หูฟัง JBL เป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมอันดับต้น ๆ ที่คนทั่วไปมักจะเลือกใช้งานกันในทุกวันนี้ จากชื่อเสียงที่มีมาอย่างยาวนานของทางแบรนด์ และการพัฒนาตัวเลือกของรุ่นใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนในแต่ละไลฟ์สไตล์ มาให้เราสามารถเลือกซื้อและใช้งานกันได้อย่างหลากหลาย แต่จากการที่สินค้าประเภทหูฟังของแบรนด์นี้ ยังคงมีการออกแบบและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยแม้แต่น้อย ที่หลาย ๆ คนมักจะเกิดคำถามขึ้นมาว่า หากต้องต้องการเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด จะต้องเลือกหูฟัง JBL รุ่นไหนดี มาไว้สำหรับการใช้งาน และสิ่งนั้นก็คืออยู่ในหัวข้อต่าง ๆ ที่เรากำลังจะนำมาแนะนำให้กับคุณในวันนี้แล้วนั่นเอง
10 หูฟัง JBL รุ่นไหนดี
- หูฟัง JBL Wave 100 TWS
- หูฟัง JBL C200SI
- หูฟัง JBL Tune Flex
- หูฟัง JBL Wave 200 TWS
- หูฟัง JBL Tune 115BT
- หูฟัง JBL Tune 710 BT
- หูฟัง JBL Quantum 400
- หูฟัง JBL Endurance Run2 BT
- หูฟัง JBL Live Pro2
- หูฟัง JBL Reflect Flow Pro
- ราคากับสเปกที่ถูกจัดมาอย่างคุ้มค่า
- น้ำหนักเบาสวมใส่สบาย
- ขนาดของหูฟังแต่ละข้างค่อนข้างเล็ก
- สามารถเปลี่ยนขนาดของจุกหูได้หลากหลาย
- ระบบตัดเสียงรบกวนประสิทธิภาพสูง
- สีของสินค้ามีความหลากหลาย
- จุกหูฟังที่ถูกแถมมาให้หลากหลายขนาด
- ความทนทานที่มากเป็นพิเศษจากการออกแบบสาย
- น้ำหนักเบาพกพาได้สะดวก
- ปุ่มกดสำหรับควบคุมการทำงานบนตัวสาย
หูฟัง JBL รุ่นไหนดี 2024
สำหรับคนที่ชื่นชอบและกำลังมองหาหูฟัง JBL 10 รุ่นต่อไปนี้จะเป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาดไปเลยแม้แต่น้อยในปี 2024 นี้
1. JBL Wave 100 TWS
แบรนด์และรุ่นสินค้า | JBL Wave 100 TWS |
น้ำหนัก | 46.3 กรัม |
ไดรเวอร์ | 8 mm |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | 20 ชั่วโมง |
ระยะเวลาชาร์จ | 2 ชั่วโมง |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth |
หูฟัง JBL รุ่นไหนดี รุ่นแรกเป็นเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับคนที่กำลังมองหาหูฟัง JBL ที่มีความคุ้มค่ามากที่สุดในช่วงเวลานี้ เนื่องจากเป็นหูฟังแบบไร้สายที่มีราคาจับต้องได้ง่าย แต่มีการออกแบบและติดตั้งฟังก์ชันและสเปกต่าง ๆ มาให้อย่างยอดเยี่ยม ส่งผลให้ใช้งานในไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการทำงานของไดรเวอร์เสียง 8 มิลลิเมตร และชิปเสียงที่ถูกพัฒนามาจากทาง JBL โดยตรง ซึ่งด้วยการใช้งานหูฟังตัวนี้คุณจะสามารถฟังสิ่งต่าง ๆ ได้ในระยะเวลาที่ยาวนานสุด 20 ชั่วโมง ที่จะเป็นแบ่งระยะเวลาหลังนำออกจากเคสชาร์จรอบละ 5 ชั่วโมง และจำนวนการชาร์จเพิ่มจากเคสอีกถึง 3 ครั้ง ที่สำคัญด้วยการมีระบบ Dual Connect ติดตั้งมาให้ ก็ยังช่วยสนับสนุนการฟังเพลงและการสนทนา ให้มีความเงียบได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
- ราคากับสเปกที่ถูกจัดมาอย่างคุ้มค่า
- น้ำหนักเบาสวมใส่สบาย
- ขนาดของหูฟังแต่ละข้างค่อนข้างเล็ก
- สามารถเปลี่ยนขนาดของจุกหูได้หลากหลาย
- ระบบตัดเสียงรบกวนประสิทธิภาพสูง
- ระยะเวลาการใช้งานโดยรวมอาจต่ำกว่าหลาย ๆ รุ่น
- ไม่มีฟีเจอร์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถูกติดตั้งมาให้
2. JBL C200SI
แบรนด์และรุ่นสินค้า | JBL C200SI |
น้ำหนัก | – |
ไดรเวอร์ | – |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | – |
ระยะเวลาชาร์จ | – |
การเชื่อมต่อ | Jack 3.5 mm |
หูฟัง JBL ตัวนี้ถือเป็ฯรุ่นของหูฟังแบบมีสาย ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากแบรนด์นี้ในปัจจุบัน ด้วยจุดเด่นสำคัญอย่างการเป็นสินค้ารุ่นราคาประหยัด ที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้สูง และมีตัวเลือกของสีที่ให้เราเลือกได้ค่อนข้างหลากหลาย ในขณะที่การสร้างเสียงเพื่อส่งออกมา ก็ยังทำได้ดีทั้งในการฟังเพลงและรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ส่วนจุกหูฟังก็ยังมีการแถมมาให้เราสามารถถอดเปลี่ยน หรือปรับขนาดให้เข้ากับใบหูเพื่ออรรถรส และคุณภาพที่สูงสุดได้ด้วยในเวลาเดียวกัน ดังนั้น หากสิ่งที่คุณมองหาเป็นจุดเด่นในเรื่องดังที่เราได้กล่าวไป รุ่นนี้ก็พลาดไปไม่ได้เลยทีเดียว
- สีของสินค้ามีความหลากหลาย
- จุกหูฟังที่ถูกแถมมาให้หลากหลายขนาด
- ความทนทานที่มากเป็นพิเศษจากการออกแบบสาย
- น้ำหนักเบาพกพาได้สะดวก
- ปุ่มกดสำหรับควบคุมการทำงานบนตัวสาย
- อาจใช้งานได้ไม่คล่องตัวมากนักกับบางสถานการณ์
- ไม่มีฟังก์ชันการใช้งานเสริมที่พิเศษ
3. JBL Tune Flex
แบรนด์และรุ่นสินค้า | JBL Tune Flex |
น้ำหนัก | 38.6 กรัม |
ไดรเวอร์ | 12 mm |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | 32 ชั่วโมง |
ระยะเวลาชาร์จ | 2 ชั่วโมง |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth |
สำหรับคนที่ต้องการความแตกต่างและแปลกใหม่ในด้านของดีไซน์ สำหรับหูฟังไร้สายที่สามารถเลือกซื้อได้จากทาง JBL รุ่นนี้ก็ถือว่าพลาดไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ด้วยการมีตัวเลือกของสีและลวดลายที่โฉบเฉี่ยว ออกมาให้เราพิจารณษได้ถึง 4 รูปแบบ ที่ล้วนแล้วแต่เป็น 4 พื้นฐานที่น่าจะตอบโจทย์คนทุกกลุ่มในปัจจุบันได้อย่างครบครันด้วยกันทั้งสิ้น โดยนอกจากดีไซน์การออกแบบที่โดดเด่นแล้ว หูฟังตัวนี้ก็มีจุดเด่นอยู่ที่เรื่องของระยะเวลาการใช้งานสูงสุด 32 ชั่วโมง เมื่อใช้งานร่วมกันกับเคสชาร์จ ทำให้ด้วยการชาร์จแบตเตอรี่เพียงครั้งเดียว ก็จะสามารถใช้ใงานต่อเนื่องได้ยาวนานตลอดหลายวันเลยทีเดียว
- ไมโครโฟนสำหรับสื่อสารและตัดเสียงรบกวน 4 ตัว
- มาตรฐานการกันน้ำ IPX4
- ระบบ Active Noise Cancelling
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด 32 ชั่วโมง
- ตัวเลือกสีหลากหลายรูปแบบ
- น้ำหนักโดยรวมของเคสกับหูฟังค่อนข้างสูงกว่ารุ่นอื่น ๆ
- ตัวหูฟังมีขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับหูฟังประเภทเดียวกัน
4. JBL Wave 200 TWS
แบรนด์และรุ่นสินค้า | JBL Wave 200 TWS |
น้ำหนัก | – |
ไดรเวอร์ | 8 mm |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | 20 ชั่วโมง |
ระยะเวลาชาร์จ | 2 ชั่วโมง |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth |
JBL Wave 200 TWS เป็นหูฟังไร้สายรุ่นมาตรฐานในสไตล์มินิมอลหรูหรา ที่เชื่อมต่อใช้งานได้อย่างมีเสถียรภาพผ่านระบบ Bluetooth 5.0 ซึ่งจุดเด่นในการใช้งานของตัวสินค้า คือ การเน้นระบบการแสดงผลเสียงที่เน้นเบส และมีฟีเจอร์สนับสนุนการใช้งานที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการรองรับการสั่งการทำงานอัตโนมัติด้วยเสียง หรือแม้แต่การออกแบบรูปทรงหูฟัง มาให้รองรับต่อใบหูได้อย่างเหมาะสม ทำให้เกิดโอกาสหลุดร่วงได้ยาก และยังสามารถป้องกันความเสียหายจากความชื้นได้ดีอีกด้วย เพราะฉะนั้นในด้านของความรู้สึกสบายในการสวมใส่ ก็นับว่าทำได้ดีไม่แพ้กันกับรุ่นอื่น ๆ อย่างแน่นอน
- เหมาะสำหรับการพกพาและใช้งาไนด้เพียงพอตลอดวัน
- การออกแบบภายนอกที่หรูหราโมเดิร์น
- ไมโครโฟนแบบ Built-in ภายใน
- การออกแบบรูปทรงที่กระชับกับใบหู
- รองรับการสั่งการทำงานอัตโนมัติด้วยเสียง
- ไม่มีฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนประสิทธิภาพสูง
- ระยะเวลาการใช้งานไม่ยาวนานเมื่อเทียบกับหลาย ๆ รุ่น
5. JBL Tune 115BT
แบรนด์และรุ่นสินค้า | JBL Tune 115BT |
น้ำหนัก | 19.02 กรัม |
ไดรเวอร์ | 8.6 mm |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | 8 ชั่วโมง |
ระยะเวลาชาร์จ | 2 ชั่วโมง |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth |
JBL Tune 115BT เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ หากคุณกำลังคิดว่าควรจะเลือกหูฟัง JBL รุ่นไหนดี ที่เหมาะสำหรับการสวมใส่ออกกำลังกายมากที่สุด เนื่องจากรุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นลักษณะของหูฟังแบบคล้องคอ ที่จะมีสายให้คุณสามารถคล้องเพื่อป้องกันการหลุดร่วง ซึ่งก็กำลังได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อยในปัจจุบันด้วยเช่นกัน โดยด้วยการใช้งานแบบไร้สาย รุ่นนี้ถือว่าสามารถทำระยะเวลาได้ค่อนข้างยาวนาน จากการทดสอบระยะเวลาการใช้งานสูงสุดถึง 8 ชั่วโมง ในขณะที่การชาร์จแบตเตอรี่จะใช้ระยะเวลาที่ต่ำสุดเพียงแค่ไม่เกิน 2 ชั่วโมงเท่านั้น ที่สำคัญแม้ว่าจะด้วยการใช้งานจุกหูฟังในลักษณะ In-ear ก็ทำให้มีการแถมขนาดของจุกมาให้เลือกใช้งานได้ถึง 3 ขนาดอีกด้วย
- การชาร์จแบตเตอรี่ที่รวดเร็วภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง
- จุกหูฟังที่มีให้เลือก 3 ขนาด
- มีสีให้เลือกได้หลากหลาย
- ปุ่มกดควบคุมการทำงาน 3 ปุ่ม
- น้ำหนักค่อนข้างเบา
- การเชื่อมต่อด้วย Bluetooth เวอร์ชั่น 4.2
- ไม่มีระบบตัดเสียงรบกวนประสิทธิภาพสูง
6. JBL Tune 710 BT
แบรนด์และรุ่นสินค้า | JBL Tune 710 BT |
น้ำหนัก | 220 กรัม |
ไดรเวอร์ | 40 mm |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | 50 ชั่วโมง |
ระยะเวลาชาร์จ | 2 ชั่วโมง |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth |
JBL Tune 710 BT เป็นหูฟัง JBL แบบครอบหูตัวแรก ที่เราจะแนะนำให้คุณได้รู้จักกันในบทความนี้ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีจุดเด่นสำคัญอยู่ที่ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด 50 ชั่วโมง ที่จะให้คุณใช้งานได้ยาวนานตลอด 1 ถึง 2 วัน ด้วยการชาร์จแบตเตอรี่เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น รวมไปถึงเพื่อให้สามารถใช้งานด่วนได้ง่าย ตัวสินค้าจึงยังรองรับโหมดการชาร์จไว ที่จะทำให้ใช้งานได้ 3 ชั่วโมง จากการชาร์จเพียง 5 นาทีมาให้ด้วยเช่นกัน สำหรับในด้านของระบบเสียง นับว่ามีการจัดเต็มมาให้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการใช้งานไดรเวอร์ที่มีขนาดใหญ่ถึง 40 มิลลิเมตรแบบ Dynamic ดังนั้น จึงช่วยให้เสียงมีความรู้สึกแน่น ซึ่งเมื่อใช้งานร่วมกันกับระบบตัดเสียงรบกวนที่ยอดเยี่ยม ก็ยังจะทำให้เราสามารถรับอรรถรสในการใช้งานในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้นด้วยในเวลาเดียวกัน
- ไดรเวอร์เสียงประสิทธิภาพสูง
- ฟองน้ำคุณภาพสูงสำหรับป้องกันเสียงรบกวน
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด 50 ชั่วโมง
- การเชื่อมต่อที่มีเสถียรภาพด้วย Bluetooth 5.0
- รองรับโหมดการชาร์จด่วน
- ขนาดค่อนข้างใหญ่และน้ำหนักค่อนข้างสูง
- การออกแบบภายนอกที่เรียบง่าย
7. JBL Quantum 400
แบรนด์และรุ่นสินค้า | JBL Quantum 400 |
น้ำหนัก | 274 กรัม |
ไดรเวอร์ | 40 mm |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | – |
ระยะเวลาชาร์จ | – |
การเชื่อมต่อ | Jack 3.5 mm |
หากต้องการหูฟังสำหรับการเล่นเกมของทาง JBL รุ่นนี้ก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณอย่างแน่นอน ด้วยการออกแบบองค์ประกอบทุกส่วน มาให้เหมาะสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ทั้งเรื่องของระบบเสียงที่จะมีการเน้นเบสหนัก ทำให้สามารถสร้างความสมจริงให้กับการเล่นเกมได้มากยิ่งขึ้น ไปจนถึงการติดตั้งไมโครโฟนขนาดใหญ่มาให้บริเวณด้านหน้า สำหรับเพิ่มคุณภาพในการสื่อสาร ซึ่งจะช่วยให้การเล่นเกมกับเพื่อ สามารถทำได้อย่างสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีระบบ Surround เสียงต่าง ๆ อีกมากมาย ที่ถูกติดตั้งมาให้เพื่อสนับสนุนการเล่นเกมบางประเภท ให้มีอรรถรสมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
- ระบบเสียง Surround
- ไมโครโฟนคุณภาพสูงสำหรับใช้ในการสื่อสาร
- การติดตั้งระบบไฟ RGB
- การออกแบบและตกแต่งในสไตล์เกมมิ่ง
- รองรับการเล่นเสียงที่มีความดังเป็นพิเศษได้ดี
- ไมโครโฟนมีขนาดค่อนข้างใหญ่
- จำเป็นต้องเชื่อมต่อสายโดยตรงในการเล่น
8. JBL Endurance Run2 BT
แบรนด์และรุ่นสินค้า | JBL Endurance Run2 BT |
น้ำหนัก | กรัม |
ไดรเวอร์ | mm |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | ชั่วโมง |
ระยะเวลาชาร์จ | ชั่วโมง |
การเชื่อมต่อ | Jack 3.5 mm Bluetooth |
หูฟังรุ่นต่อมาเป็นหูฟังออกกำลังกาย ที่มาพร้อมคุณสมบัติด้านความแข็งแรงทนทานที่ยอดเยี่ยม ส่งผลให้สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี สำหรับคนที่ต้องการสวมใส่ออกกำลังกายอย่างจริงจัง และกังวลเกี่ยวกับความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการใช้งาน ทั้งจากเรื่องของความชื้นและความเสียหายในลักษณะอื่น ๆ โดยระยะเวลาการใช้งานของตัวหูฟัง จัดว่าค่อนข้างยาวนานอย่างมาก ด้วยระยะเวลาการสูงสุดที่ทำได้กว่า 10 ชั่วโมง ในขณะที่การเล่นเสียงต่าง ๆ ก็ยังถูกออกแบบมาให้เน้นเบสได้ดีมากเป็นพิเศษด้วยในเวลาเดียวกัน
- การออกแบบส่วนหูฟังให้กระชับกับใบหู
- ระบบเสียง Surround แบบเน้นเบส
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด 8 ชั่วโมง
- มาตรฐานการกันน้ำ IPX5
- มีตัวเลือกของสีที่โดดเด่นและแปลกตาให้เลือกซื้อได้
- โหมดการชาร์จไวมีระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นเพียงแค่ 1 ชั่วโมงจาการชาร์จถึง 10 นาที
- ไม่สามารถชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มเติมในระหว่างวันได้สะดวกมากนัก
9. JBL Live Pro2
แบรนด์และรุ่นสินค้า | JBL Live Pro2 |
น้ำหนัก | – |
ไดรเวอร์ | – |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | 40 ชั่วโมง |
ระยะเวลาชาร์จ | – |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth |
หูฟังรุ่นนี้เป็นหูฟังไร้สายที่มีการออกแบบโฉบเฉี่ยว และมีประสิทธิภาพการทำงานที่ค่อนข้างสูง รวมถึงยังมีความน่าสนใจในหลากหลายด้าน ตั้งแต่ส่วนที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพให้กับการฟังเพลง หรือการใช้งานเชิงคอนเทนต์ได้ดีมากยิ่งขึ้น อย่างระบบ Active Noise Cancelling หรือการติดตั้งไมโครโฟนถึง 6 ตัว ไว้ใช้สำหรับการรับเสียงโดยเฉพาะ ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานในระยะยาวได้เป็นอย่างดี จากการผ่านการรับรองมาตรฐานการกันน้ำ IPX5 รวมไปถึงยังมีระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องสูงสุด ที่จะสามารถทำได้ยาวนานถึง 40 ชั่วโมง เมื่อใช้งานร่วมกันกับเคสชาร์จเลยทีเดียว
- ไมโครโฟนในการรับเสียง 6 ตัว
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด 40 ชั่วโมง
- ระบบตัดเสียงรบกวนประสิทธิภาพสูง
- มาตรฐานการกันน้ำ IPX5
- คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมแบบเน้นเบส
- ขนาดของเคสค่อนข้างใหญ่
- ตัวเลือกสีค่อนข้างมีความเรียบง่าย
10. JBL Reflect Flow Pro
แบรนด์และรุ่นสินค้า | JBL Reflect Flow Pro |
น้ำหนัก | กรัม |
ไดรเวอร์ | mm |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | ชั่วโมง |
ระยะเวลาชาร์จ | ชั่วโมง |
การเชื่อมต่อ | Jack 3.5 mm Bluetooth |
หูฟัง JBL รุ่นไหนดี รุ่นสุดท้ายเป็นหนึ่งในตัวเลือกของหูฟังระดับท็อป ๆ ที่คุณจะสามารถเลือกซื้อได้จากแบรนด์ JBL ด้วยคุณสมบัติหลักที่น่าสนใจอย่าง การมีโหมดตัดเสียงรบกวน Adaptive Noise Cancelling ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดในการตัดเสียงรบกวนที่น่าสนใจในช่วงเวลานี้ และการรองรับระบบเสียง Surround ที่มีประสิทธิภาพอีกมากมาย รวมไปถึงการออกแบบก็ยังมีความเป็น Ergonomic ทำให้รองรับสรีระใบหูได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้การสวมใส่ใช้งานระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ก็จะสามารถทำได้ดีขึ้นมาจากรุ่นอื่น ๆ อีกไม่น้อยด้วยเช่นกัน
- การรองรับมาตรฐานการกันน้ำ IP68
- การออกแบบที่ทำให้สวมใส่ได้สบาย
- ระบบตัดเสียงรบกวนระดับสูง
- ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่อง 30 ชั่วโมง
- ระบบ Dual Sync ในการเชื่อมต่อ
- ขนาดของหูฟังค่อนข้างเล็กอาจหล่นหายได้ง่าย
- มีตัวเลือกสีไม่มากนัก
วิธีเลือกซื้อ
1. เลือกจากงบประมาณในการเลือกซื้อ
หูฟัง JBL ทุกรุ่นจะมีการกำหนดตำแหน่งในการขาย และจุดเด่นเอาไว้อย่างชัดเจนตั้งแต่เบื้องต้น ซึ่งหากเราต้องการแบ่งแยกให้ชัดเจนในภาพรวม เราจะสามารถพบเห็นสินค้าได้ทั้งหมด 2 รูปแบบ คือ สินค้าที่เน้นการวางขายในราคาย่อมเยา ที่เหมาะสำหรับคนทั่วไปที่ต้องการเน้นซื้อสินค้า ให้สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าในราคาที่จับต้องได้ง่าย แต่ก็ยังจะต้องมีฟังก์ชันที่น่าสนใจ และเสริมเทคโนโลยีส่วนที่น่าสนใจมาไว้ให้ในการใช้งาน
ในขณะที่อีกรูปแบบนั้นจะเป็นสินค้าที่เน้นความหรูหรา และเน้นการติดตั้งเทคโนโลยีที่เป็นตัวใหม่ล่าสุด ทำให้เป็นเหมือนหูฟังรุ่นนวัติกรรม ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีกับทุกสไตล์ รวมถึงยังช่วยสร้างประสบการณ์การใช้งานด้านเสียงรูปแบบใหม่ให้กับคุณได้อย่างยอดเยี่ยม โดยหากคุณสามารถพิจารณาได้ตั้งแต่ต้น ว่าหูฟังประเภทไหนเป็นรูปแบบที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของคุณ ก็จะสามารถไปต่อในการเปรียบเทียบสเปก และฟังก์ชันการใช้งานส่วนอื่น ๆ ได้ ซึ่งก็คือโดยรวมแล้วสิ่งที่เราสามารถใช้ในการแบ่งส่วนนี้ได้ ก็แน่นอนว่าจะต้องมาจากงบประมาณในการเลือกซื้อเป็นหลักนั่นเอง
2.เลือกจากการเชื่อมต่อ
สำหรับหูฟังของทาง JBL นั้น จะยังคงมีการวางจำหน่าย ทั้งรุ่นที่เป็นหูฟังแบบมีสายเชื่อมต่อดั้งเดิม และหูฟังแบบไร้สายที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ หมายความว่าหากคุณต้องการเลือกซื้อสินค้าให้ดีที่สุด หนึ่งในเรื่องที่จะต้องกำหนดได้เป็นอันดับต้น ๆ ก็คือการเลือกว่าจะใช้งานหูฟังที่มีการเชื่อมต่อแบบใด เพราะถึงแม้ว่าหูฟังแบบมีสายจะได้รับความนิยมที่ต่ำลงในปัจจุบัน แต่ทาง JBL ก็ยังคงมีการพัฒนาตัวเลือกใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้าที่น่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ก็มีออกมาอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยด้วยเช่นกัน
ซึ่งสิ่งที่คุณควรจะต้องนำมาใช้ในการตัดสินใจนั้น ควรจะมาจากเรื่องของความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่น หากคุณต้องการหูฟังที่เหมาะสำหรับการสวมใส่เพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างการเล่นเกมหรือการออกกำลังกาย ก็ควรเลือกหูฟังไร้สายที่ให้ความรู้สึกไม่เทอะทะมากจนเกินไป แต่หากคุณต้องการการเชื่อมต่อที่มีเสถียรภาพ และไม่ชอบที่จะต้องมาคอยชาร์จแบตเตอรี่ก่อนการใช้งาน หูฟังแบบมีสายก็จะเป็นคำตอบที่ดี และตรงกันกับความต้องการของคุณได้มากกว่าอย่างแน่นอน
หูฟัง JBL คืออะไร
หูฟัง JBL คือ หูฟังที่ผลิตโดยบริษัท JBL (JBL by Harman) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องเสียงและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับเสียง ที่โด่งดังและได้รับความนิยมอย่างมากในวงการบันทึกเสียงและงานบันเทิง จากการที่สินค้าทั้งหมดของ JBL ล้วนแล้วแต่เป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม และมีการออกแบบภายนอกที่ทันสมัย ซึ่งจากสาเหตุนี้จึงทำให้นอกจากจะได้รับชื่อเสียงที่ดี สำหรับการใช้งานในระดับมืออาชีพแล้ว ก็ยังเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปจากหลากหลายประเทศทั่วโลกอีกด้วย
หูฟัง JBL มีการออกแบบตัวเลือกของรุ่นและประเภทต่าง ๆ มามากมาย ตั้งแต่หูฟังบลูทูธไร้สาย, หูฟัง On-ear, หูฟัง In-ear และอื่น ๆ ซึ่งในปัจจุบันก็มีรุ่นที่เหมาะสำหรับการใช้งานกับไลฟ์สไตล์ หรือรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปมากมาย เช่น หูฟังไร้สายที่เน้นการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ผ่านทางบลูทูธที่รวดเร็ว และมีคุณภาพเสียงที่ดีสำหรับการฟังเพลงและรับสายโทรศัพท์ หรือหูฟังแบบครอบหูขนาดใหญ่ ที่มีการออกแบบมาอย่างหรูหรา และเน้นการติดตั้งให้มีระบบรับเสียงรอบทิศทาง และคุณสมบัติในการช่วยลดเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อม เป็นต้น
หูฟังจากแบรนด์นี้นับว่ามีความหลากหลายในด้านของราคาและคุณภาพเสียงอย่างมาก เนื่องจากมีตั้งแต่รุ่นที่เน้นขายในราคาย่อมเยา ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงพื้นฐานในงบประมาณที่จับต้องได้ง่าย ไปจนถึงรุ่นที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยและคุณภาพเสียงระดับมืออาชีพ ที่ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อได้ควบคู่กับการออกแบบที่หรูหราและเด่นสะดุดตา ดังนั้น ตัวเลือกของรุ่นที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน จึงนับได้ว่ามีอยู่มากมายเลยทีเดียว
จุดเด่นของหูฟัง JBL
1. คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม
หูฟัง JBL ทุกรุ่นถูกออกแบบมาพร้อมกับคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม ด้วยลำโพงคุณภาพสูงและเทคโนโลยีด้านเสียงที่ล้ำสมัยที่สุด ซึ่งจะถูกออกแบบมาพร้อมสินค้าที่มีการพัฒนาในทุกปี ทำให้ในการใช้งานคุณจะได้ยินเสียงที่คมชัดและละเอียดทุก ๆ ในทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นจากเพลง, วิดีโอ หรือแม้แต่คอนเทนต์ประเภทใดก็ตาม นอกจากนี้เพื่อให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการได้ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น สินค้าจากทางแบรนด์ก็ยังได้มีการออกแบบ มาให้คุณสามารถตั้งค่ารายละเอียดต่าง ๆ ของเสียงผ่านทางแอปพลิเคชันได้ด้วยตัวเองอีกด้วย
2. เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
ตั้งแต่อดีตทาง JBL มุ่งเน้นในการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ามาใช้กับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ที่มีการเปิดตัวและวางจำหน่ายมาในทุกปี ทั้งเรื่องของการปรับแต่งเสียง, การเพิ่มระบบรับเสียงให้มีมิติที่หลากหลาย ไปจนถึงการการปรับแต่งเสียงแบบมืออาชีพ สำหรับอุปกรณ์เฉพาะรุ่นต่าง ๆ ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับเสียงให้ตรงกับความชอบของได้อย่างยืดหยุ่น เพื่อการรับประสบการณ์การฟังที่ยอดเยี่ยม ที่สำคัญยังมีเทคโนโลยีอีกมากมาย ที่คุณจะสามารถพบเห็นได้จากสินค้าแต่ละรุ่นที่แตกต่างกันด้วยเช่นกัน
3. การออกแบบสวยงาม
หูฟังของ JBL จะมีการออกแบบที่สวยงามและทันสมัย ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานของคนทุกกลุ่ม และยังคงมีตัวเลือกอีกหลายรุ่นที่ให้แต่ละคน สามารถเลือกตามสไตล์และความชื่นชอบได้อย่างหลากหลาย ยิ่งไปกว่านั้นส่วนที่สำคัญต่อการใช้งาน ก็ยังรวมถึงออกแบบที่คำนึงถึงความสบายในการสวมใส่ ส่งผลให้หูฟังแทบทุกรุ่นมักจะเหมาะสำหรับการสวมใส่ใช้งานอย่างยาวนาน โดยที่ไม่ทำให้คุณรู้สึกถึงความไม่สบายเลยแม้แต่น้อย
4. ความหลากหลายในราคา
JBL มีตัวเลือกของหูฟังมากมายในราคาที่หลากหลาย ทั้งแบบที่สามารถจับต้องได้ง่าย และสินค้าที่ถูกจัดหมวดหมู่อยู่ในระดับ High end ดังนั้น ไม่ว่าใครก็จะสามารถพบเจอ และเลือกเลือกรุ่นที่เหมาะกับงบประมาณของตัวเองได้อย่างดีที่สุดด้วยกันทั้งสิ้น อีกทั้งเพื่อให้ตัวเลือกยังคงมีความหลากหลาย และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้กว้างขึ้นทุกปี ในแต่ละซีรีส์ย่อยของหูฟังต่าง ๆ ทางแบรนด์ก็ยังจะได้มีการพัฒนาตัวเลือกใหม่ ๆ ออกมาให้เราสามารถพบเห็นกันได้อย่างต่อเนื่องด้วยในเวลาเดียวกัน
บทสรุปหูฟัง JBL รุ่นไหนดี
การเลือกซื้อหูฟัง JBL รุ่นไหนดีให้เหมาะกับตัวคุณมากที่สุด คุณจะต้องคำนึงถึงเรื่องต่าง ๆ มากมาย ทั้งในด้านงบประมาณ, ประสิทธิภาพการใช้งาน และฟังก์ชันสำหรับอำนวยความสะดวกสบาย แต่สำหรับคนที่ต้องการให้การเลือกซื้อสินค้าในปี 2024 เป็นเรื่องง่ายที่สุด เราขอแนะนำว่า JBL Wave 100 TWS จะเป็นรุ่นที่คุณพลาดไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เพราะเป็นรุ่นที่เพิ่งถูกเปิดตัวและพัฒนามาได้ไม่นาน และมีราคาวางขายที่สามารถจับต้องได้ง่าย รวมไปถึงยังเป็นหูฟังแบบไร้สาย ที่มีการติดตั้งเทคโนโลยีที่น่าสนใจ และองค์ประกอบสำหรับอำนวยความสะดวกสบายมาให้มากมายอีกด้วย อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการเลือกดูหูฟังจากแบรนด์อื่น ๆ เพิ่มเติม ก็ยังสามารถทำได้จากบทความหูฟัง Bluetooth ที่เราเคยได้แนะนำไปแล้วก่อนหน้านี้บนเว็บไซต์ได้ด้วยเช่นกัน