เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi ถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ายอดนิยมที่จำเป็นต้องมีติดไว้ในครัวเรือนอย่างมาก เพราะยุคปัจจุบันมีมลพิษฝุ่น PM2.5 และเชื้อโรคแบคทีเรียต่างๆ ซึ่งเครื่องฟอกอากาศจะช่วยกรองอากาศให้คุณบริสุทธิ์และสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2.5 รวมไปถึงเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้เช่นกัน ดังนั้นเราชอบรีวิวจะพาคุณไปดู 5 อันดับ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี ที่สามารถกรองอากาศได้บริสุทธิ์ พร้อมราคาที่จับต้องได้ และฟังก์ชันในการใช้งานที่ครบถ้วนอีกด้วย
เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี
- เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier Pro H
- เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 3C
- เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 4 Lite
- เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier Pro
- เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 3H
- ตัวเครื่องใช้วัสดุ ABS ให้ความทนทานและป้องกันรอยขีดข่วนได้ พร้อมจอแสดงผล OLED และครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 72 ตารางเมตร
- มีความสามารถในการกรองฝุ่นได้ทุกอนุภาคแม้ PM2.5 ได้99.99% รวมถึงเชื่อโรคที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ทำให้ได้รับอากาศบริสุทธิ์
- กรองอากาศได้ถึง 3 ชั้น คือ 1.Cloth Primary Filter 2.HEPA H13 Filter 3.Activated Carbon Filter
- รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz ทำให้ควบคุมการใช้งานผ่านมือถือ
- อายุการใช้งานไส้กร้อง HEPA ได้ถึง 14 เดือน ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรองอยู่บ่อยๆ
- เครื่องมีน้ำหนักค่อนข้างเบา ทำให้ขนย้ายหรือเคลื่อนที่ย้ายจุดได้สะดวก พร้อมจอแสดงผล LED และครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 38 ตารางเมตร
- ไส้กรอง HEPA สามารถกรองฝุ่นละอองได้ทุกอนุภาค 99.97% และขจัดฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ขจัดกลิ่นพึงไม่ประสงค์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ได้รับอากาศที่สดชื่น บริสุทธิ์
- ควบคุมการใช้ไร้สายได้ผ่าน Application Mi Home หรือ Wi-Fi 2.4GHz
- ใช้กำลังไฟฟ้า 41W ทำให้ประหยัดพลังงานพอสมควร
แนะนำ 5 อันดับ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี ปี 2024
หากคุณกำลังพิจารณาเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี แต่ยังไม่ข้อมูลไม่มากพอ วันนี้คุณมาถูกที่แล้วเพราะจะพาคุณไปรับชมคุณสมบัติเครื่องฟอกอากาศของแต่ละรุ่นว่ามีคุณสมบัติ จุดเด่น และจุดควรพิจารณาอย่างไรกันบ้างดังนี้
1. เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier Pro H
เริ่มต้นเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier Pro H ใช้วัสดุ ABS ให้ความทนทานและป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี หน้าจอแสดงผลแบบ OLED แสดงภาพคมชัดได้ภาพชัดเจน สามารถเห็นได้ในระยะไกล ใช้กำลังไฟฟ้า 60W
มีขนาด 31x31x73.8 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 9.60 กิโลกรัม สามารถครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 72 ตารางเมตร มาพร้อมกับไส้กรอง HEPA ขนาดใหญ่ มีอายุการใช้งานได้ถึง 14 เดือน ซึ่งกรองอากาศได้ถึง 3 ชั้น คือ 1.Cloth Primary Filter 2.HEPA H13 Filter 3.Activated Carbon Filter ที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้มากถึง 99.99% และ PM 0.3 ได้ถึง 99.97% รวมไปถึงขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้อย่างหมดจด
ทำให้ผู้ที่อาศัยภายในบ้านได้รับอากาศที่บริสุทธิ์มากที่สุด นอกจากนี้มีโหมดปรับแรงดูดอากาศได้ 3 ระดับ พร้อมกับรองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz ทำให้ควบคุมการใช้งานผ่านมือถือได้ทั้ง iOS และ Android อีกด้วย
- ตัวเครื่องใช้วัสดุ ABS ให้ความทนทานและป้องกันรอยขีดข่วนได้ พร้อมจอแสดงผล OLED และครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 72 ตารางเมตร
- มีความสามารถในการกรองฝุ่นได้ทุกอนุภาคแม้ PM2.5 ได้99.99% รวมถึงเชื่อโรคที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ทำให้ได้รับอากาศบริสุทธิ์
- กรองอากาศได้ถึง 3 ชั้น คือ 1.Cloth Primary Filter 2.HEPA H13 Filter 3.Activated Carbon Filter
- รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz ทำให้ควบคุมการใช้งานผ่านมือถือ
- อายุการใช้งานไส้กร้อง HEPA ได้ถึง 14 เดือน ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรองอยู่บ่อยๆ
- ตัวเครื่องมีน้ำหนัก 9.6 กิโลกรัม ถือเป็นตัวเครื่องฟอกอากาศค่อนข้างหนัก ทำให้ขนย้ายไม่สะดวกเท่าที่ควร
- หากเชื่อมต่อการใช้งานผ่านมือถือด้วยระบบปฏิบัติการ iOS ไม่เสถียรเท่ากับ Android
- ไม่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนไส้กรองอากาศ
2. เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 3C
เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 3C มาพร้อมจอแสดงผลแบบ LED ทำให้แสดงค่าต่างๆได้ชัดเจน มีขนาด 24x24x52 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 4.6 กิโลกรัม ใช้กำลังไฟฟ้า 41W เหมาะกับใช้งานกับขนาดห้อง 38 ตารางเมตร
มาพร้อมกับไส้กรอง HEPA สามารถกรองฝุ่นละอองได้ทุกอนุภาค 99.97% ซึ่งขจัดฝุ่น PM2.5 ได้อย่างหมดจด และขจัดกลิ่นพึงประสงค์ได้มีประสิทธิภาพ โดยอายุไส้กรองสามารถใช้งานได้นานสูงสุด 12 เดือน และควบคุมการใช้ไร้สายได้ผ่าน Application Mi Home หรือ Wi-Fi 2.4GHz ใช้งานได้ทั้ง iOS และ Android
- เครื่องมีน้ำหนักค่อนข้างเบา ทำให้ขนย้ายหรือเคลื่อนที่ย้ายจุดได้สะดวก พร้อมจอแสดงผล LED และครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 38 ตารางเมตร
- ไส้กรอง HEPA สามารถกรองฝุ่นละอองได้ทุกอนุภาค 99.97% และขจัดฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ขจัดกลิ่นพึงไม่ประสงค์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ได้รับอากาศที่สดชื่น บริสุทธิ์
- ควบคุมการใช้ไร้สายได้ผ่าน Application Mi Home หรือ Wi-Fi 2.4GHz
- ใช้กำลังไฟฟ้า 41W ทำให้ประหยัดพลังงานพอสมควร
- เนื่องจากใช้กำลังไฟฟ้าค่อนข้างน้อย อาจทำให้เครื่องต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อขจัดฝุ่นละออง ทำให้การทำงานของเครื่องมีเสียงค่อนข้างดัง
- อายุไส้กรองใช้งานได้ไม่ถึง 12 เดือนตามที่ระบุในคุณสมบัติ
- ไม่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนไส้กรองอากาศ
3. เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 4 Lite
เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 4 Lite มีจอแสดงผล LED แสดงค่าฝุ่นละอองได้อย่างชัดเจน มีขนาด 24x24x53 เซนติเมตร น้ำหนัก 4.8 กิโลกรัม เหมาะสำหรับขนาดห้อง 25-43 ตารางเมตร ใช้กำลังไฟฟ้า 33W ประหยัดพลังงานอย่างมาก
ซึ่งใช้ไส้กรอง HEPA สามารถกรองฝุ่นละอองได้ทั่วทุกจุดทั้ง PM2.5 และอนุภาคขนาดเล็กได้ 99.99% โดยอายุไส้กรองอากาศสามารถใช้งานได้ 6 เดือน และควบคุมการใช้ไร้สายได้ผ่าน Application Mi Home หรือ Wi-Fi 2.4GHz ใช้งานได้ทั้ง iOS และ Android
- ไส้กรองอย่าง HEPA สามารถกรองได้ 3 ชั้น PET Pre-Filter, HEPA-Filter และ Carbon-Filter
- จอแสดงผลแบบ OLED แสดงทั้งค่าค่าอากาศ, ความชื้น และอุณหภูมิของห้อง
- ครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 35-60 ตารางเมตร
- รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz
- หากนำไปใช้งานห้องที่กว้างเกิน 60 ตารางเมตร อาจทำให้เครื่องฟอกอากาศทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ และฟอกอากาศไม่ทั่วถึง
- อายุไส้กรองใช้งานได้เพียง 8-12 เดือนเท่านั้น ทำให้ต้องเปลี่ยนไส้กรองอยู่บ่อยครั้ง
- ไม่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนไส้กรองอากาศ
4. เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier Pro
เครื่องฟอกอากาศรองอันดับสุดท้ายกับ Xiaomi Air Purifier Pro เป็นรองจากรุ่น Pro H โดยมีขนาดเครื่อง 26x26x73.5 เซนติเมตร น้ำหนัก 9.7 กิโลกรัม ใช้กำลังไฟฟ้า 66W ครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 35-60 ตารางเมตร
มาพร้อมกับจอแสดงผลแบบ OLED แสดงทั้งค่าค่าอากาศ, ความชื้น และอุณหภูมิของห้อง เป็นต้น นอกจากนี้มีไส้กรองอย่าง HEPA สามารถกรองได้ 3 ชั้นอย่าง PET Pre-Filter, HEPA-Filter และ Carbon-Filter ซึ่งสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ทุกอนุภาค 99.99% อีกทั้งรองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz ทำให้ควบคุมการใช้งานผ่านมือถือได้ทั้ง iOS และ Android อีกด้วย
- ไส้กรองอย่าง HEPA สามารถกรองได้ 3 ชั้น PET Pre-Filter, HEPA-Filter และ Carbon-Filter
- จอแสดงผลแบบ OLED แสดงทั้งค่าค่าอากาศ, ความชื้น และอุณหภูมิของห้อง
- ครอบคลุมพื้นที่ในการกรองอากาศได้ถึง 35-60 ตารางเมตร
- รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz
- หากนำไปใช้งานห้องที่กว้างเกิน 60 ตารางเมตร อาจทำให้เครื่องฟอกอากาศทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ และฟอกอากาศไม่ทั่วถึง
- อายุไส้กรองใช้งานได้เพียง 8-12 เดือนเท่านั้น ทำให้ต้องเปลี่ยนไส้กรองอยู่บ่อยครั้ง
- ไม่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนไส้กรองอากา
5. เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 3H
เดินทางมาถึงอันดับสุดท้ายกับ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 3H มีขนาด 24x24x52 เซนติเมตร และมีน้ำหนัก 6.1 กิโลกรัม ใช้กำลังไฟฟ้า 38W ซึ่งใช้แผ่นกรอง True HEPA สามารถกรองฝุ่นละอองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนได้ 97% แม้กระทั่งฝุ่น PM2.5 ก็ขจัดได้หมดสิ้น และอายุไส้กรองสามารถใช้ได้นาน 6-8 เดือน
มาพร้อมกับจอระบบสัมผัส OLED สามารถใช้งานฟังก์ชันปรับระดับการฟอกอากาศได้ 3 ระดับ ทำให้รับอากาศบริสุทธิ์ด้วยเพียงปลายนิ้วเท่านั้น อีกทั้งรองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz ทำให้ควบคุมการใช้งานผ่านมือถือได้ทั้ง iOS และ Android อีกด้วย
- กำลังไฟค่อนข้างน้อยเพียง 38W ทำให้ประหยัดพลังงาน เหมาะกับใช้ฟอกอากาศเป็นระยะเวลานานต่อเนื่องหลายๆวัน
- แผ่นกรอง True HEPA สามารถกรองฝุ่นละอองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนได้ 97%
- จอระบบสัมผัส OLED ทำให้รับอากาศบริสุทธิ์ด้วยเพียงปลายนิ้วเท่านั้น
- ใช้งานฟังก์ชันปรับระดับการฟอกอากาศได้ 3 ระดับ
- รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 2.4Ghz
- ระยะเวลาในการใช้งานของไส้กรอง 6-8 เดือนค่อนข้างน้อย ทำให้ต้องเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้ง
- ไม่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนไส้กรองอากาศ
- ขณะใช้งานมีเสียงเครื่องทำงานค่อนข้างดัง
เครื่องฟอกอากาศสามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิดได้จริงหรือ?
หากพูดถึงหลักความเป็นจริง “ไม่มีเครื่องฟอกอากาศใด สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้แบบ 100%” ซึ่งคุณไม่ควรให้เครื่องฟอกอากาศมาเป็นด่านแรกที่ใช้ในการป้องกันเชื้อไวรัส ถึงแม้ว่าเครื่องจะมีแผ่นกรอง HEPA ที่ถูกออกแบบมาให้ตรวจจับสิ่งสกปรกขนาดเล็กระดับโอไมครอน หรือ PM2.5 ได้ ซึ่งจับได้เชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้บางส่วนเท่านั้น เช่น เชื้อโรคและเชื้อราที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ เป็นต้น
แต่ไม่การันตี 100% ซึ่งการป้องกันเชื้อไวรัสควรเริ่มจากตัวเราเอง เพราะมีประสิทธิภาพในการป้องกันมากที่สุด โดยหมั่นใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกสถานที่ มีระยะห่างกับผู้คน 2 เมตร รวมไปถึงหมั่นล้างมือทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงจากเชื้อไวรัสโควิดได้มากที่สุดนั่นเอง
วิธีเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี ให้เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด
1. ขนาดห้อง
การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี ควรเลือกซื้อให้เหมาะสมกับขนาดของห้องที่นำไปใช้ เพื่อให้ได้อากาศที่บริสุทธิ์ และสามารถฟอกอากาศได้อย่างทั่วถึง
โดยเราขอแนะนำให้คุณเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่สามารถฟอกอากาศได้ครอบคลุมพื้นที่เกิน 65 ตารางเมตร เพราะจัดเป็นเครื่องฟอกอากาศที่คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งสามารถกรองและฟอกอากาศได้อย่างทั่วถึงทุกมุมห้องอย่างแน่นอน
2. คุณภาพแผ่นกรอง
แน่นอนว่าการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศมีความสำคัญในการฟอกอากาศ กรองฝุ่นละอองและขจัดเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันมีมลพิษอย่างฝุ่น PM2.5 และเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสต่างๆ จึงทำให้เครื่องฟอกอากาศเป็นสิ่งสำคัญที่ควรมีไว้ในครัวเรือน
เมื่อเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศต้องดูคุณภาพแผ่นกรองที่เป็นระบบ HEPA และกรอง 3 ชั้นขึ้นไป เพราะเป็นคุณภาพแผ่นกรองที่สามารถกรองฝุ่นละอองได้อย่างหมดจด รวมไปถึงขจัดเชื้อโรคแบคทีเรียและเชื้อไวรัสได้อีกด้วย
3. ระบบเซนเซอร์
หากเครื่องฟอกอากาศมีระบบเซนเซอร์ที่ดีก็ทำให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตามไปด้วย จึงต้องมีระบบเซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่ไม่พึงประสงค์อยู่เสมอ
ซึ่งเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi ทุกรุ่นมีระบบเซนเซอร์อัจฉริยะที่สามารถจับฝุ่นละอองได้ทุกอนุภาคแม้กระทั่ง PM2.5 ทำให้เครื่องทำงานอัตโนมัติตามคุณภาพอากาศที่ตรวจจับได้ ส่งผลให้ผู้ใช้งานได้รับอากาศที่สดชื่นและบริสุทธิ์แน่นอน
4. อายุการใช้งานแผ่นกรอง
เนื่องจากการใช้งานแผ่นกรองก็มีอายุการใช้งานเป็นเรื่องปกติทั่วไป ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่และคุณภาพของตัวเครื่องด้วย หากถามความคุ้มค่าในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ
เราขอแนะนำเลือกเครื่องที่มีอายุการใช้งานของแผ่นกรองเกิน 12 เดือนขึ้นไป เพราะมีความคุ้มค่ามากที่สุด ไม่ต้องซื้อเปลี่ยนบ่อย ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
5. ฟังก์ชันเสริม
หากคุณเป็นคนที่ต้องการความสะดวกสบาย จำเป็นต้องเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีฟังก์ชันเสริมอย่าง ควบคุมการทำงานระยะไกลเช่น เชื่อมต่อผ่านระบบไร้สายอย่าง Wi-Fi หรือ Application Mi HOME และต้องรองรับระบบปฏิบัติการ iOS และ Android เพื่อให้การใช้งานทั่วถึงมากที่สุดอีกด้วย
บทสรุปเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี อากาศบริสุทธิ์ ปี 2024
สำหรับบทสรุปเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี เราขอแนะนำเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier Pro H เพราะเป็นรุ่นที่ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุด ซึ่งใช้วัสดุ ABS ทำให้มีความทนทาน ป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี มีขนาด 31x31x73.8 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 9.60 กิโลกรัม โดยสามารถกรองและฟอกอากาศได้ครอบคลุมพื้นที่ขนาดห้องถึง 72 ตารางเมตร เพียงซื้อเครื่องครั้งเดียวก็สามารถใช้งานได้หลายห้องภายในบ้าน โดยมีจอแสดงผล OLED บอกค่าความชื้น, คุณภาพอากาศ และอุณหภูมิ
มาพร้อมกับไส้กรอง HEPA ขนาดใหญ่ที่กรองได้ถึง 3 ชั้น ทำให้ผู้ใช้งานได้รับอากาศที่บริสุทธิ์และขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้สิ้นซาก ส่งผลให้ได้รับอากาศที่สดชื่น นอกจากนี้รองรับการใช้งานผ่าน Wi-Fi 2.4GHz เชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน iOS และ Android จัดเป็นเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi ที่คุ้มค่าที่สุดในการใช้งานอย่างแน่นอน