หูฟังตัดเสียงรบกวน-ยี่ห้อไหนดี

รีวิว 10 หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี ไดรเวอร์เสียงประสิทธิภาพสูง คุณสมบัติตัดเสียงรบกวนระดับยอดเยี่ยม และสวมใส่ต่อเนื่องได้อย่างสบาย ฉบับปี 2024

เราเชื่อว่าในปัจจุบันหูฟังเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พื้นฐานทั่วไป ที่ทุกคนจะต้องมีไว้ใช้งานกับสมาร์ทโฟนอย่างแน่นอน เพราะเราสามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้งการฟังเพลง, การเล่นเกม ไปจนถึงการรับชมรายการและซีรีส์ผ่านแอปสตรีมมิ่งต่าง ๆ ซึ่งประเภทของหูฟังที่ดีที่สุด หากคุณต้องการรับฟังทุกสิ่งให้มีคุณภาพ ก็คือ หูฟังพร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน ที่มีวางขายอยู่มากมายในปัจจุบัน และเมื่อมีสินค้าวางขายอยู่มากมาย ก็ทำให้มีหลายคนที่มักจะตั้งคำถาม ว่าควรเลือกซื้อ หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี ที่จะเหมาะกับการใช้งานของตนเองมากที่สุด

10 หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี

Sony WH-1000XM5
อันดับ 1
  • ชิปประมวลผลเสียงคุณภาพสูง
  •  ระยะเวลาการใช้งานยาวนาน 40 ชั่วโมง
  •  ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนทั้งหมด 8 ตัว
  •  ระบบหยุดการเล่นเสียงทันทีเมื่อถอดออก
  •  ไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ 30 มิลลิเมตร
Bose QuietComfort® 45
อันดับ 2
  • สีของสินค้าทั้งหมด 4 สีที่แตกต่างกัน
  • โหมดการชาร์จไว 15 นาที
  •  ส่วนฟองน้ำครอบหูถูกออกแบบมาให้มีความนุ่มมากเป็นพิเศษ
  •  ระบบตัดเสียงที่ถูกเพิ่มคุณภาพด้วยเทคโนโลยี Acoustic Noise Cancelling™ 
  •  การชาร์จแบตเตอรี่ที่รวดเร็วเพียง 2.5 ชั่วโมง
Sony WH-1000XM4
อันดับ 3
  • ระบบ Adaptive Sound Control สำหรับปรับแต่งการทำงานของเสียงให้เหมาะกับสถานการณ์
  • เทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวน Dual Noise Sensor
  • ไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ 40 มิลลิเมตร
  • โหมดการชดเชยรายละเอียดเสียงที่ขาดหาย DSEE Extreme
  • โหมดการชาร์จไว 10 นาทีใช้งานได้ต่อเรื่อง 5 ชั่วโมง

หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี 2024

สำหรับคนที่กำลังมองหาหูฟังตัดเสียงรบกวนที่น่าสนใจ เราจะแนะนำให้คุณได้รู้จักกับ 10 รุ่น หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี จากแบรนด์ต่าง ๆ ดังนี้

1. Sony WH-1000XM5

Sony WH-1000XM5
แบรนด์และรุ่นสินค้าSony WH-1000XM5
ประเภทHeadphone
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด40 ชั่วโมง
การเชื่อมต่อBluetooth 5.2
ขนาดไดรเวอร์30 มิลลิเมตร
น้ำหนัก
หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี

หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี สินค้าตัวแรกเป็นหูฟังของแบรนด์ Sony ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในการวางจำหน่ายหูฟังและลำโพงโดยเฉพาะ ซึ่งในปัจจุบันรุ่นนี้จัดเป็นสินค้าที่น่าสนใจ และดีที่สุดในหมวดหมู่ของหูฟังครอบหูแบบไร้สาย ที่มาพร้อมคุณสมบัติในการตัดเสียงรบกวน ด้วยการทำงานของชิปประมวลผลเสียง QN1 และการใช้งานไมโครโฟนร่วมกันทั้งหมด 8 ตัว ที่จะคอยช่วยเพิ่มคุณสมบัติให้การตัดเสียงรบกวนได้มากยิ่งขึ้น

สำหรับการใช้งานหูฟังตัวนี้ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับชมภาพยนตร์, การรับชมคอนเทนต์ หรือแม้แต่การฟังเพลง โดยพื้นฐานก็ยังจะสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 40 ชั่วโมงต่อหนึ่งรอบการชาร์จเลยทีเดียว

จุดเด่น
  • ชิปประมวลผลเสียงคุณภาพสูง
  •  ระยะเวลาการใช้งานยาวนาน 40 ชั่วโมง
  •  ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนทั้งหมด 8 ตัว
  •  ระบบหยุดการเล่นเสียงทันทีเมื่อถอดออก
  •  ไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ 30 มิลลิเมตร
จุดควรพิจารณา
  • น้ำหนักค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับหูฟังประเภทอื่น ๆ
  •  ส่วนปรับระดับความยาวทำได้ไม่ยืดหยุ่นมากนัก

2. Bose QuietComfort® 45

Bose QuietComfort® 45
แบรนด์และรุ่นสินค้าBose QuietComfort® 45
ประเภทHeadphone
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด22 ชั่วโมง
การเชื่อมต่อBluetooth 5.1
ขนาดไดรเวอร์
น้ำหนัก

Bose QuietComfort® 45 เป็นหูฟังที่เน้นการออกแบบมาให้สวมใส่ได้สบาย จากส่วนของฟองน้ำครอบหู ที่ค่อนข้างมีความนุ่มมากเป็นพิเศษ ในขณะที่วัสดุในการผลิตส่วนของโครงพื้นฐานนั้น ก็ถูกเลือกใช้งานเป็นพลาสติกคุณภาพยอดเยี่ยม ที่ทำให้มีน้ำหนักค่อนข้างเบา และช่วยให้การสวมใส่มีความรู้สึกสบายมากเป็นพิเศษ สำหรับคุณภาพในการตัดเสียงรบกวน รุ่นนี้จะถูกใช้งานร่วมกันกับเทคโนโลยี Acoustic Noise Cancelling™ ช่วยเพิ่มคุณภาพให้กับการฟังเพลงได้มากยิ่งขึ้น

ด้วยการจับเสียงจากไมโครโฟนทั้งหมด 6 ตัว และเพื่อให้คุณใช้งานได้ต่อเนื่องตลอดวัน ตัวหูฟังจึงได้มีการออกแบบแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ มาให้ใช้งานได้ตลอด 22 ชั่วโมงเพียงครั้งเดียว และยังมีโหมดชาร์จไว 15 นาที ที่ทำให้คุณใช้งานตัวหูฟังได้ยาวนานถึง 3 ชั่วโมงอีกด้วย

จุดเด่น
  • สีของสินค้าทั้งหมด 4 สีที่แตกต่างกัน
  • โหมดการชาร์จไว 15 นาที
  •  ส่วนฟองน้ำครอบหูถูกออกแบบมาให้มีความนุ่มมากเป็นพิเศษ
  •  ระบบตัดเสียงที่ถูกเพิ่มคุณภาพด้วยเทคโนโลยี Acoustic Noise Cancelling™ 
  •  การชาร์จแบตเตอรี่ที่รวดเร็วเพียง 2.5 ชั่วโมง
จุดควรพิจารณา
  • ระยะเวลาการใช้งานสูงสุดไม่ยาวนานมากนัก
  •  บริเวณส่วนครอบหูมีขนาดใหญ่พอสมควร

3. Sony WH-1000XM4

Sony WH-1000XM4
แบรนด์และรุ่นสินค้าSony WH-1000XM4
ประเภทHeadphone
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด30 ชั่วโมง
การเชื่อมต่อBluetooth 5.0
ขนาดไดรเวอร์40 มิลลิเมตร
น้ำหนัก

Sony WH-1000XM4 เป็นหูฟังตัดเสียงรบกวน Sony อีกหนึ่งตัว ที่มาพร้อมคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย เริ่มตั้งแต่การตัดเสียงรบกวนคุณภาพสูง ด้วยการใช้งานเทคโนโลยี Dual Noise Sensor ในการบันทึกและตรวจจับเสียง และมีการชดเชยเสียงในส่วนที่ขาดหายให้มีความครบได้มากยิ่งขึ้น จากฟังก์ชัน DSEE Extreme ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากทางแบรนด์

โดยที่คุณจะสามารถสวมใส่ได้ตลอด 30 ชั่วโมง และมีโหมดการชาร์จด่วนที่ใช้งานได้ 5 ชั่วโมง จากระยะเวลาชาร์จเพียง 10 นาทีถูกออกแบบมาให้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีฟังก์ชันการปรับเปลี่ยนการทำงานอย่างระบบ Adaptive Sound Control ถูกออกแบบมาเพื่อปรับการทำงานให้แบบอัตโนมัติด้วยเช่นกัน

จุดเด่น
  • ระบบ Adaptive Sound Control สำหรับปรับแต่งการทำงานของเสียงให้เหมาะกับสถานการณ์
  • เทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวน Dual Noise Sensor
  • ไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ 40 มิลลิเมตร
  • โหมดการชดเชยรายละเอียดเสียงที่ขาดหาย DSEE Extreme
  • โหมดการชาร์จไว 10 นาทีใช้งานได้ต่อเรื่อง 5 ชั่วโมง
จุดควรพิจารณา
  • การออกแบบโดยรวมค่อนข้างเรียบง่าย
  •  มีเพียงสีพื้นฐานอย่างสีดำและสีขาวให้เลือกซื้อได้

4. Sony WF-1000XM4

Sony WF-1000XM4
แบรนด์และรุ่นสินค้าSony WF-1000XM4
ประเภทIn-ear
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด24 ชั่วโมง
การเชื่อมต่อBluetooth 5.2
ขนาดไดรเวอร์6 มิลลิเมตร
น้ำหนัก

หูฟังตัดเสียงรบกวนรุ่นนี้เป็นหูฟังตัวแรก ที่เป็นประเภท In-ear ที่น่าสนใจ ซึ่งเราได้นำมาให้คุณลองเลือกใช้กัน โดยภายนอกของการออกแบบ จะให้ความรู้สึกที่ดูหรูหรา และมีการออกแบบจุกหูฟังมาให้มีขนาดมาตรฐาน ช่วยให้ทุกคนที่ใช้งานจะสามารถสวมใส่ได้สบาย แม้จะใช้เพื่อฟังเพลง, เล่นเกม หรือรับชมสิ่งต่าง ๆ เป็นระยะเวลา 8 ชั่วโมง ที่เป็นระยะเวลาการใช้งานในหนึ่งรอบสูงสุดเมื่อนำออกจากเคสชาร์จ แต่จะสามารถเพิ่มขึ้นได้มากถึง 16 ชั่วโมง

เมื่อใช้งานร่วมกันกับเคสขนาดกะทัดรัด ที่ถูกออกแบบมาให้ด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องของการตัดเสียงรบกวน รุ่นนี้จะมีการเลือกใช้งานส่วนเพิ่มความครบของเสียง DSEE Extreme ถูกติดตั้งมาให้ ซึ่งจะเพิ่มคุณภาพให้ได้มากยิ่งขึ้น เมื่อทำงานกับไดรเวอร์เสียงขนาด 6 มิลลิเมตรด้วยพร้อม ๆ กัน

จุดเด่น
  • ระยะเวลาการใช้งานต่อรอบที่ยาวนาน 8 ชั่วโมงที่ยาวนานสำหรับหูฟังพร้อมเคส
  •  การออกแบบเคสมาอย่างหรูหราและจับถือได้สะดวก
  •  ระบบเพิ่มความครบของเสียงแบบ DSEE Extreme
  •  ระบบสั่งการด้วยเสียงแบบไร้สาย
  •  การยึดระยะเวลาให้ยาวนานขึ้นได้สูงถึง 13 ชั่วโมงเมื่อปิดโหมดตัดเสียงรบกวน
จุดควรพิจารณา
  •  ระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มเติมของเคสชาร์จไม่สูงมากนัก

5. Jabra Elite 85t

Jabra Elite 85t
แบรนด์และรุ่นสินค้าJabra Elite 85t
ประเภทEarbuds
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด
การเชื่อมต่อ
ขนาดไดรเวอร์12 มิลลิเมตร
น้ำหนัก

สำหรับรุ่นนี้จะเป็นหูฟังตัดเสียงรบกวนแบบ Earbuds ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด ทำให้สวมใส่ได้อย่างสบายและไม่เทอะทะ รวมไปถึงยังมีน้ำหนักที่ไม่มากจนเกินไป หากคุณจะต้องใช้งานต่อเนื่องในระยะเวลาที่ยาวนาน ทำให้เหมาะอย่างมากสำหรับการสวมใส่สื่อสาร เพื่อพูดคุยในระหว่างการทำงานหรือการประชุม โดยการสนับสนุนการทำงานในลักษณะนี้

จะทำได้ดีด้วยระบบตัดเสียง Active Noise Cancellation ที่จะทำให้คุณสามารถพูดคุยได้อย่างคมชัดโดยปราศจากเสียงรบกวน อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการแสดงผลเสียงได้มากยิ่งขึ้น ด้วยไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ 12 มิลลิเมตรอีกด้วย นอกจากนี้เพื่อให้ใช้งานได้ยาวนานได้ดี ก็ยังมีการแถมเวลารับประกันมาให้ถึง 2 ปีอีกด้วย

จุดเด่น
  • รองรับฟังก์ชันการชาร์จไร้สาย
  • การรับประกัน 2 ปี
  • ไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่สำหรับหูฟัง Earbuds
  • การปรับแต่งเสียงได้ผ่านแอปพลิเคชัน
  • ไมโครโฟนตรวจจับเสียง 6 ตัว
จุดควรพิจารณา
  • เคสชาร์จมีขนาดใหญ่พอสมควร
  • สีของสินค้าทั้ง 2 รูปแบบมีความใกล้เคียงกัน

6. JBL Tune 710 BT

JBL Tune 710 BT
แบรนด์และรุ่นสินค้าJBL Tune 710 BT
ประเภทHeadphone
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด50 ชั่วโมง
การเชื่อมต่อBluetooth 5.0
ขนาดไดรเวอร์40 มิลลิเมตร
น้ำหนัก220 กรัม

JBL Tune 710 BT เป็นตัวเลือกอที่ดีสำหรับคนที่กำลังมองหาหูฟัง ที่เป็นคำตอบของหูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดีที่ถูกออกแบบมา โดยเน้นจุดเด่นไปในด้านของระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานโดยเฉพาะ ด้วยจุดเด่นสำคัญที่น่าสนใจ คือ ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 50 ชั่วโมง ที่ถือว่ายาวนานอย่างมากสำหรับหูฟังทุกประเภทในปัจจุบัน

แต่จะใช้ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ที่ต่ำเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น ที่สำคัญถึงแม้จะสามารถใช้งานได้ยาวนานดังที่เราได้กล่าวไป ด้วยการติดตั้งแบตเตอรี่มาให้มีขนาดใหญ่ แต่น้ำหนักโดยรวมนั้นกลับอยู่ในช่วงที่ต่ำเพียง 220 กรัมเท่านั้น ซึ่งจัดว่าเบาอย่างมากเมื่อเทียบกันกับขนาดและส่วนอื่น ๆ 

จุดเด่น
  • น้ำหนักโดยรวมต่ำเพียง 220 กรัม
  •  ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด 50 ชั่วโมง
  •  ระบบสั่งการทำงานด้วยเสียง
  •  พับเก็บได้ง่ายและพกพาได้สะดวก
  •  ไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ 40 มิลลิเมตร
จุดควรพิจารณา
  • ใช้ Bluetooth เวอร์ชั่นเก่าในการเชื่อมต่อ
  •  การออกแบบที่เรียบง่าย

7. Anker SoundCore Liberty Air 2

Anker SoundCore Liberty Air 2
แบรนด์และรุ่นสินค้าAnker SoundCore Liberty Air 2
ประเภทIn-ear
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด28 ชั่วโมง
การเชื่อมต่อBluetooth 5.0
ขนาดไดรเวอร์
น้ำหนัก58.96 กรัม

Anker SoundCore Liberty Air 2 เป็นหูฟังแบบตัดเสียงรบกวน ที่พกพาได้ง่ายด้วยน้ำหนักเบา และสามารถใช้งานได้สะดวก ด้วยตัวหูฟังที่เป็นแบบ In-ear ทำให้สวมใส่ได้อย่างเข้ากันกับใบหู และมีลักษณะของก้านหูฟังที่มีความยาว ช่วยให้จับถือและถอดออกได้ง่าย โดยนอกจากการออกแบบที่ทำให้ใช้งานได้สะดวกแล้ว ก็ยังมีความน่าสนใจในส่วนอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น

การมีระยะเวลาใช้งานยาวนานสูงสุด 28 ชั่วโมง, การชาร์จแบตเตอรี่ที่ทำได้แบบไร้สาย, การใช้ไมโครโฟนตัดเสียงทั้งหมด 4 ตัว สำหรับช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบ Noise Cancellation และการรองรับมาตรฐานการกันน้ำ IPX 5 เป็นต้น

จุดเด่น
  • ระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่ที่รวดเร็ว
  •  ตัวเคสรองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบบไร้สาย
  •  การออกแบบมาให้เหมาะกับการพกพา
  •  มาตรฐานการกันน้ำ IPX5
  •  การใช้งานในหนึ่งรอบการชาร์จที่ยาวนาน
จุดควรพิจารณา
  • ขนาดของหูฟังแต่ละข้างค่อนข้างใหญ่
  •  การเชื่อมต่อด้วย Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0

8. Edifier Direct W280NB

Edifier Direct W280NB
แบรนด์และรุ่นสินค้าEdifier Direct W280NB
ประเภทIn-ear
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด13 ชั่วโมง
การเชื่อมต่อBluetooth 5.0
ขนาดไดรเวอร์
น้ำหนัก

Edifier Direct W280NB เป็นหูฟังที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการออกกำลังกายโดยเฉพาะ ด้วยการเป็นลักษณะของหูฟังคล้องคอ ที่จะมีการเชื่อมต่อสายแยกออกมาจากหูฟังแต่ละข้อง แต่จะยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย ด้วยการใช้งานระบบ Bluetooth 5.0 ซึ่งส่วนที่ช่วยสนับสนุนการใช้งานด้านการออกกำลังกายนั้น คือ การรับรองมาตรฐานการกันน้ำในระดับ IP55 ทำให้สามารถป้องกันฝุ่นและความชื้นได้ดี

นอกจากนี้ก็ยังมีโหมดการเล่นเกม สำหรับเพิ่มคุณภาพเสียงโดยเฉพาะ ถูกติดตั้งมาให้พร้อมกันอีกด้วย โดยที่ทั้งหมดนั้นสามารถสนับสนุนการรับฟังเสียงให้ดีได้มากยิ่งขึ้น จากการใช้งานใช้งานระบบ Active Noise Cancellation ด้วยนั่นเอง

จุดเด่น
  • การสวมใส่แบบคล้องคอเหมาะสำหรับการออกกำลังกาย
  •  รองรับฟังก์ชันการชาร์จเร็ว
  •  เกมโหมดสำหรับการเล่นเกม
  •  การรับรองมาตรฐานการกันน้ำ IP55
  •  ระบบการตัดเสียงรบกวนด้วย AI
จุดควรพิจารณา
  • ไม่มีฟังก์ชันการสั่งการด้วยเสียง
  •  ระหว่างการสวมใส่อาจรู้สึกเกะกะได้พอสมควร

9. SoundPEATS LIFESoundPEATS LIFE

SoundPEATS LIFESoundPEATS LIFE
แบรนด์และรุ่นสินค้าSoundPEATS LIFE
ประเภทIn-ear
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด25 ชั่วโมง
การเชื่อมต่อBluetooth 5.2
ขนาดไดรเวอร์12 มิลลิเมตร
น้ำหนัก50 กรัม

หูฟังตัวนี้เป็นหูฟัง In-ear ที่สวมใส่สบาย และใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 25 ชั่วโมง ด้วยการชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มเติมผ่านเคสชาร์จ โดยตัวสินค้าจะเหมาะสำหรับการเล่นเกม ด้วยการใช้งานโหมดเกมโดยเฉพาะ และในระหว่างที่คุณกำลังสวมใส่เพื่อฟังเพลง หรือทำสิ่งต่าง ๆ ในสถานที่สาธารณะ ก็ยังสามารถใช้งานโหมด Transparency ได้ทันที เพื่อพูดคัยหรือรับฟังเสียงจากรอบข้าง แบบไม่จำเป็นจะต้องกดหยุดการเล่นอีกด้วย

สำหรับการควบคุมการตัดเสียงรบกวน รุ่นนี้จะทำงานได้ด้วยระบบ AI จากการควบคุมการทำงานของชิปประมวลผลเสียง TWS200 และระบบ Active Noise Cancellation ที่ทำงานร่วมกันกับ Dual-MIC AI-Enhanced ENC tech และไดรเวอร์เสียงขนาด 12 มิลลิเมตร

จุดเด่น
  • ระบบ Transparency สำหรับการใช้เพื่อสนทนา
  •  การควบคุมหูฟังด้วยระบบสัมผัส
  •  โหมดเกมสำหรับลดดีเลย์เสียง
  •  ระบบตัดเสียงรบกวนที่เพิ่มประสิทธิภาพด้วย Dual-MIC AI-Enhanced ENC tech
  •  น้ำหนักของหูฟังแต่ละข้างเพียง 4 กรัม
จุดควรพิจารณา
  • ไดรเวอร์เสียงมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ
  •  ไม่มีสีให้สามารถเลือกซื้อได้

10. Xiaomi Mi In-Ear Headphone Basic

Xiaomi Mi In-Ear Headphone Basic
แบรนด์และรุ่นสินค้าXiaomi Mi In-Ear Headphone Basic
ประเภทIn-ear
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด
การเชื่อมต่อAudio 3.5 mm
ขนาดไดรเวอร์
น้ำหนัก14 กรัม

รุ่นสุดท้ายเป็น หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี แบบมีสาย ที่สามารถจับต้องได้ง่ายด้วยราคาที่ย่อมเยา ซึ่งทำให้คุณสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นจะต้องทำการชาร์จแบตเตอรี่ สำหรับจุดเด่นของหูฟังตัวนี้ จะเป็นการที่ออกแบบมาให้สวมใส่ได้กระชับกับช่องหู และมีน้ำหนักที่เบาเพียง 14 กรัม จากวัสดุแบบอะลูมิเนียมอัลลอยด์ที่ถูกเลือกใช้งาน ในขณะที่คุณกำลังทำการใช้งาน จะสามารถสร้างเสียงที่ส่งออกมาได้อย่างนุ่ม ด้วยการไม่ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนมากจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังสามารถเสียบต่อ และใช้งานได้สะดวกกว่าหูฟังมีสายทั่วไป จากการมีความยาวสายที่มากถึง 1.25 เมตรด้วยเช่นกัน

จุดเด่น
  • น้ำหนักเบาเพียง 14 กรัม
  •  ความยาวสาย 1.25 เมตร
  •  การออกแบบหูฟังตามหลักสรีระศาสตร์
  •  ไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่เช่นเดียวกับรุ่นอื่น ๆ 
  •  วัสดุที่มีความทนทานจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์
จุดควรพิจารณา
  • ระบบตัดเสียงรบกวนมีคุณภาพต่ำกว่ารุ่นอื่น ๆ
  •  ไม่มีฟังก์ชันสำหรับอำนวยความสะดวกมากนัก

วิธีเลือกซื้อหูฟังตัดเสียงรบกวน 

10 หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี

1. เลือกจากรูปแบบการเชื่อมต่อ

สินค้าทั้งหมดในหมวดหมู่ของหูฟังตัดเสียงรบกวนในวันนี้ คุณจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ว่ามีการแบ่งแยกออกมาได้ 2 รูปแบบ คือ หูฟังที่สามารถใช้งานได้แบบไร้สาย และหูฟังแบบมีสายทั่วไป ที่คุณจะสามารถเลือกซื้อตามความต้องการได้ยืดหยุ่น 

ซึ่งหูฟังไร้สายจะเน้นความสะดวกสบายในการใช้งาน รวมถึงมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายมากกว่า เช่น การสั่งการทำงานด้วยเสียง หรือการมีโหมดสำหรับเล่นเกมเฉพาะถูกติดตั้งมาให้ และหูฟังมีสายจะเน้นการพกพาที่ทำได้ง่าย อีกทั้งยังเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้สายเสียบเข้ากับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่น ๆ โดยตรงนั่นเอง

2. เลือกจากประเภทหูฟัง

อีกหนึ่งเรื่องที่คุณจะสามารถพบเห็นได้จากสินค้าในวันนี้ คือ ประเภทของหูฟังที่หลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหูฟังแบบ Headphone และ In-ear ที่มักจะมีความโดดเด่นในด้านของการตัดเสียงรบกวนเป็นหลัก โดยถึงแม้จะมีคุณสมบัติในการตัดเสียงรบกวนเช่นเดียวกัน แต่ละประเภทของหูฟังก็ยังมีลักษณะของจุดเด่นที่น่าสนใจ ให้เราสามารถเลือกใช้งานได้แตกต่างกัน เช่น หูฟังแบบ Headphone จะมีจุดเด่นเรื่องของระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนาน

จากการใช้งานแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ และการออกแบบส่วนครอบหู ที่ช่วยให้การสวมใส่ระยะยาวทำได้ดีมากยิ่งขึ้น ส่วนหูฟังแบบ In-ear จะเน้นการสวมใส่ที่สะดวกสบาย ด้วยการมีน้ำหนักเบามากเป็นพิเศษ และพกพาได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น จากขนาดที่เล็กลงมาจากหูฟังแบบ Headphone อย่างมาก นอกจากนี้ก็ยังมีหูฟังแบบ Earbuds บางรุ่น ที่เน้นการสวมใส่ได้สบาย ด้วยน้ำหนักที่เบากว่าหูฟัน In-ear แต่ก็แลกมากับคุณภาพของการตัดเสียงรบกวน ที่ต่ำลงมาด้วยพร้อมกัน

3. เลือกจากคุณภาพของการตัดเสียงรบกวน

หูฟังตัดเสียงรบกวนแต่ละรุ่น จะมีคุณภาพในการตัดเสียงรบกวนที่แตกต่างกันออกไป โดยจะขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่แต่ละแบรนด์เลือกใช้กับหูฟังตัวนั้น ๆ ซึ่งนอกจากโหมดการตัดเสียงรบกวนพื้นฐาน ที่เราจะพบเห็นได้ในสินค้าทุกรุ่นแล้ว เราก็ยังพบเห็นสินค้าที่สนับสนุนการทำงานในส่วนนี้ได้มากมาย จากการเพิ่มส่วนประกอบอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน

ยกตัวอย่างเช่น บางรุ่นที่มีการเพิ่มการควบคุมระบบตัดเสียงรบกวน จากการทำงานของระบบ AI, การเพิ่มจำนวนไมโครโฟนสำหรับตรวจจับเสียง ที่จะทำให้รับรายละเอียดในการใช้งานด้านเสียงได้ดีมากยิ่งขึ้น หรือการเสริมและสนับสนุนการใช้งานแบบเฉพาะ ด้วยการใช้งานเทคโนโลยีร่วมกันกับระบบตัดเสียงรบกวนอย่างระบบ DSEE Extreme และ Acoustic Noise Cancelling™ ที่เราได้แนะนำไปให้กับสินค้าบางตัว เป็นต้น

ข้อดีของหูฟังตัดเสียงรบกวน

10 หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี น่าซื้อ

1. การเพิ่มคุณภาพให้กับการสื่อสาร

แต่เดิมแล้วหูฟังตัดเสียงรบกวน จะถูกออกแบบมาเพื่อให้คุณสามารถสื่อสาร หรือสนทนาได้อย่างชัดเจนและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการติดตั้งไมโครโฟนสำหรับเป็นส่วนเสริม และใช้ในการรับเสียงให้ได้มากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นจึงเหมาะสำหรับการใช้เพื่อประชุม ไปจนถึงการพูดคุยทั่วไปในชีวิตประจำวัน มากกว่าหูฟังประเภทอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีฟังก์ชันลักษณะนี้ติดตั้งมาให้ นอกจากนี้ด้วยการทำให้สามารถสื่อสาร และบันทึกเสียงสนทนาได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น จึงสนับสนุนให้การบันทึกวิดีโอ หรือใช้งานบันทึกเสียงลักษณะอื่น ๆ ก็จะทำได้ดีขึ้นมาอีกไม่น้อยเลยทีเดียว

2. ช่วยให้คุณใช้งานหูฟังกับสถานที่ที่มีเสียงดังได้ดีมากยิ่งขึ้น

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนมีความสำคัญ จะเป็นการที่ระบบนี้จะทำให้ความเงียบ ในระหว่างที่คุณใช้งานหูฟังยังพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลงหรือการเล่นเกม เพิ่มสูงขึ้นมาได้มากยิ่งขึ้น ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มักจะทำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่บริเวณนอกสถานที่หรือพื้นที่ที่มีเสียงดังมากเป็นพิเศษอยู่เสมอ โดยนอกจากจะทำให้คุณจดจ่อกับสิ่งนั้นได้มากยิ่งขึ้นแล้ว ก็ยังจะช่วยลดปัญหาสุขภาพจากเสียงที่มีผลต่อร่างกาย จากระดับความดังที่มากจนเกินไปด้วยพร้อม ๆ กัน

3. การใช้งานได้แบบไร้สาย

หูฟังตัดเสียงรบกวนส่วนใหญ่ จะถูกออกแบบมาให้เป็นหูฟังไร้สาย ที่มีการใช้งานได้จากแบตเตอรี่ภายใน ซึ่งทำให้จุดเด่นที่สำคัญของสินค้าส่วนใหญ่ คือ การที่สามารถใช้งานได้สะดวกสบาย ด้วยการเชื่อมต่อผ่านระบบ Bluetooth ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานกับอุปกรณ์หลักรูปแบบใดก็ตาม โดยหากเป็นการใช้งานแบบไร้สาย คุณภาพของฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน จะแตกต่างกันออกไปตามส่วนประกอบต่าง ๆ และเทคโนโลยีที่ถูกเลือกใช้งาน, ไดรเวอร์เสียง หรือแม้แต่จำนวนไมโครโฟนที่ถูกติดตั้งมาให้ เพราะฉะนั้นถึงแม้จะใช้งานได้แบบไร้สาย แต่ระยะเวลาการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ก็จะมีความยาวนานแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน

บทสรุป หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี

สำหรับคำตอบของ หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี ในวันนี้ เราขอให้สินค้าจากแบรนด์ Sony หรือ Sony WH-1000XM5 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและดีที่สุด ด้วยการออกแบบมาอย่างหรูหรา และการถูกติดตั้งเทคโนโลยีที่น่าสนใจมาให้มากมาย ซึ่งเน้นไปในส่วนของการตัดเสียงรบกวนโดยเฉพาะ ช่วยให้คุณสามารถใช้ทั้งการเล่นเกม, การทำงาน หรือการฟังเพลงได้อย่างดีที่สุด และหากคุณอยากลองเลือกดูหูฟังอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจ ก็สามารถตามไปอ่านบทความหูฟังบลูทูธ ที่รวบรวมสินค้าที่น่าสนใจอีกมากมายไว้ให้บทเว็บไซต์ของเราได้ด้วยเช่นกัน

Similar Posts