หากกล่าวถึงอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ได้รับความนิยม และเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ต้องการตัวเลือก ในการใช้เพื่อออกกำลังกายจากที่บ้านอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และสามารถใช้งานได้กับทุกคนภายในบ้าน ลู่วิ่งน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับสายสุขภาพในยุคนี้แล้ว จากลักษณะของการออกกำลังกายแบบวิ่ง ที่เหมาะสำหรับทุกช่วงวัย และราคาของสินค้าที่ไม่ได้สูงมากจนเกินไปในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ในวันนี้เราอยากจะแนะนำว่าคุณควรเลือกซื้อ ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี หากต้องการให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่ากับเงินของคุณมากที่สุดในปี 2024 นี้
10 ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี
- ลูวิ่งไฟฟ้า Amazfit Airrun Smart Treadmill
- ลูวิ่งไฟฟ้า Johnson T101
- ลูวิ่งไฟฟ้า OVICX i1
- ลูวิ่งไฟฟ้า KINGSMITH R1 PRO
- ลูวิ่งไฟฟ้า Dobetters T910
- ลูวิ่งไฟฟ้า Tempo T11
- ลูวิ่งไฟฟ้า WXB EP-A600
- ลูวิ่งไฟฟ้า KEEP GOING MAX Treadmill
- ลูวิ่งไฟฟ้า B&G M2
- ลูวิ่งไฟฟ้า Dobetters S019
- การพับเก็บที่รวดเร็วเพียง 5 วินาที
- ลำโพง JBL สำหรับใช้รับชมคอนเทนต์
- สายพานมีความกว้างมากเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับขนาด
- สามารถเชื่อมต่อการแสดงผลข้อมูลกับสมาร์ทวอชท์ได้
- ประหยัดพลังงานได้มากขึ้นจากฟีเจอร์ที่ไม่มากจนเกินไป
- หน้าจอแสดงผลข้อมูลการออกกำลังกายอย่างครบถ้วน
- การพับเก็บช่วยประหยัดพื้นที่
- ระบบรองรับแรงกระแทก Variable Response Cushioning
- โปรแกรมการออกกำลังกาย 41 โปรแกรม
- รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 124 กิโลกรัม
ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี 2024
ต่อไปคือ 10 รุ่นของลู่วิ่งไฟฟ้าที่ดีที่สุด ที่ให้คุณสามารถเลือกใช้งานได้ในปีนี้
1. Amazfit Airrun Smart Treadmill
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Amazfit Airrun Smart Treadmill |
ขนาด | – |
น้ำหนัก | – |
รองรับน้ำหนักสูงสุด | – |
ขนาดพื้นที่วิ่งบนสายพาน | 130 x 50 เซนติเมตร |
ความเร็ว | – |
ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี รุ่นแรก Amazfit Airrun Smart Treadmill เป็นลู่วิ่งที่จะทำให้คุณสามารถออกกำลังกายได้ง่าย และเพลิดเพลินได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยลักษณะของการออกแบบภาพรวมที่เรียบง่าย ทำให้ไม่มีหน้าจอแสดงผลที่มีขนาด หรือปุ่มสั่งการต่าง ๆ มากจนเกินไป ไปจนถึงการออกแบบส่วนอื่น ๆ มาพร้อมส่วนประกอบเบื้องต้น ช่วยให้คุณสามารถทำการวิ่งได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาที หลังจากที่ทำการติดตั้งและใช้งานเท่านั้น ที่สำคัญยังมีส่วนที่น่าสนใจอื่น ๆ อย่างการติดตั้งลำโพง Build-in ของทาง JBL มาให้ สำหรับการเปิดเล่นคอนเทนต์ประเภทต่าง ๆ และรูปแบบการพับเก็บที่เรียบง่าย ภายในระยะเวลาเพียง 5 วินาทีอีกด้วย
- การพับเก็บที่รวดเร็วเพียง 5 วินาที
- ลำโพง JBL สำหรับใช้รับชมคอนเทนต์
- สายพานมีความกว้างมากเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับขนาด
- สามารถเชื่อมต่อการแสดงผลข้อมูลกับสมาร์ทวอชท์ได้
- ประหยัดพลังงานได้มากขึ้นจากฟีเจอร์ที่ไม่มากจนเกินไป
- ไม่มีโหมดการใช้งานให้เลือกปรับได้
- หน้าจอแสดงผลไม่มีการแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการออกกำลังกาย
2. Johnson T101
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Johnson T101 |
ขนาด | 180 x 85 x 148 เซนติเมตร |
น้ำหนัก | – |
รองรับน้ำหนักสูงสุด | 124 กิโลกรัม |
ขนาดพื้นที่วิ่งบนสายพาน | 140 x 51 เซนติเมตร |
ความเร็ว | 0.8 – 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง |
ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ลำดับต่อไปเป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายแบบลู่วิ่งไฟฟ้า ที่มีจุดเด่นสำคัญและเรื่องที่น่าสนใจมากมาย ถูกออกแบบและติดตั้งมาให้ ซึ่งเรื่องที่โดดเด่นที่สุด คือ การมีโปรแกรมการออกกำลังกายมากกว่า 41 โปรแกรม ที่คุณจะสามารถเลือกปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งานลักษณะต่าง ๆ เช่น ระยะเวลาการออกกำลังกาย, สภาพร่างกาย, การนับแคลลอรี่ หรือการเริ่มต้นการทำงานอัตโนมัติทันที เป็นต้น ทำให้ตัวเครื่องสามารถใช้งานได้รอบด้านกับทุกคนภายในบ้าน ส่วนเรื่่องอื่นนั้นก็จะเป็นการแสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับการออกกำลังกาย ที่ให้คุณสามารถเห็นได้อย่างครบถ้วนในระหว่างการวิ่ง และการพับเก็บที่จะทำให้ประหยัดพื้นที่ได้มากขึ้น หลังการออกกำลังกายเสร็จสิ้น
- หน้าจอแสดงผลข้อมูลการออกกำลังกายอย่างครบถ้วน
- การพับเก็บช่วยประหยัดพื้นที่
- ระบบรองรับแรงกระแทก Variable Response Cushioning
- โปรแกรมการออกกำลังกาย 41 โปรแกรม
- รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 124 กิโลกรัม
- ความเร็วในการวิ่งสูงสุดเพียง 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- ไม่มีช่องสำหรับวางหรือใส่ของ
3. OVICX i1
แบรนด์และรุ่นสินค้า | OVICX i1 |
ขนาด | 146 x 78.5 x 110 เซนติเมตร |
น้ำหนัก | 59 กิโลกรัม |
รองรับน้ำหนักสูงสุด | 120 กิโลกรัม |
ขนาดพื้นที่วิ่งบนสายพาน | 120 x 46 เซนติเมตร |
ความเร็ว | 1 – 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมง |
ลูวื่งไฟฟ้าตัวนี้ถูกออกแบบมาอย่างแตกต่างและน่าสนใจ ด้วยดีไซน์โดยรวมที่มีความทันสมัย และอำนวยความสะดวกให้กับการวิ่งได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการขยับส่วนควบคุมให้เลื่อนออกไปข้างหน้า ทำให้ช่วยป้องกันการสัมผัสโดยบังเอิญ จนส่งผลให้เกิดการสะดุดล้มหรือบาดเจ็บได้ดีมากยิ่งขึ้น ส่วนจุดเด่นที่น่าสนใจหลัก ๆ จะมาจากการใช้งานมอเตอร์ 3.0 แรงม้า ที่มีความทนทานและประสิทธิภาพสูง ช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับการทำงานของโหมดการออกกำลังกานได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้กำลังไฟฟ้าเพียง 930 วัตต์ และตัวหน้าจอหรือส่วนควบคุมการทำงาน ที่เป็นแบบ LED และไม่ได้มีการติดตั้งปุ่มสั่งการมาให้คุณมากจนเกินไปนั่นเอง
- ฟังก์ชันการชาร์จไฟผ่านพอร์ต USB
- ดีไซน์การออกแบบทันสมัยไม่เกะกะระหว่างวิ่ง
- การใช้กำลังไฟฟ้าต่ำเพียง 930 วัตต์
- หน้าจอแสดงผลที่ใช้งานง่ายและสะดวก
- การรองรับน้ำหนัก 120 กิโลกรัม
- สายพานวิ่งมีขนาดค่อนข้างเล็ก
- น้ำหนักโดยรวมมากถึง 59 กิโลกรัม
4. KINGSMITH R1 PRO
แบรนด์และรุ่นสินค้า | KINGSMITH R1 PRO |
ขนาด | 148 x 79.2 x 106 เซนติเมตร |
น้ำหนัก | 33 กิโลกรัม |
รองรับน้ำหนักสูงสุด | 110 กิโลกรัม |
ขนาดพื้นที่วิ่งบนสายพาน | 120 x 44 เซนติเมตร |
ความเร็ว | 0.5 – 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง |
ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ลำดับต่อมา KINGSMITH R1 PRO เป็นลู่วิ่งระบบไฟฟ้าที่มีจุดเด่นอยู่ที่น้ำหนักเบา ทำให้เคลื่อนย้ายการจัดวางได้สะดวก และพับเก็บได้ง่ายดายในทันทีหลังการเลิกใช้งาน ซึ่งสนับสนุนส่วนนี้ของการใช้งานได้ ด้วยการมีลักษณะการพับที่ทำได้ง่ายและรวดเร็ว ไปจนถึงการติดตั้งล้อมาให้บริเวณด้านล่าง สำหรับเรื่องของการปรับแต่งและควบคุมการออกกำลังกาย จะทำได้ผ่านหน้าจอแสดงผลระบบ LED และการใช้งานรีโมทคอนโทรลและแอปพลิเคชัน เพราะฉะนั้นจึงถือว่ามีความหลากหลายอย่างมาก ส่วนระดับความเร็วและโหมดการใช้งาน คุณก็ยังไม่จำเป็นจะต้องวุ่นวาย จากการถูกติดตั้งโหมดมาตรฐานและโปรมาให้เลือกได้ตั้งแต่เบื้องต้นด้วยเช่นกัน
- วัสดุโลหะที่แข็งแรงทนทาน
- การปรับแต่งและเริ่มต้นการออกกำลังกายผ่านโหมดที่เรียบง่าย
- การออกแบบที่เรียบง่ายและหรูหรา
- การควบคุมการทำงานที่หลากหลาย
- การเคลื่อนย้ายและพับเก็บที่ทำได้ง่าย
- สามารถรองรับน้ำหนักได้ต่ำกว่าหลาย ๆ รุ่น
- บริเวณด้ามจับในการออกกำลังกายไม่มีฟังก์ชันถูกติดตั้งมาให้
5. Dobetters T910
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Dobetters T910 |
ขนาด | 166 x 735 x 132 เซนติเมตร |
น้ำหนัก | 71 กิโลกรัม |
รองรับน้ำหนักสูงสุด | 130 กิโลกรัม |
ขนาดพื้นที่วิ่งบนสายพาน | 120 x 46 เซนติเมตร |
ความเร็ว | 0.8 – 14 กิโลเมตรต่อชั่วโมง |
Dobetters T910 เป็นคำตอบที่ดีอย่างมาก หากคุณกำลังมีคำถามว่าควรเลือกใช้งานลู่วิ่งไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี จึงจะสามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุม ในช่วงราคาที่ดีที่สุดสำหรับการใช้ในระยะยาว เนื่องจากลู่วิ่งตัวนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นลักษณะของลู่วิ่งทั่วไป ที่มีการติดตั้งฟังก์ชันต่าง ๆ มาอย่างครบครัน และใกล้เคียงกันกับลู่วิ่งที่มีช่วงราคาสูง ไม่ว่าจะเป็นส่วนควบคุมการทำงาน, มาตรฐานความปลอดภัย หรือแม้แต่ส่วนสนับสนุนการใช้งานต่าง ๆ ก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการเลือกใช้วัสดุโลหะ ที่ถูกวิจัยมาเป็นอย่างดีในการผลิตโครงสินค้า ก็ทำให้การรองรับน้ำหนัก จะสามารถทำได้มากถึง 130 กิโลกรัม ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจากหลาย ๆ รุ่นอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
- การรองรับน้ำหนักสูงถึง 130 กิโลกรัม
- การปรับความชันทั้งหมด 6 ระดับ
- มอเตอร์การทำงานความแรงสูง 40 แรงม้า
- ฟังก์ชันการออกกำลังกายและความปลอดภัยที่ครอบครัน
- พื้นที่สำหรับวางอุปกรณ์และสิ่งของต่าง ๆ
- น้ำหนักสูงถึง 71 กิโลกรัม
- ใช้พื้นที่การจัดวางค่อนข้างมาก
6. Tempo T11
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Tempo T11 |
ขนาด | – |
น้ำหนัก | – |
รองรับน้ำหนักสูงสุด | 125 กิโลกรัม |
ขนาดพื้นที่วิ่งบนสายพาน | 135 x 45.8 เซนติเมตร |
ความเร็ว | 0.8 – 16 กิโลเมตรต่อชั่วโมง |
ลู่วิ่งไฟฟ้ารุ่นนี้เป็นตัวเลือกสำหรับการใช้งานภายในบ้าน เพื่อการออกกำลังกายของคนในครอบคลุม ที่อยู่อาศัยร่วมกันทั้งสำหรับเด็ก, วัยรุ่น, ผู้ใหญ่ ไปจนถึงผู้สูงอายุ ด้วยความเร็วของการเลื่อนสายพานวิ่ง ที่ทำได้ตั้งแต่ 0.8 ถึง 16 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และการเลือกใช้งานโหมดออกกำลังกายสำเร็จรูป ที่ก็ได้ถูกติดตั้งมาให้ถึง 7 โปรแกรม ส่วนระดับความชันของการวิ่ง ก็ทำได้สูงสุดถึง 10% อีกด้วย นอกจากนี้หากกล่าวถึงด้านของความคุ้มค่า รุ่นนี้ก็ถือว่าสามารถทำได้ดีในด้านการรับประกัน ทั้งจากการรับประกันมอเตอร์ 5 ปี และโครงสร้างที่ให้มากยาวนานถึง 3 ปีด้วยนั่นเอง
- สามารถพับเก็บให้ประหยัดพื้นที่ได้
- การรองรับน้ำหนักผู้ใช้งานสูงกว่าสินค้าทั่วไปที่ 125 กิโลกรัม
- ส่วนประกอบของการใช้งานถูกติดตั้งมาให้อย่างครบครัน
- การรับประกันยาวนานสุดถึง 5 ปี
- สามารถใช้งานได้กับทุกช่วงวัย
- โปรแกรมการใช้งานสำเร็จรูปเพียง 7 รูปแบบ
7. WXB EP-A600
แบรนด์และรุ่นสินค้า | WXB EP-A600 |
ขนาด | 120 x 63 x 102 เซนติเมตร |
น้ำหนัก | 32 กิโลกรัม |
รองรับน้ำหนักสูงสุด | 130 กิโลกรัม |
ขนาดพื้นที่วิ่งบนสายพาน | 110 x 52 เซนติเมตร |
ความเร็ว | – กิโลเมตรต่อชั่วโมง |
WXB EP-A600 เป็นหนึ่งในรุ่นของเครื่องวิ่งออกกำลังกายไฟฟ้าที่น่าสนใจ หากคุณจำกัดงบประมาณไว้ในช่วงราคาไม่เกิน 10,000 บาท จากจุดเด่นมากมายที่น่าสนใจ ซึ่งประกอบด้วยการมาพร้อมระบบดูดซับแรงกระแทกและโต้ตอบแบบ 6 ไดร์ฟ ที่จะช่วยลดอาการบาดเจ็บในระหว่างการวิ่งให้ได้มากที่สุด, โปรแกรมมัลติรันนิ่งที่จะคอยปรับเปลี่ยนการออกกำลังกาย ให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของทุกคนมากที่สุด, ขนาดลู่วิ่งที่กว้างมากถึง 52 เซนติเมตร ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกให้กับการวิ่ง, การมีแท่นวางหรือช่องเก็บสิ่งต่าง ๆ ถูกติดตั้งมาให้มากมายก และการรองรับน้ำหนักผู้ใช้งานได้สูงสุดถึง 130 กิโลกรัม เป็นต้น
- โปรแกรมปรับเปลี่ยนการออกกำลังกาย
- ระบบซับแรงกระแทกลดความเสียหายในการออกกำลังกาย
- ลู่วิ่งที่มีความกว้าง 52 เซนติเมตร
- การรองรับน้ำหนักสูงถึง 130 กิโลกรัม
- พับเก็บให้ใช้พื้นที่ต่ำสุดได้เพียง 0.2 ตารางเมตร
- ดีไซน์การออกแบบมีความเรียบง่าย
- ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโปรแกรมได้หลากหลายมากนัก
8. KEEP GOING MAX Treadmill
แบรนด์และรุ่นสินค้า | KEEP GOING MAX Treadmill |
ขนาด | 127 x 62 x 118 เซนติเมตร |
น้ำหนัก | – |
รองรับน้ำหนักสูงสุด | 120 กิโลกรัม |
ขนาดพื้นที่วิ่งบนสายพาน | 100 x 38 เซนติเมตร |
ความเร็ว | – |
KEEP GOING MAX Treadmill เป็นลู่วิ่งที่ถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่าย และตอบโจทย์ได้ดีสำหรับคน ที่ไม่ได้กำหนดงบประมาณไว้สูงมากจนเกินไป เพราะเป็นตัวเลือกที่คุณสามารถซื้อได้ในราคาไม่ถึง 5,000 บาท แต่ก็มีฟังก์ชันการทำงานโดยรวม ที่ช่วยให้คุณสามารถวิ่งออกกำลังกายได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการปรับระดับความเร็วในการวิ่ง, การปรับความสูงให้เหมาะสมกับความท้าทาย หรือแม้แต่การออกแบบส่วนของรับแรงกระแทก มาให้สนับสนุนการทำงานของมอเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมไปถึงก็ยังเป็นอีกหนึ่งรุ่น ที่พับเก็บให้มีขนาดเล็กลงได้มากเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน
- การจัดเก็บที่ประหยัดพื้นที่ด้วยการติดตั้งล้อและการพับเก็บให้มีขนาดเล็ก
- ระบบตรวจจับข้อมูลที่ครอบคลุมกับการออกกำลังกาย
- ระบบสปริงป้องกันการกระแทก
- มีโหมดการใช้งานให้เลือกปรับได้
- การรองรับน้ำหนักที่เหมาะสมกับการทำงานของมอเตอร์
- พื้นที่สายพานวิ่งค่อนข้างเล็ก
- การใช้งานมอเตอร์เพียง 2.0 แรงม้า
9. B&G M2
แบรนด์และรุ่นสินค้า | B&G M2 |
ขนาด | 127 x 62 x 118 เซนติเมตร |
น้ำหนัก | – |
รองรับน้ำหนักสูงสุด | 120 กิโลกรัม |
ขนาดพื้นที่วิ่งบนสายพาน | 100 x 36 เซนติเมตร |
ความเร็ว | 1 – 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมง |
สำหรับลู่วิ่งไฟฟ้ารุ่นนี้เป็นตัวเลือกของรุ่นราคาประหยัด ที่จะช่วยให้คุณออกกำลังกายในทุกวันได้อย่างคุ้มค่า ด้วยการทำงานของมอเตอร์ 2.0 แรงม้า และการออกแบบโครงสร้างมาเป็นแบบโลหะ ที่จะทำให้การรองรับน้ำหนักทำได้สูงสุดถึง 120 กิโลกรัม ในขณะที่การปรับความเร็วในการวิ่งนั้น จะทำได้ตั้งแต่ 1 ถึง 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนความชันก็ยังเลือกปรับได้มากถึง 3 ระดับ ที่สำคัญการตรวจสอบข้อมูลสุขภาพต่าง ๆ ระหว่างการวิ่ง ก็ยังสามารถเลือกทำได้อย่างครบถ้วน และยังมีระบบ Safety Key เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับการออกกำลังกานได้มากที่สุดอีกด้วย
- ระบบ Safety Key สำหรับป้องกันอันตรายในการออกกำลังกาย
- การปรับความชันในการวิ่ง 3 ระดับ
- หน้าจอแสดงผล LED ที่มีรายละเอียดต่าง ๆ ครบถ้วน
- น้ำหนักโดยรวมเพียง 29 กิโลกรัม
- บริเวณโครงสร้างด้านหน้าเป็นแบบแยกส่วนประกอบติดตั้งที่รองรับน้ำหนักได้มั่นคง
- มอเตอร์ที่มีความแรงเพียง 2.0 แรงม้า
- ความเร็วในการวิ่งสูงสุดเพียง 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
10. Dobetters S019
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Dobetters S019 |
ขนาด | 110 x 115 x 55 เซนติเมตร |
น้ำหนัก | 16 กิโลกรัม |
รองรับน้ำหนักสูงสุด | 180 กิโลกรัม |
ขนาดพื้นที่วิ่งบนสายพาน | 95 x 35 เซนติเมตร |
ความเร็ว | – |
ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี รุ่นสุดท้ายเป็นลู่วิ่งไฟฟ้าที่เหมาะสำหรับคน ที่มีน้ำหนักของร่างกายมากเป็นพิเศษ และกำลังมองหาตัวช่วยที่น่าสนใจ สำหรับการใช้เพื่อลดน้ำหนักจากที่บ้านด้วยการวิ่ง ภายในราคาที่ไม่สูงมากเท่าไหร่นัก เนื่องจากถึงแม้จะมีขนาดของลู่วิ่ง ที่ต่ำกว่ามาตรฐานเล็กน้อย เพื่อให้มีขนาดที่เล็กและจัดวางได้อย่างประหยัดพื้นที่ แต่ก็ยังสามารถรองรับน้ำหนักของผู้ใช้งานได้สูงสุดถึง 180 กิโลกรัม ด้วยการวางโครงสร้างที่ยอดเยี่ยม และวัสดุที่เลือกใช้งานเป็นแบบท่อโลหะคุณภาพยอดเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้นส่วนที่น่าสนใจอื่น ๆ ก็ยังจะประกอบด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ ในการใช้เพื่อบิดเอวหรือซิทอัพมาให้ใช้งานได้ในตัวเดียวด้วยนั่นเอง
- การรองรับน้ำหนักสูงสุด 180 กิโลกรัม
- น้ำหนักต่ำเพียง 16 กิโลกรัม
- อุปกรณ์ออกกำลังกายถูกติดตั้งมาให้หลากหลาย
- ขนาดเล็กใช้พื้นที่จัดวางน้อย
- โครงสร้างที่แข็งแรงทนทานยอดเยี่ยม
- ฟังก์ชันการใช้งานเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ
- ขนาดลู่วิ่งค่อนข้างเล็ก
วิธีเลือกซื้อ
1. เลือกจากพื้นที่ที่ต้องการจัดวาง
ลู่วิ่งไฟฟ้าถือเป็นอุปกรณ์ออกกำลังกาย ที่ค่อนข้างมีขนาดใหญ่อย่างมาก ถึงแม้จะสามารถทำได้เพียงการวิ่ง หรือเดินเพื่อออกกำลังกายก็ตาม ทำให้การเลือกซื้อเพื่อใช้งานภายในบ้าน เรื่องที่มีความสำคัญที่สุด จึงเป็นขนาดที่มีผลโดยตรงต่อพื้นที่การจัดวาง เพราะขนาดบ้านหรือพื้นที่พักอาศัยของคนเรา จะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละครอบครัว ซึ่งในปัจจุบันจากการที่สินค้าประเภทนี้ ได้มีการออกแบบและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
จึงทำให้มีตัวเลือกจำนวนไม่น้อย ที่มีขนาดเล็กลงและใช้งานได้ ด้วยการจัดวางภายในพื้นที่เล็ก ๆ ของบ้านเท่านั้น ส่งผลให้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตัวสินค้า ได้รับความนิยมในการเลือกซื้อของผู้คนทั่วไป นอกจากช่วงราคาวางจำหน่ายที่ลดลงด้วยนั่นเอง อย่างไรก็ตามคุณจะต้องตรวจสอบขนาดสินค้า ที่แตกต่างกันออกไปเสียก่อน เพื่อให้คุณจัดวางภายในบ้านและใช้งานได้อย่างไม่เกะกะมากจนเกินไป แต่คุณก็จำเป็นต้องคำนึงถึงความหลากหลายของการใช้งาน ที่เป็นผลมาจากฟีเจอร์ต่าง ๆ ด้วยพร้อมกัน
2. เลือกจากความหลากหลายต่อผู้ใช้งาน
ความหลากหลายในการใช้งานลู่วิ่งไฟฟ้านั้น จะมีความแตกต่างกันออกไปได้ในหลายส่วน ซึ่งคุณจะต้องตรวจสอบเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมตามความต้องการมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการรองรับน้ำหนักของผู้ใช้งาน ที่เป็นผลมาจากโครงสร้างของวัสดุในการผลิต ซึ่งในบางรุ่นก็จะมีการกล่าวไว้อย่างชัดเจน ในรายละเอียดของสินค้าแต่ละรุ่นด้วยเช่นกัน
โดยที่สิ่งนี้นับเป็นเรื่องพื้นฐาน ที่คุณจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน ว่าตัวเครื่องสามารถรองรับกับน้ำหนักของคุณได้ เนื่องจากมีผลโดยตรงในด้านของความปลอดภัย ระหว่างที่คุณกำลังใช้งานลู่วิ่งในการออกกำลังกาย ส่วนอีกหนึ่งกรณีของการพิจารณานั้น ก็จะเป็นในรูปแบบที่คุณจะต้องใช้งานตัวเครื่องกับคนหลากหลายช่วงวัย ซึ่งคุณก็จะต้องเลือกรุ่นที่มีโปรแกรม, หรือการปรับเปลี่ยนความสูง และการปรับระดับความเร็วของการวิ่ง ให้เข้ากันกับแต่ละช่วงวัยมากที่สุดด้วยนั่นเอง
3. เลือกจากความปลอดภัยในการใช้งาน
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้งานอุปกรณ์ออกกำลังกายทุกรูปแบบ คือ ความปลอดภัยที่คุณจะได้รับ ในระหว่างการใช้งานอุปกรณ์ตัวนั้น ซึ่งสิ่งที่ถือเป็นเรื่องแรกในส่วนนี้ ก็มาจากการเลือกตามการรองรับน้ำหนัก ที่เป็นผลมาจากโครงสร้างและวัสดุในการผลิต ดังที่เราได้กล่าวไปในหัวข้อที่ผ่านมา โดยที่สิ่งนี้ถือเป็นเรื่องเบื้องต้น ที่เราจะต้องตัดสินใจอยู่แล้ว เพราะมีผลต่อการใช้งานในหลากหลายส่วนนั่นเอง
สำหรับรายละเอียดที่สามารถตรวจสอบได้ ในด้านของความปลอดภัยนั้น คือ การรับรองมาตรฐานต่าง ๆ ที่ตัวสินค้าได้รับทั้งในการผลิตและการใช้งานของลูกค้า ซึ่งโดยทั่วไปนั้นก็มักจะมีการระบุเป็นตราสัญลักษณะ ที่อยู่ภายในบรรจุภัณฑ์หรือรายละเอียดของสินค้าบนช่องทางออนไลน์อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยอื่น ๆ ที่คุณจะต้องเลือกในการใช้งานลู่วิ่งไฟฟ้านั้น ก็ยังจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญถึงปุ่มกดสั่งหยุดการทำงาน ที่จะทำให้ตัวเครื่องหยุดทันทีในระหว่างที่เกิดการล้มหรืออุบัติเหตุอื่น ๆ ขึ้นมาด้วยนั่นเอง
4. เลือกจากการรับประกันสินค้า
เนื่องจากลู่วิ่งไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ออกกำลังกาย ที่ค่อนข้างมีราคาขายสูงเป็นส่วนใหญ่ และเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มักจะต้องถูกใช้งานในระยะยาว ทำให้หนึ่งในสิ่งสำคัญที่มีผลอย่างมาก ต่อการเลือกซื้อและใช้งานตัวเครื่องให้คุ้มค่า จะเป็นการรับประกันที่ถูกแถมมาให้ ซึ่งสินค้าประเภทนี้มักจะมีความหลากหลายค่อนข้างสูง เพราะส่วนประกอบต่าง ๆ จะมีความทนทาน และอายุการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป
จึงทำให้คุณจะต้องให้ความสนใจทีละส่วน เพื่อทำการเปรียบเทียบให้มีคุณภาพได้มากที่สุด ส่วนเรื่องของการรับประกันที่คุณสามารถตรวจสอบได้นั้น จะเกี่ยวข้องกันกับเงื่อนไขและระยะเวลาของโครงสร้าง, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ อย่างลำโพง, ชิ้นส่วนที่ถูกใช้งานเป็นหลักอย่างสายพาน, ชิ้นส่วนอื่น ๆ ภายในตัวเครื่อง และการรับประกันภาพรวมสินค้า ที่หากเกิดความเสียหาย คุณก็จะสามารถทำการเปลี่ยนตัวใหม่ได้ หากอยู่ภายในระยะเวลาของการรับประกัน
เคล็คลับวิธีการเลือก ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี อย่างไร ?
ลู่วิ่งไฟฟ้า ที่มีจำหน่ายนั้นมีมากมายหลายแบบ หลากหลายฟังก์ชัน หลายยี่ห้อ และหลากหลายราคา เพื่อเป็นการช่วยคุณประหยัดเงินในกระเป๋าหลักพันถึงหลักหมื่น สิ่งที่คุณควรพิจารณาก่อน เคล็บลับการเลือก ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี มีดังนี้
1. ความแรงของมอเตอร์
หน่วยวัดกำลังของมอเตอร์วัดเป็นแรงม้า โดยแรงม้าของลู่วิ่งที่ใช้ในบ้านส่วนใหญ่จะมีแรงม้าอยู่ที่ 1-3 แรงม้า ซึ่งเป็นระดับที่เพียงต่อการใช้งานทั่วไป ซึ่งระดับที่ 1 แรงม้านั้นเหมาะสำหรับการเดินเร็วและการจ๊อกกิ้งเบาๆ และระดับ 2-3 แรงม้าสำหรับการวิ่งที่เร็วและแรงขึ้น
สำหรับลู่วิ่งไฟฟ้าที่ใช้ในฟิตเนสนั้นจะมีแรงม้าที่ประมาณ 4-5 แรงม้าขึ้นไป เนื่องจากใช้งานหลายคนดังนั้นมอเตอร์ควรต้องมีขนาดใหญ่ เพื่อให้ได้วิธีการเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่คุ้มค่า คุณควรเลือกแรงม้าที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ เพราะหากยิ่งเลือกแบบที่มีแรงม้าที่มากขึ้นนั่นก็หมายถึงราคาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามมา
2. พื้นที่วิ่ง
พื้นที่วิ่งคือส่วนที่เท้าสัมผัสหรือขนาดสายพาน (ไม่รวมบริเวณขอบพักของลู่วิ่งไฟฟ้า) วัดค่าเป็นเซนติเมตร กว้าง x ยาว ข้อนี้เป็นข้อสำคัญที่คุณควรพิจารณาทุกครั้งและนำมาทำการเปรียบเทียบในการเลือกซื้อ โดยคุณต้องสอบถามผู้จำหน่ายถึงขนาดพื้นที่วิ่งที่แท้จริง เพราะมีผู้จำหน่ายหลายรายมักให้ข้อมูลของขนาดพื้นที่วิ่งที่รวมขนาดของขอบพักของลู่วิ่งไฟฟ้าเข้าไปด้วย ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจผิดว่าลู่วิ่งไฟฟ้านั้นมีพื้นที่วิ่งขนาดใหญ่เป็นพิเศษ
เช่นเดียวกันกับแรงม้าขนาดลู่วิ่งไฟฟ้ายิ่งมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ ราคาก็ย่อมเพิ่มขึ้นตามขนาดเช่นกัน สำหรับขนาดของลู่วิ่งไฟฟ้านั้นไม่ได้มีขนาดที่ fix เป็นมาตราฐานเหมือนกับไซส์เสื้อ การเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าแต่ละรุ่นย่อมมีขนาดแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ
3. ความกว้าง
เป็นหน่วยวัดความสบายของพื้นที่การวิ่ง ยิ่งมีพื้นที่กว้างคุณยิ่งรู้สึกสบายและไม่อึดอัดในการวิ่งบนลู่ โดยแนะนำให้เลือกพื้นที่ขนาดของลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีความกว้างไม่ต่ำกว่า 40 เซนติเมตร
4. ความยาว
เป็นหน่วยวัดความสูงของผู้วิ่ง โดยคนที่สูงนั้นขาก็ยิ่งยาวและการก้าวเท้าก็ยาว ดังนั้นควรเลือกขนาดของลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีความยาวเหมาะสม สำหรับคนที่มีความสูง 180 เซนติเมตรขึ้นไปนั้นควรเลือกประเภทมีความยาวไม่ต่ำกว่า 140 เซนติเมตร
นอกจากนี้ความยาวยังใช้สำหรับการพิจารณาเลือกเพื่อจุดประสงค์ในการใช้งาน โดยสำหรับคนที่ใช้สำหรับการเดินออกกำลังกายบนลู่นั้นควรเลือกความยาวไม่ต่ำกว่า 100 เซนติเมตร และสำหรับคนที่ใช้วิ่งทั่วไปนั้นความยาวไม่ควรต่ำกว่า 120 เซนติเมตร
รูปภาพจาก megafitness.in.th
5. ความเร็วของลู่วิ่งไฟฟ้า
ความเร็วลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีหน่วยวัดเป็นกิโลเมตรต่อชั่วชั่วโมง และลู่วิ่งไฟฟ้าทุกตัวนั้นจะมีความเร็วสูงสุดอยู่ โดยลู่วิ่งส่วนมากที่ใช้ในบ้านจะทำความเร็วสูงสุดได้ตั้งแต่ 12 – 22 กิโลเมตร/ชั่วโมง ยิ่งมอเตอร์มีแรงม้ามากก็จะทำความเร็วสูงสุดได้มากขึ้น ดังน้นความเร็วของรู้วิ่งนั้นก็เป็นตัวกำหนดจุดประสงค์ของการออกกำลังกายด้วยเช่นกัน โดยสามารถแยกได้ดังนี
- ความเร็วที่ 0-5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (Zone 1) สำหรับการเดินเร็ว
- ความเร็วที่ 6-9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (Zone 2) สำหรับการจ้อกกิ้ง
- ความเร็วที่ 10-14 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (Zone 3) สำหรับการวิ่งเร็ว
- ความเร็วที่ 15-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (Zone 4) สำหรับการสปริ้น
สำหรับการใช้ออกกำลังที่บ้านโดยทั่วไปนั้นจะนิยมกันที่ความเร็ว 6-10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่หากคุณเป็นคนที่วิ่งออกกำลังกายอย่างจริงจัง คุณอาจต้องพิจารณาที่มีความเร็วเพิ่มมากขึ้น สำหรับการออกกำลังกายลู่วิ่งที่มีความเร็วสูงสุดได้ 14-16 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็กถือว่าเพียงพอแล้วและที่สำคัญคือราคาไม่แพงด้วย
6. สามารถปรับความชันได้
ความชันนั้นจะนับเป็นระดับและสามารถปรับความชันได้ 2 แบบคือ ปรับความชันไฟฟ้า (Auto) และปรับความชันด้วยมือ (Maual) โดยการออกกำลังกายด้วยการวิ่งแบบปรับความชันได้นั้นจะให้ความรู้สึกเหมือนการววิ่งขึ้นภูเขา ยิ่งปรับความชันได้มากเท่าไหร่ยิ่งสามารถเผาผลาญไขมันได้มากเท่านั้น
ส่วนใหญ่ลู่วิ่งไฟฟ้าแบบที่ปรับระดับความชันด้วยไฟฟ้านั้นจะมีราคาที่สูงกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความสะดวกสบายกว่าแบบที่สามารถปรับความชันได้ด้วยมือ ทั้งนี้คุณควรพิจารณาเกี่ยวกับงบประมาณของคุณประกอบในการเลือกซื้อด้วย
7. หน้าจอและโปรแกรมการออกกำลังกาย
รูปลักษณ์ของหน้าจอลู่วิ่งไฟฟ้าแต่ละรุ่นนั้นก็จะถูกออกแบบแตกต่างกันไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่ไม่แตกต่างกันเลยคือฟังก์ชันการใช้งาน โดยทั่วไปแล้วลู่วิ่งไฟฟ้าควรจะมีฟังก์ชันพื้นฐานหลักๆ 6 อย่างคือ ค่าความเร็ว ค่าความชัน จำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญ ระยะทางที่วิ่ง การเต้นของหัวใจ และระยะเวลาในการวิ่ง
นอกจากนี้ลู่วิ่งส่วนมากมักมีลำโพงติดมาด้วยแต่ก็ไม่ใช่ทุกรุ่นที่มี ทั้งนี้คุณต้องตรวจสอบดูให้ดีก่อนเลือกซื้อ นอกจากนี้ลู่วิ่งบางรุ่นบางยี่ห้อก็มีโปรแกรมการวิ่งอัตโนมัติโดยที่คุณไม่ต้องปรับความเร็วหรือความชันเองเลย
8. ความสามารถในการรองรับน้ำหนักตัวของผู้เล่น
ลู่วิ่งแต่ละตัวนั้นสามารถรองรับน้ำหนักได้ไม่เท่ากัน หากคุณต้องการเลือกลู่วิ่งที่ใช้ร่วมกันทั้งบ้าน คุณควรพิจารณาจากน้ำหนักของคนที่มีน้ำหนักมากที่สุดในบ้าน ยิ่งมีน้ำหนักตัวมากเท่าไหร่คุณควรมองหาลู่วิ่งที่มีน้ำหนักตัวเครื่องมากขึ้นเท่านั้น
หากคุณมองหาลู่วิ่งสำหรับใช้เองขอแนะนำว่าให้มองหาลู่วิ่งที่มีน้ำหนักเท่าตัวคุณเป็นอย่างน้อย และควรมีกำลังมอเตอร์ 2.5-3.0 แรงม้า หากคุณมีน้ำหนักตัว 50-70 กิโลกรัม ลู่วิ่งขนาด 2.5 แรงม้าก็เพียงพอสำหรับคุณแล้ว
แต่ถ้าหากคุณมีน้ำหนัก 70-100 กิโลกรัม ควรมองหามอเตอร์ประมาณ 3 แรงม้าขึ้นไป เนื่องจากยิ่งมอเตอร์มีความแรงลู่วิ่งก็จะมีความสามารถลากสายพานรวมถึงน้ำหนักคนวิ่งที่อยู่บนสายพานได้ดี อีกทั้งยังเป็นการช่วยให้มอเตอร์ไม่ทำงานมากเกินไปทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
9. การรับประกัน
ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อคุณต้องตรวจสอบรายละเอียดเงื่อนไขการรับประกันให้ดี โดยคุณสามารถสอบถามเงื่อนไขการรับประกันให้ละเอียดและมีความชัดเจน อาทิ หากเสียแล้วทำอย่างไร การรับประกันชิ้นส่วนไหนบ้าง มีระยะเวลาการรับประกันของแต่ละชิ้นส่วนกี่ปี เมื่อเสียต้องแจ้งซ่อมที่ไหน ใช้ระยะเวลาในการซ่อมกี่วัน เป็นต้น
นอกจากนี้สิ่งที่คุณควรพิจารณาเพิ่มเติมในการเลือกซื้อคือ การบริการหลังการขาย การจัดส่ง รวมถึงการบริการติดตั้ง ซึ่งคุณควรสอบถามหรือหาข้อมูลให้ละเอียดก่อนทุกครั้ง เพื่อเพิ่มอายุการใช้งานของลู่วิ่งไฟฟ้า
ประเภทของลู่วิ่งไฟฟ้า
1. ลู่วิ่งไฟฟ้าทั่วไป
ลู่วิ่งไฟฟ้าประเภทแรกเป็นลู่วิ่งแบบมาตรฐาน ที่เรามักจะพบเห็นกันภายในพื้นที่ฟิตเนส ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์ที่เน้นการใช้งานแบบเฉพาะที่ เนื่องการมีขนาดและน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก จนส่งผลการเคลื่อนย้ายสามารถทำได้ลำบาก แต่ก็จะถูกทดแทนมาด้วยประสิทธิภาพการทำงาน และฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งจากการติดตั้งหน้าจอแสดงผล ที่เพิ่มการใช้งานส่วนควบคุมได้มากยิ่งขึ้น ไปจนถึงการติดตั้งโครงสร้างส่ว่นอื่น ๆ มาให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถสนับสนุนการใช้วิ่งได้ดีกว่าเดิม รวมไปถึงสินค้าส่วนใหญ่ก็ยังจะมีความแข็งแรงทนทานสูง จากการที่จะต้องติดตั้งครั้งเดียว โดยไม่สามารถพับเก็บได้ด้วยนั่นเอง
2. ลู่วิ่งไฟฟ้าแบบพับได้
หากกล่าวถึงลู่วิ่งไฟฟ้าแบบพับได้ จะถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานภายในพื้นที่ที่มีขนาดเล็ก และต้องการประหยัดพื้นที่ใช้สอยในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้หได้มากที่สุด อย่างเช่น บ้าน หรือคอนโดมิเนียมที่ใช้สำหรับการพักอาศัยเป็นหลัก โดยจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของลู่่วิ่งประเภทนี้ แน่นอนว่าคือการจัดเก็บที่ง่ายและประหยัดพื้นที่ ซึ่งก็ช่วยสนับสนุนให้เหมาะกับการใช้งานเป็นครั้งคราวอย่างมากด้วยเช่นกัน ส่วนฟังก์ชันการใช้งานที่ถูกออกแบบมา เพื่อการใช้ในการออกกำลังกายนั้น ก็จะแตกต่างกันออกไปตามช่วงราคา และสิ่งที่ถูกติดตั้งมาให้ในแต่ละรุ่น และยังรวมไปถึงโครงสร้างและส่วนประกอบอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
บทสรุป ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2024
สุดท้ายหากคุณมองหา ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ที่จะใช้งานระยะยาวได้อย่างครอบคลุมและครบครันที่สุด สินค้ารุ่นแรกอย่าง Amazfit Airrun Smart Treadmill จะนับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างแน่นอน ด้วยการมีสายพานวิ่งที่มีขนาดใหญ่ ทำให้คุณสามารถออกกำลังกายได้สะดวก และการติดตั้งลำโพง JBL ที่จะทำให้คุณสามารถฟังเพลงในระหว่างการออกกำลังกายได้อย่างสนุกสนาน อีกทั้งยังสามารถพับเก็บได้รวดเร็วเพียง 5 วินาทีอีกด้วย อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการกำหนดตัวเลือกของลู่วิ่งไฟฟ้า เพื่อเปรียบเทียบและตัดสินใจให้ง่ายดายได้มากยิ่งขึ้น บทความ Amazfit AirRun vs KINGSMITH K15 ของเรา ก็อาจช่วยคุณได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
หากใครที่ชื่นชอบออกกำลังกายนอกบ้านแบบ outdoor เราขอแนะนำบทความเกี่ยวกับ ไม้เทนนิส จักรยานไฟฟ้า จักรยานไฟฟ้าสำหรับผู้ใหญ่ และจักรยานพับได้ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในปัจจุบัน นอกจากจะได้ออกกำลังกายนอกบ้าน รับอากาศบริสุทธ์แล้วยังทำให้สุขภาพดี จิตใจแจ่มใสอีกด้วย