หากคุณกำลังมองหากล้องวงจรปิด ในปัจจุบันมีแบรนด์สินค้ามากมาย ให้คุณสามารถเลือกซื้อได้ ทั้งกล้องวงจรปิดประสิทธิภาพสูง ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในระบบนิรภัยอย่างจริงจัง และกล้องวงจรปิดในระบบสมาร์ทโฮม ที่เน้นใช้เพื่อดูแลเด็กหรือผู้สูงอายุภายในบ้าน และตรวจดูความปลอดภัยในเบื้องต้น เพราะฉะนั้นคำถามว่าควรซื้อ กล้องวงจรปิด ยี่ห้อไหนดี ในปี 2024 นี้ จึงเป็นสิ่งที่ผู้คนมักจะถามถึงกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราจึงอยากจะแนะนำตัวเลือกทั้งหมด 10 รุ่น ให้คนที่สนใจสามารถซื้อสินค้าที่เหมาะสมกับตัวเองได้ง่ายที่สุดในวันนี้
10 กล้องวงจรปิด ยี่ห้อไหนดี
- กล้องวงจรปิด IMILAB EC3 Pro
- กล้องวงจรปิด TP-Link Tapo C310
- กล้องวงจรปิด TP-Link Tapo C200
- กล้องวงจรปิด IMILAB Pro A1
- กล้องวงจรปิด TP-Link Tapo C210
- กล้องวงจรปิด Home Mall mini ptz
- กล้องวงจรปิด Xiaomi Smart Camera C200
- กล้องวงจรปิด Ezviz C6N
- กล้องวงจรปิด Home Mall ICAM365
- กล้องวงจรปิด ALLSEECAN YCC36YOOSE
- รองรับ SD Card ขนาดความจุ 256 GB
- มาตรฐานการกันน้ำ IP66
- ระยะการตรวจจับภาพกลางคืน 30 เมตร
- ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวภายในพื้นที่
- ความละเอียดวิดีโอสูงสุด 2K
- การตรวจจับภาพช่วงกลางคืนในระยะ 30 เมตร
- การรับประกันสินค้า 2 ปี
- รองรับการสื่อสารแบบ 2 ทาง
- การรับรองมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP66
- ความละเอียดการบันทึกวิดีโอ 2K
กล้องวงจรปิด ยี่ห้อไหนดี 2024
กล้องวงจรปิดจากแบรนด์ต่าง ๆ ในปี 2024 นี้ มีตัวเลือกที่น่าสนใจให้เราเลือกซื้อได้มากมาย ดังนั้น เราจึงจะคัดเลือกทั้งหมด 10 รุ่น ให้กับคุณดังต่อไปนี้
1. IMILAB EC3 Pro
แบรนด์และรุ่นสินค้า | IMILAB EC3 Pro |
ความละเอียดวิดีโอ | 2K |
ความละเอียดกล้อง | 3 ล้านพิกเซล |
มุมมองการบันทึกภาพ | 110 องศา |
การรองรับหน่วยความจำสูงสุด | 256 GB |
พื้นที่ติดตั้ง | ภายนอกอาคาร |
กล้องวงจรปิด ยี่ห้อไหนดี รุ่นแรกเป็นกล้องวงจรปิดความละเอียด 2K ที่สามารถบันทึกภาพได้ ด้วยการใช้งานกล้องถ่ายภาพความละเอียด 3 ล้านพิกเซล ภายใต้องศาของการบันทึกภาพ 110 องศา ที่คุณจะสามารถแพนเพื่อเพิ่มมุมให้กว้างได้ 270 องศาในแนวนอน สำหรับเพิ่มความครอบคลุมกับทุกพื้นที่ให้ได้มากยิ่งขึ้น โดยจุดเด่นของกล้องตัวนี้ก็ยังประกอบด้วยเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การตรวจจับภาพกลางคืนในระยะ 30 เมตร, การรับรองมาตรฐานการกันน้ำ IP66 และโหมดการตรวจจับความผิดปกติ ที่เกิดขึ้นภายในพื้นที่ของการเปิดทำงาน นอกจากยี้ตัวกล้องก็ยังสามารถสำรองข้อมูลวิดีโอไว้ได้อย่างยาวนาน ด้วยขนาดความจุมากถึง 256 GB อีกด้วย
- รองรับ SD Card ขนาดความจุ 256 GB
- มาตรฐานการกันน้ำ IP66
- ระยะการตรวจจับภาพกลางคืน 30 เมตร
- ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวภายในพื้นที่
- ความละเอียดวิดีโอสูงสุด 2K
- มุมมองการบันทึกภาพแนวตั้งเพียง 50 องศา
- การติดตั้งค่อนข้างวุ่นวาย
2. TP-Link Tapo C310
แบรนด์และรุ่นสินค้า | TP-Link Tapo C310 |
ความละเอียดวิดีโอ | 2K |
ความละเอียดกล้อง | 3 ล้านพิกเซล |
มุมมองการบันทึกภาพ | 104 องศา |
การรองรับหน่วยความจำสูงสุด | 128 GB |
พื้นที่ติดตั้ง | ภายนอกอาคาร |
TP-Link Tapo C310 เป็นกล้องวงจรปิดพร้อมความละเอียด 3 ล้านพิกเซล ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานนอกอาคารโดยเฉพาะ ทำให้คุณสมบัติหลักที่น่าสนใจของกล้องตัวนี้ จึงเป็นการทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้มากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นต่อสถานการณ์ที่มีแดดจัด หรือแม้แต่ช่วงที่มีความชื่นจากฝนมากเป็นพิเศษก็ตาม จากการรับรองมาตรฐานการกันน้ำ IP66 ในขณะที่ฟังก์ชันการใช้งานที่น่าสนใจอื่น ๆ ก็ยังมีตั้งแต่การตรวจจับการเคลื่อนไหวบริเวณหน้าตัวกล้อง, การรองรับการสื่อแบบ 2 ทาง ผ่านไมโครโฟนและกล้องที่ถูกติดตั้งมาให้ ที่สำคัญรุ่นนี้ก็ยังมีการเพิ่มความคุ้มค่าด้านการรับประกัน ภายในระยะเวลาตลอด 2 ปีหลังใช้งานด้วยเช่นกัน
- การตรวจจับภาพช่วงกลางคืนในระยะ 30 เมตร
- การรับประกันสินค้า 2 ปี
- รองรับการสื่อสารแบบ 2 ทาง
- การรับรองมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP66
- ความละเอียดการบันทึกวิดีโอ 2K
- รองรับ SD Card ได้สูงสุดเพียง 128 GB
- องศาในการบันทึกภาพเพียง 104 องศา
3. TP-Link Tapo C200
แบรนด์และรุ่นสินค้า | TP-Link Tapo C200 |
ความละเอียดวิดีโอ | Full HD |
ความละเอียดกล้อง | 3 ล้านพิกเซล |
มุมมองการบันทึกภาพ | – |
การรองรับหน่วยความจำสูงสุด | 128 GB |
พื้นที่ติดตั้ง | ภายในอาคาร |
สำหรับกล้องวงจรปิดตัวนี้เป็นสินค้าจากแบรนด์ Tapo ที่สามารถรองรับการบันทึกภาพได้ 360 องศา สำหรับการปรับหมุนเพื่อใช้งานในแนวนอน ผ่านทางแอปพลิเคชันบนเครื่องสมาร์ทโฟน และเลือกดูวิดีโอได้ที่ 114 องศา สำหรับการบันทึกภาพผ่านตัวกล้องในแนวตั้ง โดยส่วนที่น่าสนใจของกล้องตัวนี้ คือ การที่คุณสามารถควบคุมการทำงานได้ด้วยเสียง
ทั้งจากการใช้งานผู้ช่วยบนสมาร์ทโฟนอย่าง Google Assistant และ Amazon Alexa ทำให้สามารถอำนวยความสะดวกให้กับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงยังมีฟีเจอร์อีกมากมาย ที่ช่วยสนับสนุนการใช้งานพื้นฐานภายในบ้านได้เป็นอย่างดี อย่างการรองรับการสื่อสารแบบ 2 ทาง หรือโหมดตรวจจับการเคลื่อนไหว ให้คุณสามารถใช้งานได้ด้วยในเวลาเดียวกัน
- การรองรับการสื่อสารแบบ 2 ทาง
- การปรับหมุนกล้องแบบ 360 องศา
- การสื่อสารด้วยเสียงผ่านผู้ช่วยบนสมาร์ทโฟน
- การบันทึกภาพในแนวตั้งกว้างถึง 114 องศา
- การตรวจจับภาพระยะ 30 เมตรในเวลากลางคืน
- ความละเอียดกล้องต่ำกว่ารุ่นอื่น ๆ ที่มีราคาใกล้เคียงกัน
- รองรับ SD Card ได้สูงสุดเพียง 128 GB
4. IMILAB Pro A1
แบรนด์และรุ่นสินค้า | IMILAB Pro A1 |
ความละเอียดวิดีโอ | 2K |
ความละเอียดกล้อง | 3 ล้านพิกเซล |
มุมมองการบันทึกภาพ | 110 องศา |
การรองรับหน่วยความจำสูงสุด | 256 GB |
พื้นที่ติดตั้ง | ภายในอาคาร |
กล้องวงจรปิดตัวนี้ยังคงเป็นตัวเลือกอีกหนึ่งรุ่น ที่จะทำให้คุณสามารถพักอาศัยภายในบ้านได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยการบันทึกภาพในความละเอียดสูงสุด 2K และใช้งานกล้องที่มีความละเอียดถึง 3 ล้านพิกเซล รวมไปถึงยังช่วยให้การสื่อสาร 2 ทางกับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ สามารถทได้ด้วยการใช้งานไมโครโฟนของตัวกล้องโดยตรง
สำหรับจุดเด่นของกล้องตัวนี้ ก็คือการที่สามารถติดตั้งได้ทั้งบนเพดาน และจัดวางเพื่อใช้งานบนโต๊ะตามความเหมาะสม อีกทั้งยังมีระบบสำหรับการล็อกเพื่อป้องกันการเซฟไฟล์ทับ ที่ทำคุณบันทึกภาพลงบน SD Card แบบ Class 10 ความจุดสูงสุดได้ที่ 256 GB ในกรณีที่คุณต้องการเก็บภาพของวิดีโอไว้เพื่อดูย้อนหลัง ที่สำคัญยังมีฟังก์ชันที่ช่วยให้สามารถใช้ เพื่อดูแลเด็กเล็กภายในบ้านได้ดี อย่างการตรวจจับเสียงร้องที่อยู่ภายในพื้นที่ด้วยนั่นเอง
- ฟังก์ชันการตรวจจับเสียงร้องสำหรับดูแลเด็ก
- การรองรับ SD Card แบบ Class 10 ขนาดความจุ 256 GB
- ความละเอียดวิดีโอ 2K
- ระบบป้องกันการเซฟไฟล์ทับของเดิม
- การรับประกัน 2 ปี
- ค่ารูรับแสดงกว้างถึง F/2.1
- ต้องใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ Format Fat32 เท่านั้น
5. TP-Link Tapo C210
แบรนด์และรุ่นสินค้า | TP-Link Tapo C210 |
ความละเอียดวิดีโอ | 2K |
ความละเอียดกล้อง | 3 ล้านพิกเซล |
มุมมองการบันทึกภาพ | – |
การรองรับหน่วยความจำสูงสุด | 256 GB |
พื้นที่ติดตั้ง | ภายในอาคาร |
กล้องวงจรปิด ยี่ห้อไหนดี ลำดับต่อมา TP-Link Tapo C200 เป็นกล้องวงจรปิดแบบใช้งานภายในอาคาร ที่สามารถตอบโจทย์การบันทึกภาพได้อย่างคมชัด ด้วยความละเอียดสูงสุดถึง 2K ด้วยการใช้งานกล้องความละเอียด 3 ล้านพิกเซล และองศาในการบันทึกภาพที่มากกว่า 114 องศา ส่งผลให้คุณจะสามารถใช้งานได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับภาพในช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน
โดยจุดเด่นที่น่าสนของกล้องตัวนี้ คือ การปรับองศาในการถ่ายภาพที่ทำได้มากถึง 360 องศา ช่วยให้การบันทึกภาพโดยรอบของพื้นที่ จะสามารถทำได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญถึงแม้จะบันทึกภาพได้ด้วยความละเอียดสูง แต่จากการรองรับ SD Card ที่มีขนาดความจุได้ถึง 256 GB จึงทำให้การบันทึกวิดีโอต่อเนื่อง ไม่ใช่ปัญหาของรุ่นนี้เลยแม้แต่น้อย
- การบันทึกภาพความละเอียด 2K
- การปรับหมุนมุมกล้อง 360 องศา
- การรองรับ SD Card สูงสุด 256 GB
- การรับประกัน 2 ปี
- สามารถเลือกจัดวางหรือติดตั้งกับพื้นที่ต่าง ๆ ได้
- การจัดวางเพื่อใช้งานบนโต๊ะ อาจมีขอบเขตการมองที่จำกัด
- ไม่รองรับมาตรฐานการกันน้ำ
6. Home Mall mini ptz
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Home Mall mini ptz |
ความละเอียดวิดีโอ | Full HD |
ความละเอียดกล้อง | 5 ล้านพิกเซล |
มุมมองการบันทึกภาพ | 70 องศา |
การรองรับหน่วยความจำสูงสุด | 128 GB |
พื้นที่ติดตั้ง | ภายนอกอาคาร |
Home Mmall mini ptz เป็นกล้องวงจรปิดสำหรับการใช้งานนอกอาคาร ที่ถูกออกแบบมาพร้อมมาตรฐานการกันน้ำ ซึ่งทำให้ตัวกล้องสามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี และถึงแม้จะมีการบันทึกวิดีโอความละเอียดเพียง Full HD แต่ด้วยการใช้งานกล้องถ่ายภาพความละเอียด 5 ล้านพิกเซล จึงช่วยให้คุณสามารถบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิดออกมาได้ ด้วยระดับความชัดที่มากยิ่งขึ้น
โดยกล้องตัวนี้ยังคงเป็นอีกหนึ่งตัว ที่สามารถบันทึกภาพได้แบบรอบด้าน ด้วยมุมมองการบันทึกภาพที่สูงถึง 355 องศา อีกทั้งยังมีการใช้งานเทคโนโลยี AI สำหรับการปรับเปลี่ยนคุณภาพของวิดีโอ เพื่อให้คุณสามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
- สามารถกันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- รองรับการสื่อสาร 2 ทาง
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-fi ทั้งเครือข่าย 2.4 และ 5 Ghz
- ความละเอียดกล้องถ่ายภาพ 5 ล้านพิกเซล
- การควบคุมภาพให้คมชัดด้วยเทคโนโลยี AI
- มุมมองการบันทึกภาพแนวนอนเพียง 70 องศา
- การติดตั้งที่ค่อนข้างวุ่นวาย
7. Xiaomi Smart Camera C200
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Xiaomi Smart Camera C200 |
ความละเอียดวิดีโอ | Full HD |
ความละเอียดกล้อง | – |
มุมมองการบันทึกภาพ | – |
การรองรับหน่วยความจำสูงสุด | 256 GB |
พื้นที่ติดตั้ง | ภายในอาคาร |
Xiaomi Smart Camera C200 เป็นคำตอบที่น่าสนใจอย่างมาก หากสิ่งที่คุณมองหาคือคำตอบของกล้องวงจรปิด ยี่ห้อไหนดีที่คุณสามารถเลือกซื้อได้จาก Xiaomi ซึ่งเป็นแบรนด์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีชื่อเสียงอย่างมากทั้งในประเทศไทยและระดับโลก โดยจุดเด่นที่น่าสนใจของกล้องตัวนี้ จะเป็นการที่คุณสามารถปรับมุมมองการบันทึกวิดีโอได้ 360 องศา จากการใช้งานแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ที่คุณจะใช้งานร่วมกันในการควบคุมอุปกรณ์ตัวอื่น ๆ ได้
และการที่ถึงแม้ตัวกล้องจะถูกออกแบบมาภายในอาคาร แต่ก็สามารถทนทานต่อภาพแวดล้อมได้ตั้งแต่อุณหภูมิ -10 ไปจนถึง 40 องศาเซลเซียส ยิ่งไปกว่านั้นตัวกล้องยังมีโหมดการใช้งานพื้นฐานที่น่าสนใจอื่น ๆ อย่างการตรวจภาพช่วงเวลากลางคืนด้วยอินฟราเรด, ระบบการสื่อสาร 2 ทาง และการแจ้งเตือนการเคลื่อนไหวของมนุษย์ ถูกติดตั้งมาให้ด้วยเช่นกัน
- การทนทานต่ออุณหภูมิได้ดีแม้เป็นกล้องสำหรับการใช้งานในอาคาร
- การปรับหมุนกล้อง 360 องศา
- ขนาดกะทัดรัดจัดวางได้ประหยัดพื้นที่กว่ากล้องตัวอื่น ๆ
- รองรับ SD Card ได้สูงสุด 256 GB
- การทำงานร่วมกันกับอุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านระบบ Google Home
- ความละเอียดการบันทึกวิดีโอเพียง Full HD
- ระยะเวลาการรับประกันเพียง 1 ปีต่ำกว่าสินค้าโดยส่วนใหญ่
8. Ezviz C6N
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Ezviz C6N |
ความละเอียดวิดีโอ | Full HD |
ความละเอียดกล้อง | 2 ล้านพิกเซล |
มุมมองการบันทึกภาพ | 95 องศา |
การรองรับหน่วยความจำสูงสุด | 256 GB |
พื้นที่ติดตั้ง | ภายในอาคาร |
สำหรับกล้องบันทึกวิดีโอวงจรปิดตัวนี้ ถูกออกแบบมาพร้อมกล้อง 2 ล้านพิกเซล ที่รองรับการบันทึกวิดีโอได้ด้วยความละเอียด Full HD โดยจะสามารถบันทึกภาพได้ด้วยมุมมอง 95 องศาในแนวนอน และ 100 องศาในแนวตั้ง ซึ่งจะทำการปรับเพิ่มขึ้นได้เป็น 350 องศา เพื่อให้คุณสามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น สำหรับระบบการทำงานของกล้องตัวนี้ จะประกอบด้วย
การตรวจจับภาพที่ทำได้ดีทั้งในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน, การรองรับการสื่อสาร 2 ทาง ด้วยไมโครโฟนและลำโพงที่ถูกติดตั้งมาให้ และการติดตามการเคลื่อนไหวแบบอัจฉริยะ ในกรณีที่คุณต้องการตรวจจับภายในพื้นที่มากเป็นพิเศษ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานด้านความปลอดภัย หรือการดูแลผู้คนที่พักอาศัยภายในบ้าน รุ่นนี้ก็ถือว่าทำได้ดีในทุกรูปแบบแน่นอน
- ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวในพื้นที่
- การถ่ายภาพกลางคืนด้วย IR อัจฉริยะ
- ไมโครโฟนและลำโพงสำหรับการสื่อสาร 2 ทาง
- องศาในการจับภาพแนวตั้งค่อนข้างกว้าง
- รองรับ SD Card ได้สูงสุด 256 GB
- ค่ารูรับแสงกว้างถึง F/2.2
- ระยะการตรวจจับภาพกลางคืนเพียง 10 เมตร
9. Home Mall ICAM365
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Home Mall ICAM365 |
ความละเอียดวิดีโอ | Full HD |
ความละเอียดกล้อง | 4 ล้านพิกเซล |
มุมมองการบันทึกภาพ | – |
การรองรับหน่วยความจำสูงสุด | 128 GB |
พื้นที่ติดตั้ง | ภายในอาคาร |
Home Mall ICAM365 เป็นกล้องวงจรปิดที่แตกต่างจากรุ่นทั้งหมดของเราในวันนี้อย่างสิ้นเชิง ด้วยการเป็นกล้องวงจรปิดแบบหลอดไฟ ที่คุณจะสามารถติดตั้งได้ง่าย ด้วยการเสียบเชื่อมต่อเข้ากับขั้วของหลอดไฟในบ้าน ซึ่งการติดตั้งกล้องวงจรปิดในลักษณะนี้ จะทำให้คุณสามารถตรวจดูภาพโดยรอบได้ดีมากยิ่งขึ้น เนื่องจากคุณสามารถติดตั้งกล้องไว้ที่บริเวณกลางของห้อง
จึงทำให้การปรับหมุนสามารถถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด สำหรับการบันทึกภาพของกล้องตัวนี้ จะใช้งานกล้องหลักความละเอียด 4 ล้านพิกเซล แบบเซ็นเซอร์ภาพถ่าย CMOS ที่ทำให้เห็นสิ่งต่าง ๆ ในพื้นที่ได้ด้วยความละเอียด Full HD ภายใต้มุมมองสูงสุด 355 องศา ที่สำคัญถึงแม้จะมีการติดตั้งพร้อมกับขั้นหลอดไฟ แต่ก็ยังคงมีไมโครโฟนและลำโพง สำหรับการใช้เพื่อสื่อสาร 2 ทางถูกติดตั้งมาให้ด้วยในเวลาเดียวกัน
- ฟังก์ชันการมองภาพจากสถานที่มือได้แบบภาพสี
- กล้องถ่ายภาพความละเอียด 4 ล้านพิกเซล
- การติดตั้งที่ง่ายดายกับขั้วหลอดไฟ
- มีไมค์และลำโพงสำหรับการสื่อสาร 2 ทาง
- การปรับหมุนกล้องแนวนอนในมุมมองสูงสุด 355 อองศา
- จำเป็นจะต้องเสียขั้นสำหรับการใส่หลอดไฟ 1 ดวง
- รองรับ SD Card ได้สูงสุดเพียง 128 GB
10. ALLSEECAN YCC36YOOSE
แบรนด์และรุ่นสินค้า | ALLSEECAN YCC36YOOSE |
ความละเอียดวิดีโอ | Full HD |
ความละเอียดกล้อง | 3 ล้านพิกเซล |
มุมมองการบันทึกภาพ | – |
การรองรับหน่วยความจำสูงสุด | 256 GB |
พื้นที่ติดตั้ง | ภายในอาคาร |
กล้องวงจรปิด ยี่ห้อไหนดี รุ่นสุดท้ายเป็นอีกหนึ่งกล้องแบบปรับมุมมอง 360 องศา ที่จะทำให้คุณสามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจน สำหรับการใช้งานด้านความปลอดภัยกับหลากหลายสถานการณ์ รวมไปถึงจากการบันทึกภาพในแนวตั้ง ที่สามารถทำได้มากถึง 110 องศา ก็ถือเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญ ที่ช่วยสนับสนุนการใช้งานในด้านนี้ได้ดีด้วยเช่นกัน โดยนอกจากการบันทึกภาพ ในมุมมองที่กว้างมากเป็นพิเศษแล้ว ตัวกล้องก็ยังมีความน่าสนใจในส่วนอีกมากมาย
ไม่ว่า่จะเป็นการรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่สามารถทำได้ทั้งเครือข่าย 2.4 และ 5 Ghz ซึ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายและเสถียรภาพ ให้กับการเชื่อมต่อเพื่อใช้งานตัวกล้องได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ด้วยการรองรับต่อสภาพอุณหภูมิ ที่ทำได้ตั้งแต่ -25 ไปจนถึง 85 องศา ก็ช่วยให้ตัวกล้องมีความทนทานสูง และใช้งานบริเวณนอกบ้านได้ดีขึ้นมาอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
- การทนทานต่อสภาพแวดล้อมมากเป็นพิเศษ
- ใช้งานได้กับเครือข่าย Wi-Fi 2.4 และ 5 Ghz
- รองรับ SD Card 256 GB
- ระบบการซูมดิจิทัลแบบ 4 เท่า
- เสาสัญญาณสำหรับเพิ่มคุณภาพให้กับการรับสัญญาณได้มากยิ่งขึ้น
- ตัวฐานและเสาอากาศค่อนข้างมีขนาดใหญ่
- ค่ารูรับแสงค่อนข้างกว้าง
วิธีเลือกซื้อกล้องวงจรปิด
1. เลือกจากประเภทของกล้องวงจรปิด
การแบ่งแยกกล้องวงจรปิดในปัจจุบัน จะสามารถทำได้ทั้งหมด 2 ลักษณะ ตามลักษณะของพื้นที่ที่ใช้งานได้ ซึ่งก็คือกล้องวงจรปิดแบบใช้งานในอาคารและนอกอาคาร ที่จะมีจุดเด่นแตกต่างกันออกไปในด้านต่าง ๆ แม้ว่าจะมีคุณสมบัติโดยพื้นฐาน ที่สามารถใช้งานได้ใกล้เคียงกันก็ตาม
ซึ่งก่อนที่จะเลือกใช้งานกล้องวงจรปิดตามประเภท คุณจะต้องทำความเข้าใจเสียก่อน ว่าแต่ละรูปแบบนั้นเหมาะกับการใช้งานลักษณะใด จากนั้นจึงลดจำนวนตัวเลือก เพื่อให้เลือกซื้อได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น จากนั้นจึงเปรียบเทียบตามหัวข้ออื่น ๆ ที่เราจะแนะนำให้กับคุณต่อไป โดยเน้นไปที่เรื่องของประสิทธิภาพการใช้งาน และฟังก์ชันการใช้งานอื่น ๆ ที่รองรับการใช้งานได้อย่างดีที่สุดก็เพียงพอแล้ว
2. เลือกจากรูปแบบการติดตั้งของกล้องวงจรปิด
กล้องวงจรปิดจะมีรูปแบบการติดตั้งที่หลากหลายอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากแบรนด์ต่าง ๆ ได้มีการออกแบบและพัฒนาสินค้าของตนเอง เพื่อให้ใช้งานได้อย่างเข้ากันกับลักษณะการใช้งานของผู้คนในยุคนี้มากยิ่งขึ้น ซึ่งหากต้องการแบ่งแยกตามการติดตั้ง เราจะสามารถทำได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ คือ
- กล้องแบบติดตั้งกับผนังและเพดาน ที่ส่วนใหญ่จะเป็นกล้องแบบใช้ภายนอกอาคาร และมีความแข็งแรงทนทานสูง โดยจะมีลักษณะการติดตั้งที่ค่อนข้างวุ่นว่ายมากที่สุด ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานอย่างต่อเนื่อง
- กล้องแบบจัดวางบนโต๊ะที่เป็นรูปแบบ ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากคุณสามารถซื้อและจัดวางในมุมต่าง ๆ เพื่อใช้งานได้เลยทันที เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปภายในบ้าน เพื่อตรวจดูผู้คนภายในครอบครัวหรือสัตว์เลี้ยง
- กล้องแบบหลอดไฟที่จะใช้การติดตั้งกับขั้วของหลอดไฟเกลียวโดยตรง ทำให้สามารถติดตั้งได้ง่าย และมีองศาในการบันทึกภาพที่ครอบคลุมมากกว่ากล้องประเภทอื่น ๆ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยจำนวนช่องเสียบหลอดไฟ ที่จะลดลงมาภายในบ้านของคุณด้วยนั่นเอง
3. เลือกจากสเปกต่าง ๆ ของกล้อง
สิ่งที่จะต้องเปรียบเทียบอย่างแน่นอนในการเลือกซื้อกล้องวงจรปิด คือ สเปกโดยรวมในทุกส่วน ที่โดยทั่วไปแล้วกล้องทุกประเภท จะต้องถูกเปรียบเทียบรายละเอียดที่เหมือนกันเป็นหลัก หากกล่าวถึงด้านของการบันทึกภาพและรับเสียง ประกอบด้วย ความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ ที่ใช้ในการตรวจจับภาพและประมวลผลเป็นวิดีโอ, ความละเอียดวิดีโอสูงสุดที่ช่วยสนับสนุนภาพที่ถูกถ่ายออกมา
ให้สามารถแสดงการเคลื่อนไหวได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น, องศาการบันทึกภาพที่ยิ่งมีความกว้างมากกว่าไหร่ ก็จะทำให้ความปลอดภัยในการใช้งานสูงมากยิ่งขึ้น, การปรับองศาการใช้งานที่จะช่วยให้คุณเห็นภาพจากมุมต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้งานกล้องวงจรปิดเพียงตัวเดียว และการรองรับ SD Card ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ถึงการสำรองข้อมูลวิดีโอจากตัวกล้อง ในกรณีที่ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้
ประเภทของกล้องวงจรปิด
1. กล้องวงจรปิดภายในอาคาร
กล้องวงจรปิดแบบใช้งานภายในอาคาร ปัจจุบันเราจะสามารถพพบเห็นได้ในลักษณะของกล้องแบบสมาร์ทโฮม ที่เน้นจุดเด่นสำคัญไปในด้านของฟังก์ชันต่าง ๆ ที่เน้นการใช้เพื่อดูแลคนที่อยู่ภายในบ้าน หรือพื้นที่สำหรับการพักอาศัย ยกตัวอย่างเช่น การรองรับการสื่อสารแบบ 2 ทาง, ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว หรือระบบในการตรวจจับเสียงร้อง ที่ทั้งหมดนั้นล้วนถูกออกแบบมา
ให้คุณสามารถใช้เพื่อดูแลเด็ก, ผู้สูงอายุ หรือสัตว์เลี้ยงภายในพื้นที่ได้ดีด้วยกันทั้งสิ้น ในขณะที่รายละเอียดพื้นฐานอื่น ๆ ก็จะเน้นไปที่การบันทึกภาพความละเอียดสูง และการใช้งานไมโครโฟนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนการใช้งานของฟังก์ชันต่าง ๆ เหล่านั้น แต่ก็ยังมีกล้องบางประเภท ที่ถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงมากเป็นพิเศษ อย่างการใช้งานภายในอาคารสำนักงาน ถูกออกแบบมาให้เราเลือกซื้อได้ ดังนั้น สำหรับประสิทธิภาพการทำงาน เราจึงสามารถเลือกซื้อได้ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่นั่นเอง
2. กล้องวงจรปิดภายนอกอาคาร
กล้องวงจรปิดแบบใช้งานภายนอกอาคาร จะถูกออกแบบมาให้มีความแข็งแรงทนทานสูง และสามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากการใช้งานกล้องภายนอกอาคารนั้น จะทำให้อุปกรณ์มีโอกาสัมผัสกับความร้อนและความชื้น จากสถานการณ์ต่าง ๆ ได้มากเป็นพิเศษ ดังนั้น ทุกรุ่นจึงจะต้องผ่านการรับรองมาตรฐานการกันน้ำ เพื่อเพิ่มความสามารถในการใช้งานระยะยาวให้ดีได้มากที่สุด ส่วนฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ นั้น จะเน้นไปที่การตรวจจับยังนอกสถานที่ อย่างการบันทึกภาพที่ชัดเจนในช่วงเวลากลางคืน หรือฟังก์ชันในการตรวจจับความเคลื่อน ที่จะต้องแยกแยะสัตว์และบุคคลให้ดีมากกว่ากล้องแบบใช้งานภายในอาคาร
ที่สำคัญกล้องวงจรปิดประเภทนี้ ยังมักจะถูกออกแบบมาให้รองรับการ์ดหน่วยความจำได้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากจะต้องสำรองข้อมูลให้มากที่สุด ในสถานการณ์ที่มีความจำเป็นด้วยในเวลาเดียวกัน
ข้อดีของการติดกล้องวงจรปิด
1. ป้องกันปัญหาอาชญากรรมทุกชนิด
ปัญหาอาชญากรรมยังคงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ เช่น การลักขโมย, การข่มขู่, ชิงทรัพย์, ข่มขืน ฯลฯ ถ้าหากมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้แล้วบรรดาคนร้ายมาเห็นเข้าจากที่กำลังคิดทำก็อาจต้องเปลี่ยนใจเพราะหลักฐานต่าง ๆ จะมีความชัดเจนมาก
2. เป็นหลักฐานชั้นดีในทุกเรื่อง
ไม่ใช่แค่การโดนคนนอกเข้ามาทำสิ่งไม่ดีเท่านั้น แต่บรรดาโรงงาน ออฟฟิศหรือสถานที่ต่าง ๆ ยังใช้เพื่อเอาไว้เป็นหลักฐานในกรณีมีความผิดหรือมีเรื่องราวเกิดขึ้นด้วย เช่น มีการขโมยของ, ทำร้ายร่างกาย, เหตุการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ
3. ไว้สอดส่องดูแล
บางบ้านมีเด็กและคนสูงอายุที่ต้องอาศัยอยู่ตามลำพัง การติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้จะช่วยสอดส่องดูแลความเป็นไป สถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นว่าปกติดีหรือไม่ หากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นอย่างน้อยจะได้โทรเรียกคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงให้รีบเข้าไปช่วยเหลือ
4. เพิ่มความสบายใจให้กับคนที่ต้องใช้พื้นที่นั้น ๆ
ตัวอย่างเช่น ธนาคาร, สถาบันการเงิน, ร้านสะดวกซื้อ ฯลฯ การมีกล้องวงจรปิดจะช่วยให้ผู้ใช้บริการรวมถึงตัวพนักงานเองเกิดความมั่นใจที่อย่างน้อยหากมีเรื่องไม่ดีก็ยังเอาหลักฐานดังกล่าวไปใช้งานต่อได้ รวมถึงบรรดาผู้ไม่ประสงค์ดีเมื่อเห็นกล้องติดไว้ทั่วทุกบริเวณก็จะเปลี่ยนความคิดตนเองไปในทันที
5. ลดความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ
บ่อยครั้งที่กล้องวงจรปิดสามารถลดความเสี่ยงต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที เช่น ติดตั้งเอาไว้ในคลังสินค้า เมื่อเห็นว่ามีประกายไฟก็รีบเข้าไปดับจะช่วยให้เกิดความปลอดภัย ข้าวของต่าง ๆ เสียหายน้อย ลดความเสี่ยงต่อบุคคลในพื้นที่ดังกล่าวได้อีกด้วย
ประเภทของกล้องวงจรปิด
1. กล้องแบบมาตรฐาน
เป็นกล้องรุ่นทั่ว ๆ ไปที่พบเห็นได้บ่อย ราคาหลากหลายขึ้นอยู่กับสเปคต่าง ๆ ติดตั้งง่าย ไม่ต้องดูแลรักษามากนัก จึงมักถูกนำไปใช้งานตามสถานที่ทั่วไปแพร่หลายทั้งภายในและภายนอกอาคาร หาซื้อง่าย เลือกแบบที่ชอบกันได้เลย
2. กล้องแบบโดม
จุดเด่นคือรูปทรงที่ดูกะทัดรัด สวยงาม นิยมติดตั้งภายในอาคารตามเพดานหรือมุมห้อง เพราะดีไซน์ของกล้องไม่กันน้ำมากนัก อีกทั้งยังดูกลมกลืนไปกับพื้นที่ได้ดี มีขนาดพอเหมาะ ไม่ดูสะดุดตามากจนเกินไป
3. กล้องแบบอินฟาเรด
เป็นประเภทกล้องวงจรปิดที่มีความล้ำหน้าด้วยการเพิ่มหลอด LED แบบอินฟาเรดสำหรับใช้งานช่วงเวลากลางคืนให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นิยมใช้ในห้องเก็บของหรือพื้นที่เสี่ยงต่อการโดนขโมย
4. กล้องแบบ bullet
เป็นกล้องที่นิยมนำไปติดไว้ด้านนอกตัวอาคารเนื่องจากไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องแสงจึงช่วยให้มองเห็นภาพได้ชัดเจนทั้งกลางวันกลางคืน อีกทั้งมีความแข็งแรง ทนแดดทนฝน ไม่ค่อยมีปัญหาภายนอกเสียหายเท่าไหร่นัก
5. กล้องแบบซูม หมุนกล้องได้
ถือเป็นรุ่นที่มีราคาสูง เพราะช่วยซูมเข้าไประหว่างที่กำลังบันทึกภาพ หรือต้องการใช้ภาพเหล่านั้นเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล อีกทั้งยังมักมีระบบการหมุนกล้องซ้าย-ขวา ซึ่งอาจควบคุมระยะไกลด้วยคอมพิวเตอร์ รีโมท สัญญาณอินเตอร์เน็ต เหมาะกับการใช้งานในทุกสถานที่เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
6. กล้องแบบแอบซ่อน
รูปแบบของกล้องมักมีขนาดเล็กถึงจิ๋ว ต้องการแอบติดตั้งเอาไว้เฉพาะเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ หรืออาจมีการปรับแต่งดีไซน์ภายนอกให้เหมือนกับเครื่องใช้บางชนิด เช่น มีการติดตั้งเอาไว้หลังกระจก, หลอดไฟ, กระถางต้นไม้ ฯลฯ สามารถติดตั้งได้ทุกสถานที่หากต้องการบันทึกภาพ
บทสรุป กล้องวงจรปิด ยี่ห้อไหนดี
กล้องวงจรปิดในปัจจุบันสามารถแบ่งแยกประเภทตามการใช้งานได้มากมาย แต่หากกล่าวถึงรุ่นที่ดีที่สุดของคำถาม ว่าควรซื้อกล้องวงจรปิด ยี่ห้อไหนดีที่จะคุ้มค่าที่สุดในปี 2024 นี้ IMILAB EC3 Pro คือ คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับบทความของเรา ด้วยสเปกระดับโปรที่โดดเด่น ทั้งการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง ไปจนถึงการปรับองศาการบันทึกภาพที่กว้าง ที่สำคัญยังมีฟังก์ชันที่น่าสนใจ และอำนวยความสะดวกได้หลากหลายกับสถานการณ์ต่าง ๆ อีกด้วย แต่หากคุณคิดว่าตัวเลือกเหล่านี้ ยังไม่ถูกใจคุณมากเท่าไหร่นัก ก็สามารถเลือกดูเพิ่มเติมจากบทความกล้องวงจรปิดไร้สาย ที่เราเคยแนะนำไปก่อนหน้านี้ได้ด้วยเช่นกัน