อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นเรื่องไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นได้เสมอ ทำให้อุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยภายในรถเป็นที่นิยมมากขึ้น เช่น กล้องติดรถยนต์ หรือยิ่งใครพึ่งมีลูกเล็กหรือต้องพาเด็กเล็กนั่งรถไปด้วย อุปกรณ์อย่าง “คาร์ซีท” จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยป้องกันอันตรายได้อย่างดีหากเกิดการชน หรือกระแทกที่รุนแรง พ่อแม่ผู้ปกครองคนไหนกำลังมองหาอยู่ว่าจะเลือกซื้อ คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ก็มีข้อมูลและรีวิว 5 รุ่นห้ามพลาดแห่งปี 2023 มาบอกต่อกันแล้ว ไปศึกษาได้เลย
คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี
- คาร์ซีท FICO รุ่น GE-E New
- คาร์ซีท Camera รุ่น Hello Kitty
- คาร์ซีท JOIE รุ่น Stages
- คาร์ซีท Glowy Star รุ่น Travel Kids Fix
- คาร์ซีท Alfi Baby
รีวิว 5 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2023 เพื่อความปลอดภัย
นอกจากการขับขี่ที่ไม่ประมาทแล้ว หากมีอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันอันตรายระหว่างที่เด็กอยู่บนรถด้วยก็จะเพิ่มความสบายใจได้อีกหลายเท่า พ่อแม่คนไหนกำลังมองหาคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2023 ก็มี 5 รุ่นมารีวิวให้ได้พิจารณากันแล้ว แต่ละรุ่นน่าใช้งาน เพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็กในรถอย่างแน่นอน
1. คาร์ซีท FICO รุ่น GE-E New
เริ่มต้นกันด้วยคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2022 รุ่นนี้ เหมาะกับเด็กอายุ 9 เดือน ถึง 12 ขวบ รองรับน้ำหนัก 9-36 กก. สายรัดปรับความสูงได้ 3 ระดับ มีระบบสายรัด 5 จุด เพิ่มความปลอดภัย สัมผัสนุ่มสบายด้วยผ้าอย่างดีพร้อมช่วยระบายอากาศ ปรับเอนได้อิสระตามเบาะรถยนต์ เด็กนั่งได้นานแบบไม่อึดอัด ตัวซัพพอร์ตศีรษะพร้อมหมอนรองคอนุ่มสบาย ผ่านมาตรฐาน ECE R44/04 หันหน้าเบาะได้เฉพาะทางด้านหน้า
เพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกน้อยของคุณด้วยคาร์ซีทรุ่นนี้ ซื้อครั้งเดียวใช้ได้นาน ใช้งานง่ายแค่ 3 สเต็ป กด ดึง ยึด ช่วยให้ทุกการเดินทางมั่นใจ ไม่ต้องห่วงอันตรายใด ๆ อย่างแน่นอน
- ใช้งานได้นานตั้งแต่ 9 เดือน ถึง 12 ขวบ
- ระบบสายรัด 5 จุด เหมือนเข็มขัดรถแข่ง
- เบาะผ้านุ่มสบาย ระบายอากาศดี
- ปรับเอนได้อิสระตามลักษณะของเบาะรถยนต์
- ผ่านมาตรฐาน ECE R44/04
- รองรับน้ำหนักได้สูงสุดเพียง 36 กก.
- น้ำหนักคาร์ซีทอยู่ที่ 5.6 กก.
- จับหันไปได้แค่เฉพาะด้านหน้า ปรับหมุนไม่ได้
2. คาร์ซีท Camera รุ่น Hello Kitty
ต่อด้วยคารซีท ยี่ห้อไหนดี โดดเด่นด้วยลวดลายสุดน่ารัก ต้องไม่พลาดกับรุ่นนี้เลย ลาย Hello Kitty มีทั้งสีชมพูและฟ้า ลิขสิทธิ์แท้ เหมาะกับเด็กแรกเกิด รับน้ำหนักสูงสุด 13 กก. ปรับสายรัดได้ 2 ช่อง มีระบบล็อก 3 จุด เบาะนั่งทำจากผ้าคุณภาพสูง ระบายอากาศดี ไม่ดูดความร้อน น้ำหนักเบาเพียง 2.5 กก. มาพร้อมคันหิ้ว พกพาง่าย มีที่กันแดดปิดด้านบนไม่ให้ร้อนเกินไปสามารถถอดออกได้ เบาะถอดซักง่ายมาก
สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก อยากได้คาร์ซีทสุดน่ารักให้ลูกไม่งอแง นี่คืออีกรุ่นที่อยากแนะนำให้ซื้อไว้ใช้งาน แถมยังพกพาง่ายมาก แม้เป็นรถคันเล็กก็ไม่ต้องห่วงเลย
- ลาย Hello Kitty ลิขสิทธิ์แท้ สวยงามน่าใช้
- เบาะนั่งทำจากผ้าไม่ดูดความร้อน ระบายอากาศดี
- น้ำหนักเบามากเพียง 2.5 กก.
- มีคันหิ้วช่วยให้การพกพาง่ายขึ้น
- มีที่กันแดดด้านบนป้องกันความร้อนจากแสงแดดนอกรถ
- เหมาะกับเด็กแรกเกิดและวัยทารกน้ำหนักไม่เกิน 13 กก.
- สายรัดปรับได้เพียง 2 ระดับ
- ระบบล็อกมีแค่ 3 จุดเท่านั้น
3. คาร์ซีท JOIE รุ่น Stages
คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี นี่คือรุ่นที่เหมาะกับเด็กแรกเกิดจนถึง 7 ขวบ ปรับหันหน้าเข้าหาเบาะรับน้ำหนัก 18 กก. (4 ขวบ) เอนได้ 1 ระดับ ปรับหันออกจากเบาะรับน้ำหนัก 25 กก. (7 ขวบ) เอนได้ 3 ระดับ หมอนรองศีรษะปรับได้ 5 ระดับ โครงสร้างพิเศษ Baby Armor ทำให้การติดตั้งแข็งแรง มั่นคง เบาะรองรับสรีระได้ดี ระบายอากาศ ไม่ร้อน มีระบบ Double Lock เข็มขัดนิรภัย แผ่นซัพพอร์ตหลังถอดได้ ด้านข้างมีกระเป๋าตาข่ายเก็บของ สายคาดนิรภัย 5 จุด มาตรฐาน ECE R44/04
ถ้าคุณต้องการคาร์ซีทที่คุ้มค่าและครบในทุกเรื่องแบบไม่ต้องกังวลใจ นี่คืออีกรุ่นที่ใช้งานแล้วต้องชื่นชอบและประทับใจอย่างแน่นอน ขับขี่เส้นทางไหนลูกน้อยก็มีความสุข
- ปรับได้ทั้งแบบหันเข้าหาเบาะและหันออกด้านหน้า
- หมอนรองศีรษะปรับได้ 5 ระดับ
- โครงสร้างพิเศษ Baby Armor ติดตั้งแข็งแรง มั่นคง
- ระบบ Double Lock ปลอดภัยยิ่งขึ้น พร้อมสายคาด 5 จุด
- ด้านข้างมีกระเป๋าตาข่ายเก็บของ
- การหันหน้าเข้าเบาะรับน้ำหนักได้แค่ 18 กก. ปรับเอนเพียง 1 ระดับ
- รับน้ำหนักรวมได้ไม่เกิน 25 กก.
- น้ำหนักอุปกรณ์ 6.43 กก.
4. คาร์ซีท Glowy Star รุ่น Travel Kids Fix
เพิ่มความปลอดภัยให้ลูกด้วยคาร์ซีท Booster แบบ 2 in 1 ทั้งแบบ Isofix และ ระบบเข็มขัดนิรภัย เหมาะกับเด็กอายุ 4-12 ปี รองรับน้ำหนัก 15-36 กก. มาตรฐาน ECE R44/04 จากยุโรป มีพนักพิง หลังไม่คดงอ มี Shoulder Belt เข็มขัดพาดไหล่ ไม่ทำให้สายบาดคอ ออกแบบที่วางแขนขนาดเล็กไม่ให้เด็กเมื่อยพร้อมที่วางแก้วพับเก็บได้ เบาะบุด้วยฟองน้ำอย่างดี นุ่มสบาย ระบายอากาศเยี่ยม ถอดซักง่ายแค่รูดซิป น้ำหนัก 3.8 กก.
ถ้ากำลังมองหาคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ให้กับลูกน้อย นี่คืออีกตัวเลือกน่าสนใจ ถือว่าเหมาะกับเด็กที่โตขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัย สบายในทุกเส้นทางอย่างแน่นอน
- Booster 2 in 1 ทั้งแบบ Isofix และเข็มขัดนิรภัย
- มาตรฐาน ECE R44/04 จากยุโรป
- มีพนักพิง หลังไม่คดงอ
- Shoulder Belt เข็มขัดพาดไหล่ สายไม่บาดคอ
- มีที่วางแขนและที่วางแก้วน้ำพับได้
- สายคาดเข็มขัดนิรภัยใช้ของรถยนต์
- รองรับน้ำหนักสูงสุด 36 กก.
- ไม่เหมาะกับเด็กเล็กที่ยังช่วยเหลือตนเองไม่ได้
5. คาร์ซีท Alfi Baby
ปิดท้ายด้วยคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี น่าใช้งาน รุ่นนี้เหมาะกับเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 12 ปี ผ่านการรับรองมาตรฐาน ECE R44/04 มีระบบ Isofix การติดตั้งแบบสากล มาพร้อมเข็มขัดนิรภัย 5 จุด พนักพิงปรับได้ 4 ระดับ วัสดุผลิตจาก HDPE หนาแน่นสูง ผ้าเกรดพรีเมี่ยม แข็งแรงกว่าเบาะทั่วไป 2 เท่า ติดตั้งได้ 2 ทิศทางทั้งหันหน้าเข้าหาเบาะและหันออกจากเบาะ รองรับน้ำหนักสูงสุด 36 กก. มีหมอนรองคอออกแบบให้ป้องกันการกระแทก
ถือเป็นอีกรุ่นที่ใช้งานได้ยาวนาน เพราะเหมาะกับทั้งเด็กเล็กมากไปจนถึงเด็กโต มีการใช้งานวัสดุต่าง ๆ อย่างดี ติดตั้งไว้บนรถแล้วสบายใจ ไม่ต้องกังวลอันตรายที่จะเกิดกับลูก
- ได้มาตรฐาน ECE R44/04
- มีระบบ Isofix การติดตั้งแบบสากล
- เข็มขัดนิรภัย 5 จุด
- วัสดุ HDPE แข็งแรง 2 เท่า พร้อมผ้าเกรดพรีเมี่ยม
- หมอนรองคอออกแบบช่วยป้องกันการกระแทก
- รองรับน้ำหนักสูงสุด 36 กก.
- ปรับระดับ 4 องศา ได้สูงสุด 40 องศา
- น้ำหนักสินค้า 6.9 กก.
ทำไมคาร์ซีทจึงมีความสำคัญกับเด็ก
ปกติแล้วแม้รถยนต์ทุกคนจะมีเข็มขัดนิรภัยในทุกที่นั่งเพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมเดินทางทุกคน แต่เมื่อพูดถึงการออกแบบ Safety Belt จะเป็นการดีไซน์เพื่อให้ใช้งานกับผู้ใหญ่ที่มีขนาดร่างกายเหมาะสม ความสูงตั้งแต่ 140 ซม. ขึ้นไป แต่สำหรับเด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กเล็กความกว้างของสายเข็มขัดบวกกับความสูงของเบาะที่ไม่ได้มีความสมดุลกับสรีระของพวกเขา จึงทำให้แม้จะมีการคาดไว้กับตัวก็ตาม ทว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุเข็มขัดนิรภัยกลับไม่ได้ช่วยป้องกันอันตราย หรือลดความรุนแรงให้กับเด็กเลย
ด้วยเหตุนี้การมีคาร์ซีทที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับสรีระของเด็กจึงเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันอันตราย ผ่อนหนักให้เป็นเบาในกรณีเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนขึ้นได้จริง ตัวเบาะจะทำการล็อกเด็กเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหน ลดความรุนแรงจากการกระแทก ลดโอกาสเสี่ยงในการบาดเจ็บหนักหรือเสียชีวิตได้ด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่บอกว่าเด็ก ๆ เมื่อนั่งรถยนต์ควรต้องใช้คาร์ซีทอยู่เสมอ
วิธีเลือกคาร์ซีทให้เหมาะกับเด็ก
ไม่ใช่แค่ดูว่าควรซื้อคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดีเท่านั้น แต่การรู้จักวิธีเลือกอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ได้อุปกรณ์ที่พร้อมใช้งาน สร้างความปลอดภัยให้กับเด็กทุกคน และที่สำคัญพ่อแม่หรือผู้ขับขี่เองก็สบายใจ ไม่เครียดและเกร็งจนอาจนำมาสู่อุบัติเหตุได้เช่นกัน
1.ขนาดของคาร์ซีทกับขนาดตัวเด็ก
การซื้อคาร์ซีทไม่ใช่แค่ซื้อครั้งเดียวแล้วเลิก แต่ต้องเปลี่ยนไปตามขนาดตัวและอายุของเด็ก เช่น เด็กแรกเกิดจนถึง 1 ปี, เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป หรือคาร์ซีทแบบ Booster Seat ที่จะเหมาะกับเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป แต่ถ้าเด็กสูงเกิน 140 ซม. แล้วสามารถใช้วิธีคาดเข็มขัดนิรภัย
2. มีความแข็งแรง ได้มาตรฐาน ป้องกันการกระแทก
เรื่องวัสดุที่ใช้ผลิตก็สำคัญ ต้องเลือกรุ่นที่มีความแข็งแรง ทนทาน เพื่อรองรับการใช้งานและน้ำหนักของเด็ก อีกทั้งยังช่วยยืดอายุให้ใช้ได้ยาวนานขึ้นกว่าเดิม ยิ่งถ้ามีการรับรองมาตรฐาน ECE R44 และ UNr 129 ก็มั่นใจได้เลย และที่สำคัญยังช่วยป้องกันการกระแทกในกรณีเกิดอุบัติเหตุด้วย
3. การติดตั้งง่าย ถอดทำความสะอาดได้สะดวก
กรณีที่รถมี ISOfix หรือวงแหวนโลหะเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงด้านล่างของเบาะก็สามารถเชื่อมต่อกับคาร์ซีทได้ทันที ซึ่งส่วนใหญ่รถรุ่นใหม่จะมีมาให้ทั้งหมดแล้ว ข้อดีของการติดตั้งง่ายดายยังช่วยให้ถอดออกมาทำความสะอาดได้ภายในเวลาอันรวดเร็วอีกด้วย
สรุปรีวิว คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2023 ตอบโจทย์มากที่สุด
หลังจากได้ทำการรีวิว 5 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2023 ที่เหมาะกับลูกน้อยมากที่สุด ขอแนะนำคาร์ซีท JOIE รุ่น Stages เหมาะกับเด็กแรกเกิดจนถึง 7 ขวบ ปรับหันหน้าเข้าหาเบาะและหันออกได้ ปรับเอน 3 ระดับ หมอนรองศีรษะปรับได้ 5 ระดับ ตัวโครงสร้างพิเศษ Baby Armor ติดตั้งแข็งแรง ระบบ Double Lock เข็มขัดนิรภัยเพิ่มความปลอดภัยอีกขั้น สายคาดนิรภัย 5 จุด ผ่านมาตรฐาน ECE R44/04 ซื้อไว้ใช้บนรถยนต์ของคุณพ่อคุณแม่ สบายใจหายห่วงในทุกเส้นทาง