รีวิว 5 อันดับ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี ตอบโจทย์คอกาแฟ ปี 2023
การดื่มกาแฟ คืออีกวัฒนธรรมที่คนไทยจำนวนมากชื่นชอบ นอกจากได้ความกระปรี้กระเปร่ายามเช้าแล้ว ยังพร้อมสำหรับวันใหม่อีกด้วย แต่เมื่อราคาเมนูในร้านกาแฟชั่งแพงเสียเหลือเกิน หนึ่งในวิธีประหยัดต้นทุนจึงต้องชงดื่มเอง กลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ “เครื่องชงกาแฟแคปซูล” ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่แพ้กับเครื่องชงกาแฟสด
ไม่ใช่แค่เรื่องของค่าใช้จ่ายที่ถูกลงเท่านั้น แต่ยังสามารถเลือกรสชาติของกาแฟได้ตามที่ต้องการอีกต่างหาก ถือเป็นทางเลือกที่คอกาแฟหลายบ้านมีไว้ใช้งานเลยทีเดียว มาดูกันต่อว่า เครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี น่าสนใจบ้าง
เครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี
- เครื่องชงกาแฟแคปซูล NESCAFE Dolce Gusto Mini Me White
- เครื่องชงกาแฟแคปซูล Xiaomi SCISHARE Capsule Coffee Machine
- เครื่องชงกาแฟแคปซูล KRUPS Piccolo XS KP1A01
- เครื่องชงกาแฟแคปซูล Duchess CM6300
- เครื่องชงกาแฟแคปซูล Oggi MC2
รีวิว เครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี น่าใช้งาน
เมื่อรู้วิธีเลือกซื้อกันไปแล้ว ต้องพิจารณาตามความเหมาะสมให้ดีด้วย เพื่อเวลาจ่ายเงินออกไปจะได้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด คราวนี้ลองมาดูว่ามีเครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี น่าใช้งาน ตอบโจทย์คอกาแฟผู้หลงใหลในรสชาติ กลิ่น หรือบรรยากาศอันแสนรื่นรมในยามเช้าก่อนเริ่มต้นวันใหม่อย่างมีความสุข
1. เครื่องชงกาแฟแคปซูล NESCAFE Dolce Gusto Mini Me White
เริ่มต้นกันด้วยเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่ตัวเครื่องถูกออกแบบเน้นความกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ ใช้งานง่าย แคปซูลอัจฉริยะด้วยระบบการควบคุมแรงดันอัตโนมัติ ส่งผลให้คุณจะได้ดื่มด่ำกับอรรถรสของรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟแคปซูลอย่างเข้าถึง
พร้อมระบบการปรับระดับอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสม แต่ถ้าใครต้องการปรับระดับแรงดัน (สูงสุด 15 บาร์) หรือปริมาณน้ำด้วยตนเองก็ทำได้เช่นกัน การทำความสะอาดสามารถถอดล้างออกมาได้สะดวก
ถือว่าเครื่องชงกาแฟแคปซูลนี้จะช่วยเพิ่มความอร่อยกลมกล่อมของรสชาติกาแฟในทุกแก้วที่คุณดื่ม สร้างสรรค์กาแฟแก้วโปรดของคุณได้อย่างที่ใจปรารถนา ขนาดกะทัดรัด น่ามีติดบ้านไว้สุด ๆ สำหรับครอบครัวขนาดเล็ก หรือมีคอกาแฟในบ้านไม่กี่คน
คุณสมบัติทั่วไป
- ความจุ 0.8 ลิตร
- กำลังไฟ 1500 วัตต์
- ขนาดเครื่อง 30.5 x 19.4 x 37.5 ซม.
- ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก
- มีระบบควบคุมแรงดันอัตโนมัติ ปรับได้สูงสุดถึง 15 บาร์
- มีระบบปรับอุณหภูมิน้ำตามความชอบ
- ดีไซน์น่าใช้งาน ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
- ถอดล้างทำความสะอาดง่ายมาก
- ไม่เหมาะกับการใช้งานในออฟฟิศหรือสมาชิกในบ้านที่ดื่มกาแฟหลายคน
- ความเข้มข้นกาแฟไม่สูงมากเพราะแรงดันบาร์อยู่ระดับกลาง
- แคปซูลกาแฟที่ใช้มีตัวเลือกยี่ห้อไม่เยอะ
2. เครื่องชงกาแฟแคปซูล Xiaomi SCISHARE Capsule Coffee Machine
ยี่ห้อดังของจีนที่เข้ามาทำตลาดสินค้าเมืองไทยและได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับเครื่องชงกาแฟแคปซูลรุ่นนี้จะช่วยให้คุณดื่มกาแฟได้ภายในเวลาเพียงแค่ 1 นาที สะดวกรวดเร็ว เหมาะกับชีวิตคนเมืองอันแสนเร่งรีบ ระดับแรงดันสูงสุด 19 บาร์ สามารถใส่แคปซูลกาแฟยี่ห้อดังได้หลายเจ้า อาทิ Nespresso, Starbucks
มีโหมดประหยัดพลังงานในกรณีที่เครื่องไม่ถูกใช้เกิน 15 นาที จะปิดตัวลงอัตโนมัติ ซึ่งตรงนี้ยังเพิ่มเรื่องความปลอดภัยเข้าไปอีกด้วย ถาดรองปรับระดับความสูงตามขนาดของแก้วอย่างเหมาะสม ปรับความเข้มข้นได้ถึง 9 ระดับ
เป็นเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่จะเพิ่มความละมุนของกลิ่นอันแสนหอมหวน พร้อมสร้างความอิ่มเอมในรสชาติให้กับทุกเช้าของคุณอย่างที่สุด ใช้งานง่ายมาก แถมเลือกรสชาติแคปซูลกาแฟแก้วโปรดได้ตามชอบ จัดเป็นอีกรุ่นที่ควรมีไว้เลย
คุณสมบัติทั่วไป
- ความจุ 0.6 ลิตร
- กำลังไฟ 1200 วัตต์
- ขนาดเครื่อง 34 x 26 x 10 ซม.
- สามารถใส่แคปซูลกาแฟได้หลายยี่ห้อ เพิ่มอรรถรสในการดื่ม
- ถาดรองปรับระดับความสูงของแก้วได้ตามสะดวก
- ปรับระดับความเข้มข้นของการชงได้ถึง 9 ระดับ
- มีโหมดประหยัดพลังงาน เพิ่มความปลอดภัยในการใช้
- ถาดรองปรับความสูงได้ตามขนาดของแก้วกาแฟ
- ไม่สามารถใช้งานกับแคปซูลกาแฟแบบรีฟิลได้
- หลังใช้งานแคปซูลเสร็จต้องรีบนำไปทิ้งทันที ถ้าใส่ไว้นานจะทำให้ฝาเครื่องเปิดไม่ออก
- กรณีใช้แคปซูลยี่ห้อต่าง ๆ ต้องมีการเทียบขนาดให้เหมาะกับช่องใส่แคปซูลของเครื่อง
3. เครื่องชงกาแฟแคปซูล KRUPS Piccolo XS KP1A01
ใครกำลังมองหาเครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี ราคาคุ้มค่า ได้ความกลมกล่อมอย่างลงตัว รุ่นนี้ถือว่าโดนใจแน่นอน การออกแบบตัวเครื่องให้อารมณ์โมเดิร์น ทันสมัย เสมือนอุปกรณ์แต่งบ้านสวย ๆ อีกประเภท
ด้วยระดับความดันสูงสุดถึง 15 บาร์ ตัวแท็งก์น้ำมีฝาปิดมาให้จึงไม่ใช่แค่การทำกาแฟเท่านั้น แต่ยังสร้างสรรค์เครื่องดื่มอีกหลากชนิดได้ตามความชอบของคนในครอบครัวเพียงแค่เลือกโหมดที่ต้องการแล้วกดปุ่มเท่านั้น
ระบบการทำงานของเครื่องหลังเสียบปลั๊กจะบูทตัวเองพร้อมใช้ภายใน 40 วินาที และในกรณีไม่ได้ถูกใช้งานเกิน 1 นาที จะปิดการทำงานอัตโนมัติเพื่อประหยัดไฟฟ้า ตัวแคปซูลถอดออกล้างได้สะดวก
เป็นเครื่องชงกาแฟแคปซูลรุ่นที่เมื่อเทียบกับขนาดเครื่องแล้วจัดว่าให้กลิ่นหอมละมุนไม่ต่างจากเครื่องใหญ่ ๆ เลยทีเดียวถือจากการมีแรงดันบาร์สูงแต่ขนาดกะทัดรัด หลายจะคนหลงรักอย่างมากเมื่อมีไว้ใช้งาน
คุณสมบัติทั่วไป
- ความจุ 0.8 ลิตร
- กำลังไฟ 1600 วัตต์
- ขนาดเครื่อง 14 x 28 x 27 ซม.
- การออกแบบมีความทันสมัย ดูโมเดิร์น เปรียบได้กับของตกแต่งบ้านอีกชิ้น
- พร้อมใช้งานในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมระบบปิดเครื่องอัตโนมัติ
- แท็งก์น้ำมีฝากปิดป้องกันการหกเลอะเทอะ
- ทำเมนูเครื่องดื่มได้หลากหลายไม่ใช่แค่กาแฟเพียงอย่างเดียว
- ตัวเครื่องถอดล้างออกง่าย สะดวกต่อการทำความสะอาด
- ต้องคอยสังเกตตัวเครื่องว่าปิดทำงานหรือยังหากไม่ได้ใช้งานนาน
- เครื่องหยุดทำงานเร็วเกินไป ต้องบูทใหม่บ่อยหากชงหลายแก้ว
- ความเข้มข้นกาแฟไม่สูงเพราะแรงดันบาร์อยู่ในระดับกลาง
4. เครื่องชงกาแฟแคปซูล Duchess CM6300
เครื่องชงกาแฟแคปซูลที่ปรับขนาดแรงดันได้สูงสุด 19 บาร์ พร้อมโหมดเลือกปริมาณการชงได้สูงสุดถึง 9 ระดับ ตั้งแต่กาแฟถ้วยเล็ก 15 มล. ไปจนถึงกาแฟแก้วใหญ่ 180 มล.
ในกรณีที่ยังไม่ได้ใช้งาน หรือพักการใช้งานสามารถเลือกกด Standby เพื่อให้เครื่องยังคงพร้อมทำงานต่อเนื่อง สะดวกสบายไปกับระบบการชงกาแฟอัตโนมัติ ใช้เวลาไม่นาน หรือจะกดปุ่มหยุดเพื่อให้ได้ปริมาณกาแฟตามที่ต้องการก็ไม่มีปัญหา
ตัวโถรองทนความร้อนสูง แข็งแรง ใช้งานได้ยาวนาน ดีไซน์สวย น่าใช้ มี 3 สี ให้เลือก ได้แก่ สีแดง, สีขาว และสีดำ
เครื่องชงกาแฟแคปซูลนี้พร้อมเพิ่มความสุขให้กับคุณในยามเช้าได้ทุกวัน ช่วยให้คุณดื่มด่ำกับอรรถรสของกาแฟแก้วโปรดได้อย่างลงตัว เลือกสีสันให้เหมาะกับผู้ใช้ และประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกเยอะมากจริง ๆ
คุณสมบัติทั่วไป
- ความจุ 0.6 ลิตร
- กำลังไฟ 1400 วัตต์
- ขนาดเครื่อง 34 x 24.5 x 10 ซม.
- เลือกระดับปริมาณได้ 9 ระดับ ตามความต้องการในแต่ละวัน
- มีโหมด Standby ไม่ต้องเสียเวลาในการบูทเครื่องเพื่อเริ่มชง
- ระบบชงกาแฟอัตโนมัติ เพิ่มความรวดเร็วในวันสุดเร่งรีบ
- โถรองทนความร้อนได้ดีมาก ไม่เสียหายง่าย
- เลือกสีสันได้ถึง 3 สี
- ระบบการกดน้ำอาจมีติดขัดจากการมีระดับให้เลือกเยอะ
- ต้องคอยกดปุ่ม Standby เมื่อไม่มีการใช้งาน
- น้ำหนักเครื่อง 3 กก. ถือว่าหนักสำหรับการเป็นเครื่องชงกาแฟแคปซูล
5. เครื่องชงกาแฟแคปซูล Oggi MC2
ปิดท้ายกันที่เครื่องชงกาแฟแคปซูลที่มีอแดปเตอร์มาให้ถึง 4 ชนิด จึงเลือกประเภทกาแฟที่ชื่นชอบได้หลายยี่ห้อเลยไม่ว่าจะเป็น Nespresso, Doice – Gusto, Starbucks, Duchess ฯลฯ รวมถึงยังสามารถชงกาแฟบด หรือตะกร้ากาแฟ Pod ได้อีกด้วย
เลือกปริมาณน้ำได้ 2 ระดับ แรงดันขนาด 19 บาร์ มาตรฐาน ULKA Pump จากอิตาลี ใช้เวลาในการชงรวดเร็วด้วยระบบอัตโนมัติเพียงแค่ 1 นาทีหลังเปิดเครื่อง แต่เมื่อไม่ใช้งานเกิน 15 นาที ตัวเครื่องจะปิดลงอัตโนมัติ ช่วยประหยัดไฟ เพิ่มความปลอดภัย
หม้อต้มแบบ Thermblock ที่สร้างความร้อนแบบสม่ำเสมอ ดีไซน์สวย ขนาดกะทัดรัด ไม่ใหญ่เกินไป
เป็นเครื่องชงกาแฟแคปซูลอีกรุ่นน่าใช้งาน จะเอาไว้ที่บ้านของตนเอง หรือออฟฟิศสำหรับพนักงานก็ตอบโจทย์ ช่วยให้กาแฟแก้วโปรดของคุณอร่อยยิ่งขึ้นกว่าเดิม ชงได้รวดเร็วไม่เสียเวลาทำงานหรือต้องรีบออกจากบ้านอย่างแน่นอน
คุณสมบัติทั่วไป
- ความจุ 0.6 ลิตร
- กำลังไฟ 1450 วัตต์
- ขนาดเครื่อง 27 x 25 x 11 ซม.
- อแดปเตอร์แคปซูล 4 แบบ เลือกประเภทการชงกาแฟได้ตามชอบ
- ULKA Pump มาตรฐานส่งตรงจากอิตาลี
- ระดับแรงดันสูงถึง 19 บาร์ ใช้งานบ่อยไม่มีปัญหา
- ชงได้รวดเร็วหลังเปิดเครื่องเพียงแค่ 1 นาที
- หม้อต้ม Themeblock ให้ความร้อนสม่ำเสมอ
- ต้องเลือกใช้อแดปเตอร์ให้เหมาะกับชนิดของกาแฟที่ชง
- ตั้งค่าปริมาณน้ำในการชงได้แค่ 2 ระดับ
- การปรับระยะระหว่างหัวชงกับฐานวางแก้วน้อย ต้องเลือกแก้วที่ขนาดเหมาะสม
เทคนิคเลือกซื้อ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี ให้เหมาะกับการใช้งาน
1. ระดับความจุของแท็งก์น้ำ
ก่อนการซื้อเครื่องชงกาแฟแคปซูลต้องรู้ปริมาณการดื่มของผู้ใช้งานว่าเยอะมากขนาดไหน เพื่อจะได้เลือกระดับความจุของแท็งก์น้ำให้เหมาะสม ซึ่งทั่วไปแล้วการดื่มกาแฟ 1 แก้ว ต้องใช้น้ำราว ๆ 120-150 มล. เมื่อพิจารณาถึงจำนวนผู้ดื่มหรือความถี่ในการดื่มต่อวันได้แล้วจึงค่อยเลือกเครื่องที่มีแท็งก์น้ำเหมาะสม ไม่ต้องเติมบ่อย
2. วิธีทำความสะอาด
ในเมื่อต้องชงกาแฟแทบทุกวัน ความสะอาดจึงเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจ ต้องเลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่มีระบบทำความสะอาดอยู่ในตัว หรือถ้าไม่มีก็ควรเป็นรุ่นที่ถอดล้างออกมาทำความสะอาดง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อความปลอดภัยในการดื่มกาแฟ
3. ขนาดพื้นที่สำหรับวางแก้วกาแฟ
ข้อนี้ให้พิจารณาในเรื่องความสูงของแก้วที่ใช้ดื่มเป็นหลัก หากเป็นคนดื่มปริมาณเยอะ ใช้แก้วทรงสูง ระยะห่างระหว่างฐานรองกับหัวปล่อยกาแฟของเครื่องชงกาแฟแคปซูลต้องมีความเหมาะสม เพื่อจะได้ชงแล้วดื่มได้ในครั้งเดียว ไม่ต้องเสียเวลาชงใหม่หลาย ๆ แก้ว
4. ความหลากหลายของการใช้งานแคปซูล
ท้ายที่สุดเครื่องชงกาแฟแคปซูลบางรุ่นมักรองรับแค่ยี่ห้อตัวกาแฟแคปซูลของตนเองเท่านั้น หากคุณรู้เป็นคนนิยมเปลี่ยนรสชาติ หรือทดลองรสชาติกาแฟใหม่จากยี่ห้อต่าง ๆ อยู่ตลอด ควรเลือกรุ่นที่สามารถใช้งานแคปซูลกาแฟได้หลากหลาย ไม่เจาะจงแค่ยี่ห้อเดียว
เหตุผลที่ควรมีเครื่องชงกาแฟแคปซูลไว้ใช้งาน
1. สะดวกต่อการชงและดื่มกาแฟ
ด้วยรูปแบบของเครื่องชงกาแฟประเภทนี้จะใช้งานกับแคปซูลกาแฟ จึงไม่ต้องเสียเวลาในชงทีละแก้ว ใส่ส่วนผสมทีละช้อนให้ยุ่งยาก เพียงแค่เปิดเครื่อง นำแคปซูลใส่เข้าไป ไม่เกิน 1-2 นาที ก็สามารถดื่มกาแฟได้ทันที
2. ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
เมื่อเทียบกับการต้องซื้อกาแฟดื่มทุกวันกับการเลือกซื้อเครื่องชงพร้อมแคปซูลกาแฟเอง ในระยะยาวถือว่ามีราคาถูกกว่ามาก ประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไว้ทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ
3. รสชาติคงที่ ไม่ผิดเพี้ยน
ด้วยมาตรฐานของแคปซูลกาแฟแต่ละยี่ห้อจะถูกผลิตขึ้นตามส่วนผสมและสัดส่วนที่กำหนดเอาไว้แล้ว ส่งผลให้รสชาติของกาแฟมีความคงที่ จะชงกี่ครั้งก็เหมือนเดิม ค้นหารสชาติกาแฟที่ถูกใจได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องลุ้นแบบแก้วต่อแก้วเหมือนการซื้อกาแฟตามร้านหรือชงด้วยตนเอง
4. มีตัวเลือกรสชาติหลากหลาย
นอกเหนือไปจากความอร่อยไม่มีเปลี่ยนแล้ว การใช้เครื่องขงกาแฟแคปซูลยังสามารถเลือกรสชาติแคปซูลกาแฟที่จะนำมาชงได้หลากหลาย ชื่นชอบสไตล์ใด มียี่ห้อในดวงใจเป็นพิเศษ ซื้อมาเก็บเอาไว้ชงดื่มกันทุกวันได้เลย
สรุปควรเลือกใช้ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี
จากที่รีวิวมาทั้งหมด 5 ยี่ห้อ 5 รุ่น ขอแนะนำเครื่องชงกาแฟแคปซูล Xiaomi SCISHARE Capsule Coffee Machine ด้วยมาตรฐานยี่ห้อที่คนไทยให้การยอมรับ บวกกับราคาของสินค้ายี่ห้อนี้ไม่แพงเทียบกับคุณภาพที่ได้รับ
ทั้งการเลือกแคปซูลกาแฟได้หลายยี่ห้อ หลากรสชาติ ระบบการทำงานอัตโนมัติที่มีความปลอดภัยสูง ปรับระดับถาดรองให้เหมาะกับขนาดของแก้วกาแฟตามที่ผู้ใช้ชื่นชอบ ดีไซน์สวย มีไว้ที่บ้านหรือออฟฟิศก็ดีเยี่ยม จึงถือเป็นยี่ห้อที่น่าจะตอบโจทย์ความต้องการของคอกาแฟได้อย่างดีที่สุด
สำหรับคนที่ชื่นชอบการชงกาแฟแบบอื่นๆ สามารถเลือกดูข้อมูล เครื่องชงกาแฟ พร้อมกับ เมล็ดกาแฟ ตามความชื่นชอบได้เช่นกัน