เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi ถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ายอดนิยมที่จำเป็นต้องมีติดไว้ในครัวเรือนอย่างมาก เพราะยุคปัจจุบันมีมลพิษฝุ่น PM2.5 และเชื้อโรคแบคทีเรียต่างๆ ซึ่งเครื่องฟอกอากาศจะช่วยกรองอากาศให้คุณบริสุทธิ์และสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2.5 รวมไปถึงเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้เช่นกัน ดังนั้นเราชอบรีวิวจะพาคุณไปดู 5 อันดับ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี ที่สามารถกรองอากาศได้บริสุทธิ์ พร้อมราคาที่จับต้องได้ และฟังก์ชันในการใช้งานที่ครบถ้วนอีกด้วย

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier Pro H
อันดับ 1
  • ตัวเครื่องใช้วัสดุ ABS ให้ความทนทานและป้องกันรอยขีดข่วนได้ พร้อมจอแสดงผล OLED และครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 72 ตารางเมตร
  • มีความสามารถในการกรองฝุ่นได้ทุกอนุภาคแม้ PM2.5 ได้99.99% รวมถึงเชื่อโรคที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ทำให้ได้รับอากาศบริสุทธิ์
  • กรองอากาศได้ถึง 3 ชั้น คือ 1.Cloth Primary Filter 2.HEPA H13 Filter 3.Activated Carbon Filter
  • รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz ทำให้ควบคุมการใช้งานผ่านมือถือ
  • อายุการใช้งานไส้กร้อง HEPA ได้ถึง 14 เดือน ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรองอยู่บ่อยๆ
เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 3C
อันดับ 2
  • เครื่องมีน้ำหนักค่อนข้างเบา ทำให้ขนย้ายหรือเคลื่อนที่ย้ายจุดได้สะดวก พร้อมจอแสดงผล LED และครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 38 ตารางเมตร
  • ไส้กรอง HEPA สามารถกรองฝุ่นละอองได้ทุกอนุภาค 99.97% และขจัดฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ขจัดกลิ่นพึงไม่ประสงค์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ได้รับอากาศที่สดชื่น บริสุทธิ์
  • ควบคุมการใช้ไร้สายได้ผ่าน Application Mi Home หรือ Wi-Fi 2.4GHz
  • ใช้กำลังไฟฟ้า 41W ทำให้ประหยัดพลังงานพอสมควร
เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 4 Lite
อันดับ 3
  • ไส้กรองอย่าง HEPA สามารถกรองได้ 3 ชั้น PET Pre-Filter, HEPA-Filter และ Carbon-Filter
  • จอแสดงผลแบบ OLED แสดงทั้งค่าค่าอากาศ, ความชื้น และอุณหภูมิของห้อง
  • ครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 35-60 ตารางเมตร
  • รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz

แนะนำ 5 อันดับ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี ปี 2024

หากคุณกำลังพิจารณาเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี แต่ยังไม่ข้อมูลไม่มากพอ วันนี้คุณมาถูกที่แล้วเพราะจะพาคุณไปรับชมคุณสมบัติเครื่องฟอกอากาศของแต่ละรุ่นว่ามีคุณสมบัติ จุดเด่น และจุดควรพิจารณาอย่างไรกันบ้างดังนี้

1. เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier Pro H

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier Pro H

เริ่มต้นเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier Pro H ใช้วัสดุ ABS ให้ความทนทานและป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี หน้าจอแสดงผลแบบ OLED แสดงภาพคมชัดได้ภาพชัดเจน สามารถเห็นได้ในระยะไกล ใช้กำลังไฟฟ้า 60W 

มีขนาด 31x31x73.8 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 9.60 กิโลกรัม สามารถครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 72 ตารางเมตร มาพร้อมกับไส้กรอง HEPA ขนาดใหญ่ มีอายุการใช้งานได้ถึง 14 เดือน ซึ่งกรองอากาศได้ถึง 3 ชั้น คือ 1.Cloth Primary Filter 2.HEPA H13 Filter 3.Activated Carbon Filter ที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้มากถึง 99.99% และ PM 0.3 ได้ถึง 99.97% รวมไปถึงขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้อย่างหมดจด 

ทำให้ผู้ที่อาศัยภายในบ้านได้รับอากาศที่บริสุทธิ์มากที่สุด นอกจากนี้มีโหมดปรับแรงดูดอากาศได้ 3 ระดับ พร้อมกับรองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz ทำให้ควบคุมการใช้งานผ่านมือถือได้ทั้ง iOS และ Android อีกด้วย

จุดเด่น
  • ตัวเครื่องใช้วัสดุ ABS ให้ความทนทานและป้องกันรอยขีดข่วนได้ พร้อมจอแสดงผล OLED และครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 72 ตารางเมตร
  • มีความสามารถในการกรองฝุ่นได้ทุกอนุภาคแม้ PM2.5 ได้99.99% รวมถึงเชื่อโรคที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ทำให้ได้รับอากาศบริสุทธิ์
  • กรองอากาศได้ถึง 3 ชั้น คือ 1.Cloth Primary Filter 2.HEPA H13 Filter 3.Activated Carbon Filter
  • รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz ทำให้ควบคุมการใช้งานผ่านมือถือ
  • อายุการใช้งานไส้กร้อง HEPA ได้ถึง 14 เดือน ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรองอยู่บ่อยๆ
จุดควรพิจารณา
  • ตัวเครื่องมีน้ำหนัก 9.6 กิโลกรัม ถือเป็นตัวเครื่องฟอกอากาศค่อนข้างหนัก ทำให้ขนย้ายไม่สะดวกเท่าที่ควร
  • หากเชื่อมต่อการใช้งานผ่านมือถือด้วยระบบปฏิบัติการ iOS ไม่เสถียรเท่ากับ Android
  • ไม่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนไส้กรองอากาศ

2. เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 3C

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 3C

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 3C มาพร้อมจอแสดงผลแบบ LED ทำให้แสดงค่าต่างๆได้ชัดเจน มีขนาด 24x24x52 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 4.6 กิโลกรัม ใช้กำลังไฟฟ้า 41W เหมาะกับใช้งานกับขนาดห้อง 38 ตารางเมตร 

มาพร้อมกับไส้กรอง HEPA สามารถกรองฝุ่นละอองได้ทุกอนุภาค 99.97% ซึ่งขจัดฝุ่น PM2.5 ได้อย่างหมดจด และขจัดกลิ่นพึงประสงค์ได้มีประสิทธิภาพ โดยอายุไส้กรองสามารถใช้งานได้นานสูงสุด 12 เดือน และควบคุมการใช้ไร้สายได้ผ่าน Application Mi Home หรือ Wi-Fi 2.4GHz ใช้งานได้ทั้ง iOS และ Android

จุดเด่น
  • เครื่องมีน้ำหนักค่อนข้างเบา ทำให้ขนย้ายหรือเคลื่อนที่ย้ายจุดได้สะดวก พร้อมจอแสดงผล LED และครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 38 ตารางเมตร
  • ไส้กรอง HEPA สามารถกรองฝุ่นละอองได้ทุกอนุภาค 99.97% และขจัดฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ขจัดกลิ่นพึงไม่ประสงค์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ได้รับอากาศที่สดชื่น บริสุทธิ์
  • ควบคุมการใช้ไร้สายได้ผ่าน Application Mi Home หรือ Wi-Fi 2.4GHz
  • ใช้กำลังไฟฟ้า 41W ทำให้ประหยัดพลังงานพอสมควร
จุดควรพิจารณา
  • เนื่องจากใช้กำลังไฟฟ้าค่อนข้างน้อย อาจทำให้เครื่องต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อขจัดฝุ่นละออง ทำให้การทำงานของเครื่องมีเสียงค่อนข้างดัง
  • อายุไส้กรองใช้งานได้ไม่ถึง 12 เดือนตามที่ระบุในคุณสมบัติ
  • ไม่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนไส้กรองอากาศ

3. เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 4 Lite

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 4 Lite

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 4 Lite มีจอแสดงผล LED แสดงค่าฝุ่นละอองได้อย่างชัดเจน มีขนาด 24x24x53 เซนติเมตร น้ำหนัก 4.8 กิโลกรัม เหมาะสำหรับขนาดห้อง 25-43 ตารางเมตร ใช้กำลังไฟฟ้า 33W ประหยัดพลังงานอย่างมาก 

ซึ่งใช้ไส้กรอง HEPA สามารถกรองฝุ่นละอองได้ทั่วทุกจุดทั้ง PM2.5 และอนุภาคขนาดเล็กได้ 99.99% โดยอายุไส้กรองอากาศสามารถใช้งานได้ 6 เดือน และควบคุมการใช้ไร้สายได้ผ่าน Application Mi Home หรือ Wi-Fi 2.4GHz ใช้งานได้ทั้ง iOS และ Android

จุดเด่น
  • ไส้กรองอย่าง HEPA สามารถกรองได้ 3 ชั้น PET Pre-Filter, HEPA-Filter และ Carbon-Filter
  • จอแสดงผลแบบ OLED แสดงทั้งค่าค่าอากาศ, ความชื้น และอุณหภูมิของห้อง
  • ครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 35-60 ตารางเมตร
  • รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz
จุดควรพิจารณา
  • หากนำไปใช้งานห้องที่กว้างเกิน 60 ตารางเมตร อาจทำให้เครื่องฟอกอากาศทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ และฟอกอากาศไม่ทั่วถึง
  • อายุไส้กรองใช้งานได้เพียง 8-12 เดือนเท่านั้น ทำให้ต้องเปลี่ยนไส้กรองอยู่บ่อยครั้ง
  • ไม่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนไส้กรองอากาศ

4. เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier Pro

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier Pro

เครื่องฟอกอากาศรองอันดับสุดท้ายกับ Xiaomi Air Purifier Pro เป็นรองจากรุ่น Pro H โดยมีขนาดเครื่อง 26x26x73.5 เซนติเมตร น้ำหนัก 9.7 กิโลกรัม ใช้กำลังไฟฟ้า 66W ครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 35-60 ตารางเมตร 

มาพร้อมกับจอแสดงผลแบบ OLED แสดงทั้งค่าค่าอากาศ, ความชื้น และอุณหภูมิของห้อง เป็นต้น นอกจากนี้มีไส้กรองอย่าง HEPA สามารถกรองได้ 3 ชั้นอย่าง PET Pre-Filter, HEPA-Filter และ Carbon-Filter ซึ่งสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ทุกอนุภาค 99.99% อีกทั้งรองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz ทำให้ควบคุมการใช้งานผ่านมือถือได้ทั้ง iOS และ Android อีกด้วย

จุดเด่น
  • ไส้กรองอย่าง HEPA สามารถกรองได้ 3 ชั้น PET Pre-Filter, HEPA-Filter และ Carbon-Filter
  • จอแสดงผลแบบ OLED แสดงทั้งค่าค่าอากาศ, ความชื้น และอุณหภูมิของห้อง
  • ครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 35-60 ตารางเมตร
  • รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz
จุดควรพิจารณา
  • หากนำไปใช้งานห้องที่กว้างเกิน 60 ตารางเมตร อาจทำให้เครื่องฟอกอากาศทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ และฟอกอากาศไม่ทั่วถึง
  • อายุไส้กรองใช้งานได้เพียง 8-12 เดือนเท่านั้น ทำให้ต้องเปลี่ยนไส้กรองอยู่บ่อยครั้ง
  • ไม่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนไส้กรองอากา

5. เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 3H

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 3H

เดินทางมาถึงอันดับสุดท้ายกับ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 3H มีขนาด 24x24x52 เซนติเมตร และมีน้ำหนัก 6.1 กิโลกรัม ใช้กำลังไฟฟ้า 38W ซึ่งใช้แผ่นกรอง True HEPA สามารถกรองฝุ่นละอองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนได้ 97% แม้กระทั่งฝุ่น PM2.5 ก็ขจัดได้หมดสิ้น และอายุไส้กรองสามารถใช้ได้นาน 6-8 เดือน 

มาพร้อมกับจอระบบสัมผัส OLED สามารถใช้งานฟังก์ชันปรับระดับการฟอกอากาศได้ 3 ระดับ ทำให้รับอากาศบริสุทธิ์ด้วยเพียงปลายนิ้วเท่านั้น อีกทั้งรองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz ทำให้ควบคุมการใช้งานผ่านมือถือได้ทั้ง iOS และ Android อีกด้วย

จุดเด่น
  • กำลังไฟค่อนข้างน้อยเพียง 38W ทำให้ประหยัดพลังงาน เหมาะกับใช้ฟอกอากาศเป็นระยะเวลานานต่อเนื่องหลายๆวัน
  • แผ่นกรอง True HEPA สามารถกรองฝุ่นละอองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนได้ 97%
  • จอระบบสัมผัส OLED  ทำให้รับอากาศบริสุทธิ์ด้วยเพียงปลายนิ้วเท่านั้น
  • ใช้งานฟังก์ชันปรับระดับการฟอกอากาศได้ 3 ระดับ 
  • รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz
จุดควรพิจารณา
  • ระยะเวลาในการใช้งานของไส้กรอง 6-8 เดือนค่อนข้างน้อย ทำให้ต้องเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้ง
  • ไม่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนไส้กรองอากาศ
  • ขณะใช้งานมีเสียงเครื่องทำงานค่อนข้างดัง

เครื่องฟอกอากาศสามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิดได้จริงหรือ?

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี น่าซื้อ

หากพูดถึงหลักความเป็นจริง “ไม่มีเครื่องฟอกอากาศใด สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้แบบ 100%” ซึ่งคุณไม่ควรให้เครื่องฟอกอากาศมาเป็นด่านแรกที่ใช้ในการป้องกันเชื้อไวรัส ถึงแม้ว่าเครื่องจะมีแผ่นกรอง HEPA ที่ถูกออกแบบมาให้ตรวจจับสิ่งสกปรกขนาดเล็กระดับโอไมครอน หรือ PM2.5 ได้ ซึ่งจับได้เชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้บางส่วนเท่านั้น เช่น เชื้อโรคและเชื้อราที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ เป็นต้น 

แต่ไม่การันตี 100% ซึ่งการป้องกันเชื้อไวรัสควรเริ่มจากตัวเราเอง เพราะมีประสิทธิภาพในการป้องกันมากที่สุด โดยหมั่นใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกสถานที่ มีระยะห่างกับผู้คน 2 เมตร รวมไปถึงหมั่นล้างมือทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงจากเชื้อไวรัสโควิดได้มากที่สุดนั่นเอง

วิธีเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี ให้เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี น่าซื้อ

1. ขนาดห้อง

การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี ควรเลือกซื้อให้เหมาะสมกับขนาดของห้องที่นำไปใช้ เพื่อให้ได้อากาศที่บริสุทธิ์ และสามารถฟอกอากาศได้อย่างทั่วถึง 

โดยเราขอแนะนำให้คุณเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่สามารถฟอกอากาศได้ครอบคลุมพื้นที่เกิน 65 ตารางเมตร เพราะจัดเป็นเครื่องฟอกอากาศที่คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งสามารถกรองและฟอกอากาศได้อย่างทั่วถึงทุกมุมห้องอย่างแน่นอน

2. คุณภาพแผ่นกรอง

แน่นอนว่าการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศมีความสำคัญในการฟอกอากาศ กรองฝุ่นละอองและขจัดเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันมีมลพิษอย่างฝุ่น PM2.5 และเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสต่างๆ จึงทำให้เครื่องฟอกอากาศเป็นสิ่งสำคัญที่ควรมีไว้ในครัวเรือน 

เมื่อเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศต้องดูคุณภาพแผ่นกรองที่เป็นระบบ HEPA และกรอง 3 ชั้นขึ้นไป เพราะเป็นคุณภาพแผ่นกรองที่สามารถกรองฝุ่นละอองได้อย่างหมดจด รวมไปถึงขจัดเชื้อโรคแบคทีเรียและเชื้อไวรัสได้อีกด้วย

3. ระบบเซนเซอร์

วิธีเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี ให้เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด

หากเครื่องฟอกอากาศมีระบบเซนเซอร์ที่ดีก็ทำให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตามไปด้วย จึงต้องมีระบบเซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่ไม่พึงประสงค์อยู่เสมอ 

ซึ่งเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi ทุกรุ่นมีระบบเซนเซอร์อัจฉริยะที่สามารถจับฝุ่นละอองได้ทุกอนุภาคแม้กระทั่ง PM2.5 ทำให้เครื่องทำงานอัตโนมัติตามคุณภาพอากาศที่ตรวจจับได้ ส่งผลให้ผู้ใช้งานได้รับอากาศที่สดชื่นและบริสุทธิ์แน่นอน

4. อายุการใช้งานแผ่นกรอง

เนื่องจากการใช้งานแผ่นกรองก็มีอายุการใช้งานเป็นเรื่องปกติทั่วไป ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่และคุณภาพของตัวเครื่องด้วย หากถามความคุ้มค่าในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ 

เราขอแนะนำเลือกเครื่องที่มีอายุการใช้งานของแผ่นกรองเกิน 12 เดือนขึ้นไป เพราะมีความคุ้มค่ามากที่สุด ไม่ต้องซื้อเปลี่ยนบ่อย ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

5. ฟังก์ชันเสริม

หากคุณเป็นคนที่ต้องการความสะดวกสบาย จำเป็นต้องเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีฟังก์ชันเสริมอย่าง ควบคุมการทำงานระยะไกลเช่น เชื่อมต่อผ่านระบบไร้สายอย่าง Wi-Fi หรือ Application Mi HOME และต้องรองรับระบบปฏิบัติการ iOS และ Android เพื่อให้การใช้งานทั่วถึงมากที่สุดอีกด้วย

บทสรุปเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี อากาศบริสุทธิ์ ปี 2024

สำหรับบทสรุปเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี เราขอแนะนำเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier Pro H เพราะเป็นรุ่นที่ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุด ซึ่งใช้วัสดุ ABS ทำให้มีความทนทาน ป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี มีขนาด 31x31x73.8 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 9.60 กิโลกรัม โดยสามารถกรองและฟอกอากาศได้ครอบคลุมพื้นที่ขนาดห้องถึง 72 ตารางเมตร เพียงซื้อเครื่องครั้งเดียวก็สามารถใช้งานได้หลายห้องภายในบ้าน โดยมีจอแสดงผล OLED บอกค่าความชื้น, คุณภาพอากาศ และอุณหภูมิ 

มาพร้อมกับไส้กรอง HEPA ขนาดใหญ่ที่กรองได้ถึง 3 ชั้น ทำให้ผู้ใช้งานได้รับอากาศที่บริสุทธิ์และขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้สิ้นซาก ส่งผลให้ได้รับอากาศที่สดชื่น นอกจากนี้รองรับการใช้งานผ่าน Wi-Fi 2.4GHz เชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน iOS และ Android จัดเป็นเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi ที่คุ้มค่าที่สุดในการใช้งานอย่างแน่นอน

Similar Posts