับการทำความสะอาดอะไรบ้าง คำตอบก็คือสามารถใช้ทำความสะอาดเตียงนอน โซฟา หมอนอิงโซฟา พรม และตุ๊กตาได้เลยค่ะ

ซึ่งดูรวมๆแล้วก็สามารถปรับได้กับพื้นผิวที่หลากหลายอย่างเห็นได้ชัดเลย นอกจากนี้น้ำหนักก็ถือว่าเบาแบบกำลังดีเลยค่ะ ขนาดก็กะทัดรัดจัดเก็บได้ง่าย หัวดูดฝุ่นก็สามารถปรับได้ถึง 75 องศาเพื่อให้สะดวกเวลาเราก้มๆเงยๆตอนทำความสะอาดนะ ที่สำคัญถ้วยเก็บฝุ่นและฟิลเตอร์ก็สามารดถอดออกมาล้างทำความสะอาดเพื่อเรียมสำหรับการใช้งานในครั้งต่อไปได้ด้วย เรียกได้ว่าค่อนข้างออกแบบมาดี สามารถทำให้ผู้ใช้มั่นใจกับคุณภาพหลังใช้งาน ราคาไม่ถูกเกินแต่ก็ถึงกับแรงจนดูเกินคุณภาพนะคะ ถือว่าค่อนข้างสมราคาค่ะ

จุดเด่น
  • เครื่องดูดไรฝุ่นมีเซนเซอร์และไฟแสดงสถานะทำให้มั่นใจในประสิทธิภาพการทำความสะอาด
  •  มีฟังก์ชันปล่อยลมร้อนสามารถหยุดการเติบโตของไรฝุ่น
  •  แป้นตีฟูกกว้าง 20 ซม.
  •  แรงสั่นสะเทือน 6,000 ครั้งต่อนาที มีหัวดูดพลังไซโคลน
  •  ทำความสะอาดได้กับพื้นผิวที่หลากหลาย
  •  หัวดูดปรับได้สูงสุด 75 องศา
  •  ถ้วยเก็บฝุ่นและฟิลเตอร์สามารถถอดล้างทำความสะอาด
  •  น้ำหนักเบา กะทัดรัด จัดเก็บง่าย
  •  ราคาสมเหตุสมผล

 

จุดควรพิจารณา
  • หากใช้ไปสักพักเครื่องอาจจะร้อน
  •  ตัวฟิลเตอร์บอบบาง อาจจะต้องซื้อมาเผื่อไว้ในการใช้ครั้งต่อไป

 

2. Jimmy BX5 Vacuum Cleaner

JIMMY BX5 Vacuum Cleaner

Jimmy BX5 Vacuum Cleaner  คือเครื่องดูดไรฝุ่นสัญชาติจีนยี่ห้อที่สองสำหรับบทความนี้ค่ะ ดีไซน์โดยรวมดูทันสมัยน่าใช้งาน ขนาดปากดูดของตัวเครื่องกว้าง 245 มม. ค่ะ มาพร้อมโหมดการทำงาน 2 โหมดด้วยกันคือโหมด strong และ โหมด soft ที่ออกแบบมาให้ง่ายต่อการเลือกทำความสะอาดพื้นผิวของผ้าที่แตกต่างกัน สำหรับพลังในการดูดทำความสะอาดนั้น Jimmy รุ่นนี้ค่อนข้างทำได้ดีมากเลยค่ะเพราะมีพลังดูดมากถึง 15,000 Pa และดูดได้ลึกถึง 35 ซม. เลย

นอกจากนี้แรงกรีดตอนเครื่องทำงานก็สามารถกรีดได้มากถึง 62,000 ครั้งต่อนาที แรงดีแบบนี้ถามว่าราคาล่ะแรงไหม คำตอบก็คือไม่แรงมากเท่าที่คิดเลยค่ะ แถมยังดูดฝุ่นได้ทั้งบนที่นอน หรือบนโซฟาก็ยังได้นะคะ คุ้มค่ามากๆ ส่วนเรื่องเสียงก็ขึ้นอยู่กับโหมดการทำงานที่เราเลือกนะคะโหมด Strong อาจจะดังไม่ถึงกับน่ารำคาญขนาดนั้นค่ะ อย่างไรก็ตามเรื่องของน้ำหนักนั้นอยู่ในระดับที่ไม่เบาเกินไปหรือหนักเกินไปค่ะ ยังอยู่ในขั้นที่ไม่กินแรงขณะใช้งานนะ

จุดเด่น
  • มีโหมดการทำงาน 2 โหมดให้เลือกตามความต้องการ
  • พลังดูด 15,000 Pa ดูดได้ลึกถึง 35 ซม.
  • แรงกรีดสามารถกรีดได้มากถึง 62,000 ครั้งต่อนาที 
  • ดูดฝุ่นได้ทั้งบนที่นอน หรือบนโซฟา
  • ราคากลางๆ
จุดควรพิจารณา
  • ไม่มีระบบปล่อยลมร้อนหรือรังสี UV 

3. Airbot CM900 Dust Mite Vacuum Cleaner UV Disinfection

Airbot CM900 Dust Mite Vacuum Cleaner UV Disinfection

มาถึงยี่ห้อที่สามกันแล้วซึ่งนั่นก็คือ Airbot CM900 Dust Mite Vacuum Cleaner UV Disinfection ถ้าลองสังเกตุจากชื่อรุ่นแล้วล่ะก็พอรู้ได้ว่าเครื่องดูดไรฝุ่นเครื่องนี้มีจุดเด่นในเรื่องของการนำเอารังสี UV-C พลังงานสูงเข้ามาประยุกต์ใช้ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดตัวไรฝุ่นได้สูงถึง 99.9% นอกจากนี้ทั้งแรงดูดพลังไซโคลนและการสั่นสะเทือนก็แรงพอที่จะทำให้ฝุ่นหรือตัวไรฝุ่นที่เกาะอยู่ตามผิวหน้าของพื้นที่ที่เราทำความสะอาดลอยขึ้นแล้วถูกดูดเข้าไปในเครื่องได้ในจำนวนมากเลยค่ะ

ในส่วนของน้ำหนักก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ถือว่าเบาพอดี ไม่หนักไป สะดวกต่อการที่เราขยับตัวระหว่างทำความสะอาดนะคะ ส่วนตัวกรองและไส้กรองก็สามารถถอดแยกออกจากกันเพื่อล้างทำความสะอาดก่อนจะนำไปใช้งานครั้งต่อไปได้เช่นเดียวกันกับเครื่องดูดไรฝุ่นยี่ห้อแรกนะคะ อย่างไรก็ตามเรื่องเสียงของตัวเครื่องอาจจะดังนิดหน่อยค่ะ ในส่วนของราคานั้นถือว่าอยู่ในช่วงราคานักศึกษานะคะ น้องๆคนไหนที่กำลังหาซื้อเครื่องดูดไรฝุ่นไว้ใช้ที่หอพัก ตัวนี้ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่โอเคเลยค่ะ

จุดเด่น
  • มีรังสี UV-C พลังงานสูงสามารถกำจัดตัวไรฝุ่นได้สูงถึง 99.9% 
  • แรงดูดพลังไซโคลน 13,000 Pa
  • การสั่นสะเทือน 8,000 ครั้ง/นาที
  • น้ำหนักเบา
  • ตัวกรองและไส้กรองก็สามารถถอดออกจากกันเพื่อล้างทำความฃสะอาด
  •  ราคาเป็นมิตร

 

จุดควรพิจารณา
  • ตัวเครื่องอาจจะเสียงดังไปหน่อย

4. Xiaomi Vacuum Cleaner เครื่องดูดฝุ่นในบ้าน พลังดูดสูง 12000Pa

Xiaomi Vacuum Cleaner เครื่องดูดฝุ่นในบ้าน พลังดูดสูง 12000Pa

ในส่วนของเครื่องดูดไรฝุ่นยี่ห้อรองสุดท้ายนี้ก็มาจากแบรนด์ Xiaomi เจ้าดังด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทั้งทันสมัยและหลากหลายไปตามการใช้งานในชีวิตประจำวันนะทุกคน ซึ่งรุ่นที่เรานำเอามาไว้ในบทความนี้คือรุ่นที่มีพลังดูดสูงสุด 12,000Pa ตัวนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง อันดับแรกเลยเครื่องดูดไรฝุ่นรุ่นนี้สามารถทำความสะอาดที่นอนให้แห้งและสะอาดด้วยการขับเคลื่อนแปรงลูกกลิ้งในความถี่สูงสุด 10,000ครั้งต่อนาทีพร้อมกับมีพื้นที่ในการสั่นที่ใหญ่ขึ้น

ในส่วนของขนแปรงนั้นผู้ใช้ไม่ต้องกังวลว่าจะสร้างความเสียหายให้กับพื้นผิวที่เครื่องสัมผัวหรือไม่เพราะแปรงนั้นทำออกมาให้อ่อนนุ่มจึงอ่อนโยนต่อผิวหน้าของพื้นที่นั้นๆและยังสามารถทำความสะอาดได้ลึกขึ้นและละเอียดขึ้นโดยไม่ทำลายเนื้อผ้าเลยค่ะ สำหรับตัวปากดูดก็มีขนาดกว้าง 20 ซม. ทำให้การทำความสะอาดเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว มีพลังลมร้อนมาช่วยในการทำความสะอาดนอกจากนี้การดีไซน์ภายนอกตัวเครื่องนั้นก็ออกแบบมาให้เหมาะกับการยุบตัวของพื้นผิว สามารถดันคำความสะอาดได้ง่ายขึ้นอีกด้วย สำหรับตัวกรองและไส้กรองก็สามารถล้างทำความสะอาดได้เช่นกันค่ะ เอาล่ามาดูกันอีกนิดในส่วนของราคาซึ่งค่อนข้างโอเคเลยค่ะยังไม่แตะเลข 2 นะ ถ้าเป็นน้องๆที่กำลังเรียนรู้ก็ยังถือว่าอยู่ในงบที่สามารถเก็บตังค์ไหวค่ะ

จุดเด่น
  • พลังดูดสูงสุด 12,000Pa
  •  การขับเคลื่อนแปรงลูกกลิ้งในความถี่สูงสุด 10,000ครั้งต่อนาที
  •  ขนแปรงอ่อนโยนต่อผิวหน้าของพื้นที่ที่ได้รับการทำความสะอาด
  •  ปากดูดขนาดกว้าง 20 ซม. ทำให้การทำความสะอาดเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
  •  ดีไซน์ภายนอกออกแบบมาให้เหมาะกับการยุบตัวของพื้นผิว
  •  ตัวกรองและไส้กรองก็สามารถล้างทำความสะอาดได้
  •  มีพลังลมร้อนช่วยฆ่าไรฝุ่น
  •  ราคาไม่แรง
จุดควรพิจารณา
  • เสียงดังนิดหน่อย

5. Deerma Dust Mite Vacuum Cleaner CM800

Deerma Dust Mite Vacuum Cleaner CM800

เครื่องดูดไรฝุ่นยี่ห้อสุดท้ายมาจากยี่ห้อ Deerma จากประเทศจีน มาในรุ่นที่ชื่อ CM800 ค่ะ ตัวนี้เป็นเครื่องดูดฝุ่นที่ถือว่าเป็นรุ่นที่โอเคสำหรับน้องๆที่กำลังเรียนอยู่เลยนะคะราคาไม่แรง แต่คุณภาพค่อนข้างดีมากค่ะเพราะมีระบบการฆ่าเชื่อโรคด้วยรังสี UV-C ที่มีประสิทธิภาพสูง มาพร้อมกับลมร้อน 50 องศาเซลเซียสที่ช่วยในเรื่องของการทำลายสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของไรฝุ่น

ในส่วนของแรงดูดและแรงสั่นสะเทือนก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีเช่นกันค่ะโดยแรงดูดของเครื่องดูดไรฝุ่นรุ่น CM800 นี้อยู่ที่ 13,000 Pa และสั่นสะเทือนสูง 8000 ครั้งต่อนาทีเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็สามารถถอดกล่องเก็บฝุ่นและตัวกรองออกมาล้างได้ง่ายๆเช่นเดียวกันกับรุ่นอื่นๆที่ได้กล่าวไปเลยค่ะ ส่วนเรื่องน้ำหนักก็พอๆกันกับเครื่องดูดไรฝุ่นตัวแรกในลิสต์ที่เราแนะนำเลย อย่างไรก็ตามเสียงอาจจะดังนิดหน่อยนะคะ แต่ถ้าพอรับได้และอยู่ในงบที่เรากำหนด ตัวนี้ถือว่าเกินคุ้มเลยค่ะ

ธรรมชาติของตัวไรฝุ่น

5 เครื่องดูดไรฝุ่น ยี่ห้อไหน น่าซื้อ

ตัวไรฝุ่นเนี่ยเป็นสิ่งมีชีวิตที่รบกวนการดำรงชีวิตของสัตว์ชนิดอื่นๆ ซึ่งรวมถึงมนุษย์ด้วย พวกมันตัวเล็กจิ๋วมากๆมักอาศัยอยู่บนผิวหนังของคนเรา สามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างอบอุ่นและชื้นนิดหน่อย สำหรับคนที่เป็นโรคหอบหืดหรือมีอาการภูมิแพ้ทางเดินหายใจไรฝุ่นเป็นศัตรูตัวฉกาจเลยล่ะ พวกมันเป็นปรสิตที่ทำให้วันที่ดีของคุณกลายเป็นวันที่แย่เพียงแค่คุณสูดเอาอากาศที่มีโปรตีนที่มาจากของเสียในร่างกายของไรฝุ่น เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ หรือซากไรฝุ่นที่ตายแล้วเข้าไปในจมูก 

แหล่งที่เราสามารถพบพวกมันได้นั้นไม่ใช่การที่พวกมันลอยในอากาศแต่อย่างใด ความจริงแล้วตามธรรมชาติเราสามารถพบไรฝุ่นได้ตามบ้านเรือนทั่วๆไป โดยเฉพาะบริเวณพื้นผิวที่มีฝุ่นหรือบนผ้า เช่นเตียงนอน เฟอร์นิเจอร์บุหนังหรือบุผ้า พรม หรือผ้าม่าน ซึ่งหากในบ้านมีความอับชื้นมากเท่าไหร่ก็มีโอกาสที่จะพบไรฝุ่นมากขั้นเท่านั้นเนื่องจากไรฝุ่นเป็นสัตว์ที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการซึมวับเอาความชื้นในอากาศแทนการดื่มน้ำนั่นเอง

อันตรายจากไรฝุ่นมีอะไรบ้าง

5 เครื่องดูดไรฝุ่น ยี่ห้อไหนดี

อ้างอิงจากบทความเกี่ยวกับตัวไรฝุ่นของทางโรงพยาบาลสมิติเวช ไรฝุ่นเป็นหนึ่งในหลายๆสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ในระบบหายใจของคนไทยมากถึง 80% เลยค่ะ ซึ่งผู้ป่วยในจำนวนนี้นั้นแสดงอาการของไข้ละอองฟาง (Hay Fever) 23-30% และอาการหอบหืด 10-15% นอกจากนี้ในกลุ่มเด็กๆที่เป็นโรคหอบหืดนั้นมากกว่า 80% มีการแสดงอาการหอบหืดโดยมีสาเหตุมาจากไรฝุ่น ขนของสัตว์หรือเชื้อราบางชนิดอีกด้วย

วิธีการเลือกเครื่องดูดไรฝุ่น

วิธีการเลือกเครื่องดูดไรฝุ่น

สำหรับวิธีการที่จะเลือกซื้อเครื่องดูดไรฝุ่นนอกจากการที่เรากำหนดงบในการใช้จ่ายแล้ว สิ่งที่ควรคำนึงอันดับแรกเลยคือ แรงดูดที่ทรงพลัง การที่เครื่องดูดไรฝุ่นมีพลังดูดมากจะช่วยให้ดูเอาสิ่งสกปรกที่นอกเหนือจากไรฝุ่นได้มากขึ้นจึงช่วยลดโอกาสในการเจอกับสิ่งที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้มากขึ้น ประการที่สอง เราควรดูเครื่องดูดไรฝุ่นที่มีแรงสั่นสะเทือนที่มีความถี่สูงเนื่องจากสิ่งนี้จะช่วยให้การทำความสะอาดเตียงนอนหรือพื้นผิวอื่นๆล้ำลึกมากขึ้น สะอาดมากขึ้นนั่นเอง ต่อมาก็คือพลังจากลมร้อนค่ะซึ่งส่วนสำคัญของข้อนี้ก็คือความร้อนสามารถลดจำนวนของตัวไรฝุ่นได้เป็นอย่างดี เพราะธรรมชาติของไรฝุ่นเขาชอบอยู่ในที่ที่มีความชื้น ดังนั้นถ้าจะไล่เขาออกไปก็ต้องใช้ความร้อนเป็นตัวช่วยยังไงล่ะ

ประการสุดท้ายก็คือการมีรังสี UV ซึ่งเมื่อรวมตัวกันกับความร้อนแล้วก็เป็นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและทำให้เรามั่นใจได้ว่าไรฝุ่นไม่สามารถมีชีวิตและอยู่เพื่อขยายเผ่าพันธุ์ของพวกมันได้อีกต่อไปค่ะ

บทสรุป เครื่องดูดไรฝุ่น ยี่ห้อไหนดี

กล่าวโดยสรุปเครื่องดูดไรฝุ่นที่เราเห็นว่าน่าใช้ ดูคุ้มค่าและการันตีว่าเราจะห่างไกลจากไรฝุ่นได้ก็คือเครื่องดูดไรฝุ่นจาก IRIS OHYAMA รุ่น IC-FAC2 นั่นเองเพราะมีเซนเซอร์ในการตรวจจับฝุ่นมาพร้อมไฟแสดงสถานะทำให้มั่นใจว่าพื้นที่ที่เราทำความสะอาดนั้นสะอาดแล้วจริงๆ มีการปล่อยลมร้อนออกมาเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดใหม่ของไรฝุ่น แรงสั่นสะเทือนสูงมาพร้อมหัวดูดพลังไซโคลน สามารถทำความสะอาดบนพื้นผิวชนิดต่างๆได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

น้ำหนักเบาแถมยังเอาใจชาวปวดหลังด้วยการที่ทำให้เครื่องสามารถปรับไปตามการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งานอีกด้วยค่ะ แต่ถ้านอกจากมีเครื่องดูดไรฝุ่นแล้วยังไม่พอ อยากให้ฝุ่นน้อยลงกว่านี้อีกนิดก็ลองมองหาเครื่องฟอกอากาศมาเป็นตัวช่วยเสริมพลังในการลดฝุ่นในอากาศได้อีกเช่นกันค่ะ  เอาล่ะ หวังว่าเราจะป้ายยาสำเร็จนะคะ บทความหน้าจะพูดถึงอะไรก็อย่าลืมติดตามกันด้วยน้า

Similar Posts