หลอดไฟเป็นหนึ่งในสิ่งพื้นฐาน ที่จะต้องมีติดตั้งไว้กับทุกพื้นที่ เพื่อใช้สำหรับการส่องสว่าง ทั้งในระหว่างวันและช่วงเวลากลางคืน โดยในปัจจุบันถึงแม้จะเป็นเพียงอุปกรณ์ส่องสว่างที่เรียบง่าย แต่แบรนด์สินค้าต่าง ๆ ก็เริ่มมีการพัฒนาตัวเลือกของสินค้าในแบรนด์ตัวเอง เพื่อให้มีความโดดเด่นน่าสนใจ และอำนวยความสะดวกให้หลากหลายได้มากยิ่งขึ้น
ซึ่งสำหรับตัวเลือกของสินค้ายอดนิยมนั้น ก็แน่นอนว่าจะต้องเป็นหลอดไฟแบบ LED ที่มีประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานสูงสุดอย่างแน่นอน และจากการที่มีผู้คนเป็นจำนวนไม่น้อย เริ่มค้นหาเกี่ยวกับ หลอดไฟ LED ยี่ห้อไหนดี ที่น่าสนใจในช่วงเวลานี้ จึงทำให้เราอยากจะแนะนำให้คุณได้รู้จัก และลองเลือกดูไปพร้อมกับเราในบทความวันนี้
10 หลอดไฟ LED ยี่ห้อไหนดี
- หลอดไฟ LED Philips Hue WCA
- หลอดไฟ LED LAMPTAN LED Smart Wifi Bulb RGB
- หลอดไฟ LED TP-Link Tapo L520E
- หลอดไฟ LED MODI Smart LED Bulb
- หลอดไฟ LED T3 Smart Bulb Bluetooth version
- หลอดไฟ LED SHINING Led Par38
- หลอดไฟ LED TOSHIBA Led Stick T7
- หลอดไฟ LED ST LED 18W
- หลอดไฟ LED SYLVANIA ToLEDo Basic Plus A60
- หลอดไฟ LED IWACHI A1
- การใช้พลังงานต่ำเพียง 7.5 วัตต์
- อายุการใช้งานหลอดไฟ 25,000 ชั่วโมง
- การส่องสว่างแสง 16.5 ล้านสี
- การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนพร้อมกัน 10 เครื่อง
- โหมดการใช้งานที่หลากหลาย
- รองรับฟังก์ชันการสั่งการด้วยเสียง
- ระบบการตั้งเวลาเปิด-ปิดหลอดไฟ
- สามารถเพิ่มจำนวนหลอดไฟในระบบได้ไม่จำกัด
- การปรับแสงไฟแสดงผล 16 ล้านสี
- การควบคุมการทำงานผ่านสมาร์ทโฟน
หลอดไฟ LED ยี่ห้อไหนดี 2024
สำหรับคนที่กำลังมองหาหลอดไฟ LED ดวงใหม่ เราได้รวบรวมสินค้าที่น่าสนใจ ให้คุณได้ลองเลือกใช้งานกันในวันนี้เรียบร้อยแล้ว
1. Philips Hue WCA
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Philips Hue WCA |
กำลังไฟฟ้า | 7.5 วัตต์ |
ค่าความสว่าง | – |
ประเภทขั้วหลอดไฟ | E27 |
อายุการใช้งาน | 25,000 ชั่วโมง |
ช่วงอุณหภูมิสี | 2,000K – 6,500K |
หลอดไฟ LED ยี่ห้อไหนดี รุ่นแรกเป็นหลอดไฟ LED พร้อมฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย ซึ่งถูกออกแบบมาให้คุณสามารถใช้งาน เพื่อทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากกว่าหลอดไฟทั่วไป ด้วยฟังก์ชันที่ถือเป็นจุดเด่นหลักอย่างการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ที่สามารถทำได้พร้อมกันสูงสุดถึง 10 เครื่อง โดยจะรองรับได้ทั้งการสั่งการด้วยเสียง หรือการ Sync เข้ากับตัวเครื่อง
เพื่อปรับเปลี่ยนโหมดให้เหมาะสม ทั้งสำหรับการเล่นเกม, การดูหลัง ไปจนถึงการฟังเพลงแบบเรียลไทม์ ด้วยจำนวนการแสดงผลสีในจำนวนที่มากสุดถึง 16 ล้านสี รวมไปถึงยังมีโหมดตื่นนอนหรือการปรับแสงธรรมชาติ ให้คุณสามารถเลือกปรับได้อีกด้วย ที่สำคัญตัวหลอดไฟยังมีจุดเด่นอย่างการใช้พลังงาน ที่ต่ำเพียง 7.5 วัตต์ เป็นส่วนสำคัญด้วยเช่นกัน
- การใช้พลังงานต่ำเพียง 7.5 วัตต์
- อายุการใช้งานหลอดไฟ 25,000 ชั่วโมง
- การส่องสว่างแสง 16.5 ล้านสี
- การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนพร้อมกัน 10 เครื่อง
- โหมดการใช้งานที่หลากหลาย
- ตัวหลอดไฟมีขนาดค่อนข้างเล็ก
- พื้นที่ฉายไฟมีขนาดเล็กกว่าหลอดไฟทั่วไปเล็กน้อย
2. LAMPTAN LED Smart Wifi Bulb RGB
แบรนด์และรุ่นสินค้า | LAMPTAN LED Smart Wifi Bulb RGB |
กำลังไฟฟ้า | 10 วัตต์ |
ค่าความสว่าง | 950 ลูเมน |
ประเภทขั้วหลอดไฟ | E27 |
อายุการใช้งาน | 15,000 ชั่วโมง |
ช่วงอุณหภูมิสี | 2,700K – 6,500K |
หลอดไฟ LED ยี่ห้อไหนดี ลำดับต่อมา LAMPTAN LED Smart Wifi Bulb RGB เป็นหลอดไฟอีกหนึ่งรุ่น ที่คุณสามารถควบคุมการทำงานได้ผ่านสมาร์ทโฟน จากการใช้งานระบบ Wi-Fi แบบไร้สาย และส่องสว่างไฟได้หลากหลาย ด้วยจำนวนของสีไฟมากกว่า 16 ล้านสี ภายใต้ค่าความสว่างที่สูงสุด 950 ลูเมน จากการใช้กำลังไฟฟ้าในการทำงานเพียง 10 วัตต์
ซึ่งรวมไปถึงการควบคุมการทำงานผ่านระบบเสียง ก็ยังสามารถทำได้ผ่านการใช้งาน Google Assistant และ Amazon Alexa ด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นคุณยังสามารถเพิ่มจำนวนของหลอดไฟ เพื่อทำการเชื่อมต่อและเปิดใช้งานแบบเป็นระบบ ให้ครอบคลุมกับพื้นที่ที่กว้างมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย
- รองรับฟังก์ชันการสั่งการด้วยเสียง
- ระบบการตั้งเวลาเปิด-ปิดหลอดไฟ
- สามารถเพิ่มจำนวนหลอดไฟในระบบได้ไม่จำกัด
- การปรับแสงไฟแสดงผล 16 ล้านสี
- การควบคุมการทำงานผ่านสมาร์ทโฟน
- หลอดไฟค่อนข้างมีขนาดเล็กสำหรับพื้นที่กว้าง
- อายุการใช้งานโดยรวมไม่ยาวนานเท่ากับหลอดไฟราคาสูงหลาย ๆ รุ่น
3. TP-Link Tapo L520E
แบรนด์และรุ่นสินค้า | TP-Link Tapo L520E |
กำลังไฟฟ้า | – |
ค่าความสว่าง | 806 ลูเมน |
ประเภทขั้วหลอดไฟ | E27 |
อายุการใช้งาน | – |
ช่วงอุณหภูมิสี | 4,000K |
หลอดไฟ LED ยี่ห้อไหนดี แบรนด์ TP-Link Tapo L520E เป็นหลอดไฟ LED พร้อมฟังก์ชันการเปลี่ยนสี ที่เป็นลักษณะของไฟแบบ Warm White ซึ่งเน้นการแสดงผลเสียงที่มีความสว่างมากเป็นพิเศษ และยังคงเป็นอีกหนึ่งหลอดไฟ ที่รองรับการสั่งการทำงานได้ผ่านทางแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนด้วยเช่นกัน สำหรับฟังก์ชันการทำงานที่สามารถเลือกใช้ได้นั้น ก็จะมีตั้งแต่การตั้งเวลาเปิด-ปิดการทำงาน, การควบคุมการทำงานด้วยเสียง, การใช้งานโหมดการทำงานที่หลากหลายตามสถานการณ์ และการแชร์การใช้งานกับคนในครอบครัว รวมไปถึงยังมีการแถมการรับประกันมาให้ยาวนานถึง 1 ปีด้วยพร้อม ๆ กัน
- การรับประกัน 1 ปี
- รับบการตั้งค่าด้วยเมนูภาษาไทย
- การควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน
- โหมดการทำงานหลากหลาย
- การสั่งการด้วยเสียง
- ไม่สามารถปรับค่าอุณหภูมิไฟได้
- ค่าความสว่างค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับกำลังไฟฟ้า
4. MODI Smart LED Bulb
แบรนด์และรุ่นสินค้า | MODI Smart LED Bulb |
กำลังไฟฟ้า | 10 วัตต์ |
ค่าความสว่าง | 800 ลูเมน |
ประเภทขั้วหลอดไฟ | E27 |
อายุการใช้งาน | 25,000 ชั่วโมง |
ช่วงอุณหภูมิสี | 2,700K – 6,500K |
สินค้าตัวนี้เป็นหลอดไฟหลากหลายฟังก์ชัน ที่มีจุดเด่นสำคัญอยู่ในเรื่องของอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งทางแบรนด์การันตีมาให้เรามากกว่า 25,000 ชั่วโมง ทำให้เราสามารถใช้งานได้คุ้มค่าอย่างมาก และด้วยการมีโหมดและส่วนประกอบที่น่าสนใจมากมาย ถูกติดตั้งมาให้กับตัวหลอดไฟ จึงช่วยสนับสนุนความน่าสนใจให้การเลือกซื้อได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งการควบคุมหลอดไฟผ่านแอปพลิเคชัน จากการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi หรือ Bluetooth ไปจนถึงการปรับรูปแบบไฟที่หลากหลาย ด้วยความสีที่รองรับได้มากถึง 16 ล้านสี ที่สำคัญยังมีโหมดการประหยัดพลังงาน ที่จะทำให้คุณสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาวขึ้นมาได้อีกไม่น้อยเลยทีเดียว
- โหมดประหยัดพลังงานที่เลือกเปิดใช้งานได้
- อายุการใช้งานหลอดไฟ 25,000 ชั่วโมง
- การปรับระดับโทนี 16 ล้านสี
- ปรับช่วงอุณหภูมิสีได้ยืดหยุ่น
- การควบคุมการทำงานผ่านสมาร์ทโฟน
- จำเป็นต้องเลือกระหว่างการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ Bluetooth
- ไม่แน่ชัดเรื่องการติดตั้งภายนอกอาคาร
5. T3 Smart Bulb Bluetooth version
แบรนด์และรุ่นสินค้า | T3 Smart Bulb Bluetooth version |
กำลังไฟฟ้า | 9 วัตต์ |
ค่าความสว่าง | 800 ลูเมน |
ประเภทขั้วหลอดไฟ | E27 |
อายุการใช้งาน | 15,000 ชั่วโมง |
ช่วงอุณหภูมิสี | 2,700K – 6,500K |
T3 Smart Bulb Bluetooth version เป็นตัวเลือกของหลอดไฟ LED ยี่ห้อไหนดีในวันนี้ ที่เรานำมาเป็นคำตอบที่น่าสนใจให้กับคุณ ซึ่งมาพร้อมการรับประกันที่ยาวนานตลอด 1 ปี และมีส่วนที่น่าสนใจให้เราสามารถเลือกใช้งานได้มากมาย ประกอบด้วย การปรับเปลี่ยนโทนสีของแสงไฟ ที่สามารถทำได้มากถึง 16 ล้านสี, การปรับค่าอุณหภูมิของแสงไฟ 2,700K – 6,500K,
การตั้งเวลาเปิด-ปิดการทำงานตามความต้องการแบบอัตโนมัติ และการมีโหมดไฟพื้นฐานให้เลือกใช้ได้ทั้งหมด 6 โหมด ผ่านการควบคุมด้วยเครื่องสมาร์ทโฟน โดยในกรณีที่คุณใช้งาน Bluetooth ในการเชื่อมต่อ ก็ยังไม่จำเป็นจะต้องใช้อินเทอร์เน็ตเลยแม้แต่น้อยอีกด้วย
- การตั้งเวลาเปิด-ปิดการทำงานแบบอัตโนมัติ
- การใช้งานได้โดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต
- โหมดการปรับแสงไฟพื้นฐาน 6 รูปแบบ
- การปรับแสงไฟ 16 ล้านโทนสี
- การรับประกันสินค้า 1 ปี
- คุณภาพการส่องสว่างอาจต่ำกว่ารุ่นอื่น ๆ เล็กน้อย
- ไม่รองรับการสั่งการด้วยเสียง
6. SHINING Led Par38
แบรนด์และรุ่นสินค้า | SHINING Led Par38 |
กำลังไฟฟ้า | 18 วัตต์ |
ค่าความสว่าง | 1,440 ลูเมน |
ประเภทขั้วหลอดไฟ | E27 |
อายุการใช้งาน | 20,000 ชั่วโมง |
ช่วงอุณหภูมิสี | 2,700K – 6,500K |
หลอดไฟ LED ตัวนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การส่องสว่าง ที่สามารถครอบคลุมพื้นที่กว้างได้ดีมากเป็นพิเศษ ด้วยการใช้กำลังไฟฟ้า 18 วัตต์ แต่สามารถส่องสว่างโดยรวมได้ ที่ค่าความสว่างสูงถึง 1,440 ลูเมน และมีตัวเลือกของสีไฟให้สามารถใช้งานได้ ทั้งในลักษณะของแบบ Day Light และ Warm White ตามความต้องการของแต่ละพื้นที่ภายในบ้าน ในด้านของความปลอดภัยนั้น ได้รับการรับรองภายใต้มาตรฐาน มอก. และการันตีอายุการใช้งานมากกว่า 20,000 ชั่วโมง ดังนั้น ในภาพรวมจึงสามารถใช้งานได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานภายในบ้านหรือออฟฟิต และภายในหรือภายนอกอาคารด้วยเช่นกัน
- เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่กว้าง
- วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยปราศจากสารปรอท
- เลือกรูปแบบสีไฟได้ตามพื้นที่
- อายุการใช้งานสูงกว่าหลอดไฟมาตรฐาน
- ค่าความสว่างสูงเป็นพิเศษ
- ขนาดของตัวหลอดใหญ่กว่าหลอดไฟทั่วไป
- ใช้พลังงานค่อนข้างสูง
7. TOSHIBA Led Stick T7
แบรนด์และรุ่นสินค้า | TOSHIBA Led Stick T7 |
กำลังไฟฟ้า | 11 วัตต์ |
ค่าความสว่าง | 1,150 ลูเมน |
ประเภทขั้วหลอดไฟ | E27 |
อายุการใช้งาน | 15,000 ชั่วโมง |
ช่วงอุณหภูมิสี | 4,000K |
TOSHIBA Led Stick T7 เป็นหลอดไฟ LED ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับพื้นที่กว้างมากเป็นพิเศษ จากความสามารถในการกระจายแสง ที่ทำได้ในความกว้างกว่า 240 องศา ซึ่งได้รับการรับรองภายใต้มาตรฐาน มอก. โดยตรง โดยลักษณะของแสงไฟนั้นจะเป็นแบบ Cool White ที่เน้นความรู้สึกที่มีความสว่างสบายตา ควบคู่กับระดับแสงที่สมดุลและครอบคลุมกับทุกพื้นที่ รวมไปถึงยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจที่สุด อย่างการสร้างค่าความสว่างสูงถึง 1,150 ลูเมน ด้วยการใช้กำลังไฟฟ้า 11 วัตต์อีกด้วย รวมไปถึงรุ่นนี้ก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งรุ่น ที่มีการรับประกันยาวนานถึง 1 ปีด้วยในเวลาเดียวกัน
- ค่าความสว่างสูงถึง 1,150 ลูเมน
- องศาในการกระจายไฟเพียง 240 องศา
- การรับประกันสินค้า 1 ปี
- การเลือกใช้งานแสดงแบบ Cool White
- ผ่านการรับรองมาตรฐาน มอก.
- ไม่สามารถปรับค่าอุณหภูมิสีไฟได้
- เหมาะสำหรับการใช้ภายในมากกว่าภายนอกอาคาร
8. ST LED 18W
แบรนด์และรุ่นสินค้า | ST LED 18W |
กำลังไฟฟ้า | 18 วัตต์ |
ค่าความสว่าง | 1,800 ลูเมน |
ประเภทขั้วหลอดไฟ | T8 |
อายุการใช้งาน | 30,000 ชั่วโมง |
ช่วงอุณหภูมิสี | 6,500K |
สำหรับหลอดไฟแบบ LED รุ่นนี้ จะเป็นหลอดไฟที่แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ ที่ผ่านมาอย่างมาก ด้วยการเป็นหลอดไฟแบบยาว ที่จะต้องใช้งานขั้นแบบ T8 ในการติดตั้ง ซึ่งจุดเด่นที่สำคัญที่สุด คือ การรองรับค่าการส่องสว่างที่สูงถึง 1,800 ลูเมน ด้วยการใช้กำลังไฟฟ้า 18 วัตต์ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานกับทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกอาคารก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความคุ้มค่าที่มากขึ้น จากการถูกผลิตภายใต้มาตรฐานยุโรป และการันตีการประหยัดไฟได้มากกว่าปกติถึง 80% หมายความว่าหากต้องการประหยัดค่าใช่จ่ายในระยะยาว รุ่นนี้ก็คือตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างแน่นอน
- เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่
- อายุการใช้งานหลอดไฟ 30,000 ชั่วโมง
- วัสดุแบบหลอด PC ความทนทานสูง
- การผลิตภายใต้มาตรฐานยุโรป
- ค่าความสว่าง 1,800 ลูเมน
- ใช้กำลังไฟฟ้าสูงกว่าหลอดทั่วไปในปัจจุบัน
- ใช้งานขั้นหลอดไฟแบบ T8 ที่อาจไม่ได้รับความนิยมมากนักในปัจจุบัน
9. SYLVANIA ToLEDo Basic Plus A60
แบรนด์และรุ่นสินค้า | SYLVANIA ToLEDo Basic Plus A60 |
กำลังไฟฟ้า | 10 วัตต์ |
ค่าความสว่าง | 1,000 ลูเมน |
ประเภทขั้วหลอดไฟ | E27 |
อายุการใช้งาน | 15,000 ชั่วโมง |
ช่วงอุณหภูมิสี | 2,700K – 6,500K |
รุ่นนี้เป็นหลอดไฟแบบขั้น E27 ขนาด 10 วัตต์ ที่สามารถสร้างค่าความส่องสว่างได้มากถึง 1,000 ลูเมน ภายในช่วงหรือขอบเขตของพื้นที่ ที่ครอบคลุมได้กว้างกว่า 180 องศา โดยส่วนหลักที่ทำให้หลอดไฟตัวนี้น่าจะมี จะเป็นการที่ให้ค่าความถูกต้องของสีได้ดี ด้วยการรับรองค่า CRI 80 และประหยัดพลังงานได้มากกว่าหลอดไฟโดยทั่วไปถึง 89% ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ทั้งกับการเปิดใช้งานในพื้นที่พักอาศัยและออฟฟิตได้ดีมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับตามประสิทธิภาพการทำงานแล้ว หลอดไฟ LED ตัวนี้นับว่าทำได้ดีไม่แพ้กันกับหลอดขนาด 90 วัตต์เลยทีเดียว
- ค่าความถูกต้องของสี CRI 80
- ค่าความสว่าง 1,000 ลูเมน
- ประสิทธิภาพเทียบเท่าหลอดขนาด 90 วัตต์
- ประหยัดพลังงานได้มากกว่าปกติ 89%
- ตัวเลือกสีหลอดไฟมากถึง 3 รูปแบบ
- ไม่สามารถปรับอุณหภูมิสีไฟได้
- ไม่มีฟีเจอร์อำนวยความสะดวกใดเป็นพิเศษ
10. IWACHI A1
แบรนด์และรุ่นสินค้า | IWACHI A1 |
กำลังไฟฟ้า | 21 วัตต์ |
ค่าความสว่าง | 2,000 ลูเมน |
ประเภทขั้วหลอดไฟ | E27 |
อายุการใช้งาน | 50,000 ชั่วโมง |
ช่วงอุณหภูมิสี | 3,000K – 6,500K |
หลอดไฟ LED ยี่ห้อไหนดี รุ่นสุดท้ายเป็นหลอดไฟ LED แบบปิงปอง ที่เหมาะที่สุดสำหรับการใช้งานภายในพื้นที่ขนาดใหญ่ในอาคาร ด้วยการทำค่าส่องสว่างได้มากถึง 2,000 ลูเมน จากการใช้กำลังไฟที่ 21 วัตต์ รวมไปถึงยังสนับสนุนส่วนที่น่าสนใจอย่างอายุการใช้งาน ที่ยาวนานได้สูงสุดถึง 5,000 ชั่วโมงอีกด้วย สำหรับการติดตั้งเพื่อใช้ภายนอกอาคาร ก็นับว่าสามารถทำได้ดีด้วยการรับรองมาตรฐาน IP20 ในการกันน้ำกันฝุ่นด้วยเช่นกัน ทำให้หากรุ่นที่คุณตามหาเป็นตัวเลือกราคาประหยัด ที่เหมาะกับการใช้งานระยะยาวอย่างแท้จริง รุ่นนี้ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับคุณอย่างมากเลยนั่นเอง
- ทนทานต่อช่วงอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -20 – 40 องศาเซลเซียส
- เหมาะสำหรับการใช้งานระยะยาว
- อายุการใช้งานหลอดไฟ 5,000 ชั่วโมง
- ค่าความสว่างสูงเป็นพิเศษ
- รองรับมาตรฐาน IP20
- ใช้พลังงานค่อนข้างสูง
- อาจเปลืองค่าใช้จ่ายเกินไปสำหรับที่พักอาศัยบางพื้นที่
วิธีเลือกซื้อหลอดไฟ LED
1. เลือกจากประเภทของขั้วหลอดไฟ
หลอดไฟทุกรุ่นจะถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้กับขั้วหลอดไฟ ที่มีประเภทแตกต่างกันออกไป ซึ่งทำให้เป็นสิ่งแรกที่จะต้องตรวจสอบ ก่อนเลือกซื้อหลอดไฟ LED มาติดตั้งในพื้นที่ โดยนอกจากขั้วหลอดไฟแบบ E27 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก สำหรับการเลือกใช้งานภายในพื้นที่พักอาศัยในปัจจุบันแล้ว ก็ยังมีบางลักษณะอย่าง T8 ที่เป็นขั้วของหลอดไฟขนาดใหญ่ ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในออฟฟิตหรืออาคารสำนักงาน ที่คุณสามารถเลือกซื้อได้ด้วยเช่นกัน
สำหรับการแบ่งแยกตามประเภทขั้วหลอดไฟนั้น จะทำให้คุณสามารถกำหนดเกี่ยวกับสิ่งอื่น ๆ ได้อีกมากมาย อย่างฟังก์ชันการใช้งานหลัก หรือขอบเขตของพื้นที่ที่ตัวหลอดไฟตอบโจทย์ได้ในเบื้องต้น ส่วนเรื่องที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับขั้วของหลอดไฟนั้น ก็คือหากคุณเลือกรุ่นที่ไม่สามารถใช้งานได้ ก็จะทำให้คุณจำเป็นจะต้องซื้อหลอดใหม่ เนื่องจากขั้วที่ไม่ตรงกันนั้น ก็จะไม่สามารถใช้งานได้เลยแม้แต่น้อยนั่นเอง
2. เลือกจากฟังก์ชันการใช้งานของหลอดไฟ
สำหรับหลอดไฟ LED ในปัจจุบันเรียกว่ามีความหลากหลายและน่าสนใจ ในด้านของฟังก์ชันการใช้งานอย่างมาก สังเกตได้จากที่สินค้าหลายตัว มีการออกแบบฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมาย ที่จะเน้นไปที่การให้ความสะดวกสบายในการพักอาศัย หรือการทำสิ่งต่าง ๆ ไปยังพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งโดยเฉพาะ รวมไปยังมีฟังก์ชันด้านความบันเทิงอีกมากมาย ที่ถูกใส่มาเพื่อสนับสนุนการทำสิ่งเหล่านั้น ให้มีอรรถรสได้มากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การปรับอุณหภูมิของสีไฟให้เหมาะสมกับสถานการณ์, การเปลี่ยนสีหรือโทนในการแสดงผล ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมหรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือการควบคุมตัวหลอดไฟโดยตรง ที่ทำได้ด้วยการใช้งานระบบไร้สายอย่าง Wi-Fi หรือ Bluetooth
นอกจากนี้ก็ยังมีรูปแบบแปลกใหม่และแตกต่าง แต่ก็มีประโยชน์ต่อการเลือกใช้ในชีวิตประจำวันอย่างมาก อย่างหลอดไฟไล่ยุงที่เหมาะกับการใช้งานภายนอกโดยเฉพาะ ให้เราพบเจอได้อีกมากมายด้วยเช่นกัน
3. เลือกจากรูปแบบสีของหลอดไฟ
การติดตั้งหลอดไฟเข้ากับแต่ละพื้นที่นั้น เรื่องที่มีผลต่อการใช้งานที่สุด คือ การเลือกรูปแบบของแสงไฟให้เหมาะสม โดยจะขึ้นอยู่กับการทำกิจกรรม หรือสิ่งที่คุณมักจะทำในพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งหากยึดจากการใช้งานของผู้คนโดยส่วนใหญ่ คุณก็จะสามารถแบ่งแยกให้ชัดเจนได้มากยิ่งขึ้น เพื่อการตัดสินใจที่มีความสะดวกได้มากกว่าเดิมด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการหลอดไฟสำหรับห้องนอน การเลือกหลอดไฟที่แสดงอุณหภูมิอ่อน ๆ อย่างสีส้ม ก็จะช่วยให้คุณมีความรู้สึกสบายตามากกว่า เพราะฉะนั้นจึงทำให้ก่อนนอนคุณจะสามารถหลับได้สบายมากยิ่งขึ้น หรือหากคุณต้องการไฟสำหรับการใช้ในห้องนั่งเล่น ก็ควรเลือกใช้เป็นไฟสีขาว ที่เน้นความสว่างมากเป็นพิเศษ ช่วยให้คุณสามารถทำกิจกรรมที่ต้องการได้ถนัดมากยิ่งขึ้น แต่ที่สำคัญการเลือกซื้อด้วยรูปแบบสีของหลอดไฟ ก็ยังอาจแตกต่างกันไปตามรสนิยม และความชื่นชอบในการอยู่อาศัยของแต่ละคนได้อีกด้วย
4. เลือกจากพื้นที่ที่ต้องการติดตั้ง
หนึ่งในเรื่องที่คุณแบ่งแยกการเลือกใช้งานหลอดไฟ LED ให้เหมาะกับพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น จะเป็นการกำหนดจากการใช้งานภายในหรือภายนอกอาคาร โดยหลอดไฟที่เหมาะสำหรับการใช้งานภายนอกอาคาร จะต้องมีการผลิตมาให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อม และรองรับมาตรการกันน้ำได้สูงมากเป็นพิเศษ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย และลดโอกาสเกิดความเสียหายจากสภาพอากาศให้ได้มากที่สุด ในขณะที่หลอดไฟแบบใช้งานภายในอาคารนั้น ก็จะเน้นไปที่ฟังก์ชันการใช้งาน หรือส่วนประกอบที่ทำให้การส่องสว่างทำได้ครอบคลุมมากกว่านั่นเอง
จุดเด่นของหลอดไฟ LED
1. การประหยัดพลังงานที่ยอดเยี่ยม
จุดเด่นแรกที่สำคัญที่สุดของหลอดไฟ LED คือ ความสามารถในการประหยัดพลังงานที่ยอดเยี่ยม ซึ่งจะทำให้คุณมีค่าใช้จ่ายที่ลดลง ในกรณีที่ต้องการติดตั้งหลอดไฟเพื่อการใช้งานระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟที่มีการใช้กำลังไฟฟ้า หรือมีค่าความส่องสว่างระดับใดก็ตาม
โดยเมื่อเทียบกันกับหลอดไฟปกติ ที่เราใช้งานกันมายาวนานตั้งแต่อดีตแล้ว ประสิทธิภาพในภาพรวมจะสูงมากกว่าถึง 80% เป็นต้นไป ด้วยการเปลี่ยนรูปแบบของการส่องสว่าง ที่จะใช้พลังงานและความร้อนที่ต่ำลงมามากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยแม้แต่น้อย ที่หากกล่าวถึงการเลือกใช้งานหลอดไฟดวงใหม่ หลอดไฟ LED จะเป็นตัวเลือกแรกที่ผู้คนยุคนี้จะเลือกใช้งานกัน
2. ฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย
อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญที่สุดของหลอดไฟ LED คือ ตัวเลือกของสินค้ามากมายได้มีการพัฒนา และติดตั้งฟังก์ชันที่น่าสนใจมาให้เราพบเห็นและใช้งานกันได้ ซึ่งหลัก ๆ แล้วก็จะเป็นไปตามที่เราได้แนะนำไปในบทความนี้ อย่างการปรับระดับแสงที่หลากหลาย, การควบคุมหรือเชื่อมต่อการทำงานของหลอดไฟหลายดวงรวมกันผ่านแอปพลิเคชัน หรือแม้แต่การที่คุณสามารถตั้งเวลาการทำงาน ไปจนถึงสั่งการการทำงานของหลอดไฟได้ด้วยเสียง ที่ล้วนแล้วแต่อำนวยความสะดวกให้กับการใช้ชีวิตประจำวันได้ดีอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีอีกมากมาย ที่เราสามารถพบเห็นกันได้จากแบรนด์ต่าง ๆ เลยทีเดียว
3. อายุการใช้งานที่ยาวนาน
หลอดไฟ LED โดยทั่วไปจะมีการการันตีระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องไว้ให้ ผ่านการรับรองจากการผลิตโดยพื้นฐาน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการการันตีออกมาเป็นจำนวนชั่วโมง ที่โดยมาตรฐานมักจะอยู่ตั้งแต่ 15,000 ชั่วโมงเป็นต้นไป ทำให้เราสามารถนำรายละเอียดส่วนนี้ มาเป็นตัวช่วยในการเปรียบเทียบความคุ้มค่า เมื่อเทียบกับราคาขายของสินค้าแต่ละตัวได้มากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันนั้นมีบางรุ่นของสินค้า ที่มีอายุการใช้งานยาวนานสูงสุดถึง 50,000 ชั่วโมง ให้เราเลือกซื้อได้ทั้งรุ่นราคาสูงและราคาประหยัดเลยทีเดียว
บทสรุป หลอดไฟ LED ยี่ห้อไหนดี
หลอดไฟที่น่าสนใจในปัจจุบันและเป็นคำตอบที่ดีของ หลอดไฟ LED ยี่ห้อไหนดี ที่น่าสนใจในขณะนี้ มีให้เราสามารถเลือกซื้อกันได้มากมาย ซึ่ง Philips Hue WCA คือ ตัวเลือกอันดับ 1 ที่เราอยากจะแนะนำให้กับคุณในวันนี้ เนื่องจากมีความสามารถในการประหยัดพลังงานที่ยอดเยี่ยม และมีฟังก์ชันการใช้งานที่น่าสนใจ ถูกติดตั้งมาให้มากมาย เพื่อการเลือกใช้งานกับหลากหลายสถานการณ์ ที่สำคัญยังประหยัดพลังงานได้ดีด้วยพร้อม ๆ กัน แต่นอกจากากรใช้งานหลอดไฟ LED แล้ว หากคุณต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในบ้านให้ได้มากยิ่งขึ้น การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์หรือใช้หลอดไฟ USB ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว