เราเชื่อว่าในปัจจุบันหูฟังเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พื้นฐานทั่วไป ที่ทุกคนจะต้องมีไว้ใช้งานกับสมาร์ทโฟนอย่างแน่นอน เพราะเราสามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้งการฟังเพลง, การเล่นเกม ไปจนถึงการรับชมรายการและซีรีส์ผ่านแอปสตรีมมิ่งต่าง ๆ ซึ่งประเภทของหูฟังที่ดีที่สุด หากคุณต้องการรับฟังทุกสิ่งให้มีคุณภาพ ก็คือ หูฟังพร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน ที่มีวางขายอยู่มากมายในปัจจุบัน และเมื่อมีสินค้าวางขายอยู่มากมาย ก็ทำให้มีหลายคนที่มักจะตั้งคำถาม ว่าควรเลือกซื้อ หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี ที่จะเหมาะกับการใช้งานของตนเองมากที่สุด
10 หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี
- หูฟังตัดเสียงรบกวน Sony WH-1000XM5
- หูฟังตัดเสียงรบกวน Bose QuietComfort® 45
- หูฟังตัดเสียงรบกวน Sony WH-1000XM4
- หูฟังตัดเสียงรบกวน Sony WF-1000XM4
- หูฟังตัดเสียงรบกวน Jabra Elite 85t
- หูฟังตัดเสียงรบกวน JBL Tune 710 BT
- หูฟังตัดเสียงรบกวน Anker SoundCore Liberty Air 2
- หูฟังตัดเสียงรบกวน Edifier Direct W280NB
- หูฟังตัดเสียงรบกวน SoundPEATS LIFE
- หูฟังตัดเสียงรบกวน Xiaomi Mi In-Ear Headphone Basic
- ชิปประมวลผลเสียงคุณภาพสูง
- ระยะเวลาการใช้งานยาวนาน 40 ชั่วโมง
- ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนทั้งหมด 8 ตัว
- ระบบหยุดการเล่นเสียงทันทีเมื่อถอดออก
- ไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ 30 มิลลิเมตร
- สีของสินค้าทั้งหมด 4 สีที่แตกต่างกัน
- โหมดการชาร์จไว 15 นาที
- ส่วนฟองน้ำครอบหูถูกออกแบบมาให้มีความนุ่มมากเป็นพิเศษ
- ระบบตัดเสียงที่ถูกเพิ่มคุณภาพด้วยเทคโนโลยี Acoustic Noise Cancelling™
- การชาร์จแบตเตอรี่ที่รวดเร็วเพียง 2.5 ชั่วโมง
หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี 2024
สำหรับคนที่กำลังมองหาหูฟังตัดเสียงรบกวนที่น่าสนใจ เราจะแนะนำให้คุณได้รู้จักกับ 10 รุ่น หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี จากแบรนด์ต่าง ๆ ดังนี้
1. Sony WH-1000XM5
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Sony WH-1000XM5 |
ประเภท | Headphone |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | 40 ชั่วโมง |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.2 |
ขนาดไดรเวอร์ | 30 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก | – |
หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี สินค้าตัวแรกเป็นหูฟังของแบรนด์ Sony ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในการวางจำหน่ายหูฟังและลำโพงโดยเฉพาะ ซึ่งในปัจจุบันรุ่นนี้จัดเป็นสินค้าที่น่าสนใจ และดีที่สุดในหมวดหมู่ของหูฟังครอบหูแบบไร้สาย ที่มาพร้อมคุณสมบัติในการตัดเสียงรบกวน ด้วยการทำงานของชิปประมวลผลเสียง QN1 และการใช้งานไมโครโฟนร่วมกันทั้งหมด 8 ตัว ที่จะคอยช่วยเพิ่มคุณสมบัติให้การตัดเสียงรบกวนได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับการใช้งานหูฟังตัวนี้ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับชมภาพยนตร์, การรับชมคอนเทนต์ หรือแม้แต่การฟังเพลง โดยพื้นฐานก็ยังจะสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 40 ชั่วโมงต่อหนึ่งรอบการชาร์จเลยทีเดียว
- ชิปประมวลผลเสียงคุณภาพสูง
- ระยะเวลาการใช้งานยาวนาน 40 ชั่วโมง
- ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนทั้งหมด 8 ตัว
- ระบบหยุดการเล่นเสียงทันทีเมื่อถอดออก
- ไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ 30 มิลลิเมตร
- น้ำหนักค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับหูฟังประเภทอื่น ๆ
- ส่วนปรับระดับความยาวทำได้ไม่ยืดหยุ่นมากนัก
2. Bose QuietComfort® 45
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Bose QuietComfort® 45 |
ประเภท | Headphone |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | 22 ชั่วโมง |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.1 |
ขนาดไดรเวอร์ | – |
น้ำหนัก | – |
Bose QuietComfort® 45 เป็นหูฟังที่เน้นการออกแบบมาให้สวมใส่ได้สบาย จากส่วนของฟองน้ำครอบหู ที่ค่อนข้างมีความนุ่มมากเป็นพิเศษ ในขณะที่วัสดุในการผลิตส่วนของโครงพื้นฐานนั้น ก็ถูกเลือกใช้งานเป็นพลาสติกคุณภาพยอดเยี่ยม ที่ทำให้มีน้ำหนักค่อนข้างเบา และช่วยให้การสวมใส่มีความรู้สึกสบายมากเป็นพิเศษ สำหรับคุณภาพในการตัดเสียงรบกวน รุ่นนี้จะถูกใช้งานร่วมกันกับเทคโนโลยี Acoustic Noise Cancelling™ ช่วยเพิ่มคุณภาพให้กับการฟังเพลงได้มากยิ่งขึ้น
ด้วยการจับเสียงจากไมโครโฟนทั้งหมด 6 ตัว และเพื่อให้คุณใช้งานได้ต่อเนื่องตลอดวัน ตัวหูฟังจึงได้มีการออกแบบแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ มาให้ใช้งานได้ตลอด 22 ชั่วโมงเพียงครั้งเดียว และยังมีโหมดชาร์จไว 15 นาที ที่ทำให้คุณใช้งานตัวหูฟังได้ยาวนานถึง 3 ชั่วโมงอีกด้วย
- สีของสินค้าทั้งหมด 4 สีที่แตกต่างกัน
- โหมดการชาร์จไว 15 นาที
- ส่วนฟองน้ำครอบหูถูกออกแบบมาให้มีความนุ่มมากเป็นพิเศษ
- ระบบตัดเสียงที่ถูกเพิ่มคุณภาพด้วยเทคโนโลยี Acoustic Noise Cancelling™
- การชาร์จแบตเตอรี่ที่รวดเร็วเพียง 2.5 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุดไม่ยาวนานมากนัก
- บริเวณส่วนครอบหูมีขนาดใหญ่พอสมควร
3. Sony WH-1000XM4
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Sony WH-1000XM4 |
ประเภท | Headphone |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | 30 ชั่วโมง |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
ขนาดไดรเวอร์ | 40 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก | – |
Sony WH-1000XM4 เป็นหูฟังตัดเสียงรบกวน Sony อีกหนึ่งตัว ที่มาพร้อมคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย เริ่มตั้งแต่การตัดเสียงรบกวนคุณภาพสูง ด้วยการใช้งานเทคโนโลยี Dual Noise Sensor ในการบันทึกและตรวจจับเสียง และมีการชดเชยเสียงในส่วนที่ขาดหายให้มีความครบได้มากยิ่งขึ้น จากฟังก์ชัน DSEE Extreme ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากทางแบรนด์
โดยที่คุณจะสามารถสวมใส่ได้ตลอด 30 ชั่วโมง และมีโหมดการชาร์จด่วนที่ใช้งานได้ 5 ชั่วโมง จากระยะเวลาชาร์จเพียง 10 นาทีถูกออกแบบมาให้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีฟังก์ชันการปรับเปลี่ยนการทำงานอย่างระบบ Adaptive Sound Control ถูกออกแบบมาเพื่อปรับการทำงานให้แบบอัตโนมัติด้วยเช่นกัน
- ระบบ Adaptive Sound Control สำหรับปรับแต่งการทำงานของเสียงให้เหมาะกับสถานการณ์
- เทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวน Dual Noise Sensor
- ไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ 40 มิลลิเมตร
- โหมดการชดเชยรายละเอียดเสียงที่ขาดหาย DSEE Extreme
- โหมดการชาร์จไว 10 นาทีใช้งานได้ต่อเรื่อง 5 ชั่วโมง
- การออกแบบโดยรวมค่อนข้างเรียบง่าย
- มีเพียงสีพื้นฐานอย่างสีดำและสีขาวให้เลือกซื้อได้
4. Sony WF-1000XM4
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Sony WF-1000XM4 |
ประเภท | In-ear |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | 24 ชั่วโมง |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.2 |
ขนาดไดรเวอร์ | 6 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก | – |
หูฟังตัดเสียงรบกวนรุ่นนี้เป็นหูฟังตัวแรก ที่เป็นประเภท In-ear ที่น่าสนใจ ซึ่งเราได้นำมาให้คุณลองเลือกใช้กัน โดยภายนอกของการออกแบบ จะให้ความรู้สึกที่ดูหรูหรา และมีการออกแบบจุกหูฟังมาให้มีขนาดมาตรฐาน ช่วยให้ทุกคนที่ใช้งานจะสามารถสวมใส่ได้สบาย แม้จะใช้เพื่อฟังเพลง, เล่นเกม หรือรับชมสิ่งต่าง ๆ เป็นระยะเวลา 8 ชั่วโมง ที่เป็นระยะเวลาการใช้งานในหนึ่งรอบสูงสุดเมื่อนำออกจากเคสชาร์จ แต่จะสามารถเพิ่มขึ้นได้มากถึง 16 ชั่วโมง
เมื่อใช้งานร่วมกันกับเคสขนาดกะทัดรัด ที่ถูกออกแบบมาให้ด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องของการตัดเสียงรบกวน รุ่นนี้จะมีการเลือกใช้งานส่วนเพิ่มความครบของเสียง DSEE Extreme ถูกติดตั้งมาให้ ซึ่งจะเพิ่มคุณภาพให้ได้มากยิ่งขึ้น เมื่อทำงานกับไดรเวอร์เสียงขนาด 6 มิลลิเมตรด้วยพร้อม ๆ กัน
- ระยะเวลาการใช้งานต่อรอบที่ยาวนาน 8 ชั่วโมงที่ยาวนานสำหรับหูฟังพร้อมเคส
- การออกแบบเคสมาอย่างหรูหราและจับถือได้สะดวก
- ระบบเพิ่มความครบของเสียงแบบ DSEE Extreme
- ระบบสั่งการด้วยเสียงแบบไร้สาย
- การยึดระยะเวลาให้ยาวนานขึ้นได้สูงถึง 13 ชั่วโมงเมื่อปิดโหมดตัดเสียงรบกวน
- ระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มเติมของเคสชาร์จไม่สูงมากนัก
5. Jabra Elite 85t
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Jabra Elite 85t |
ประเภท | Earbuds |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | – |
การเชื่อมต่อ | – |
ขนาดไดรเวอร์ | 12 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก | – |
สำหรับรุ่นนี้จะเป็นหูฟังตัดเสียงรบกวนแบบ Earbuds ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด ทำให้สวมใส่ได้อย่างสบายและไม่เทอะทะ รวมไปถึงยังมีน้ำหนักที่ไม่มากจนเกินไป หากคุณจะต้องใช้งานต่อเนื่องในระยะเวลาที่ยาวนาน ทำให้เหมาะอย่างมากสำหรับการสวมใส่สื่อสาร เพื่อพูดคุยในระหว่างการทำงานหรือการประชุม โดยการสนับสนุนการทำงานในลักษณะนี้
จะทำได้ดีด้วยระบบตัดเสียง Active Noise Cancellation ที่จะทำให้คุณสามารถพูดคุยได้อย่างคมชัดโดยปราศจากเสียงรบกวน อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการแสดงผลเสียงได้มากยิ่งขึ้น ด้วยไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ 12 มิลลิเมตรอีกด้วย นอกจากนี้เพื่อให้ใช้งานได้ยาวนานได้ดี ก็ยังมีการแถมเวลารับประกันมาให้ถึง 2 ปีอีกด้วย
- รองรับฟังก์ชันการชาร์จไร้สาย
- การรับประกัน 2 ปี
- ไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่สำหรับหูฟัง Earbuds
- การปรับแต่งเสียงได้ผ่านแอปพลิเคชัน
- ไมโครโฟนตรวจจับเสียง 6 ตัว
- เคสชาร์จมีขนาดใหญ่พอสมควร
- สีของสินค้าทั้ง 2 รูปแบบมีความใกล้เคียงกัน
6. JBL Tune 710 BT
แบรนด์และรุ่นสินค้า | JBL Tune 710 BT |
ประเภท | Headphone |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | 50 ชั่วโมง |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
ขนาดไดรเวอร์ | 40 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก | 220 กรัม |
JBL Tune 710 BT เป็นตัวเลือกอที่ดีสำหรับคนที่กำลังมองหาหูฟัง ที่เป็นคำตอบของหูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดีที่ถูกออกแบบมา โดยเน้นจุดเด่นไปในด้านของระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานโดยเฉพาะ ด้วยจุดเด่นสำคัญที่น่าสนใจ คือ ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 50 ชั่วโมง ที่ถือว่ายาวนานอย่างมากสำหรับหูฟังทุกประเภทในปัจจุบัน
แต่จะใช้ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ที่ต่ำเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น ที่สำคัญถึงแม้จะสามารถใช้งานได้ยาวนานดังที่เราได้กล่าวไป ด้วยการติดตั้งแบตเตอรี่มาให้มีขนาดใหญ่ แต่น้ำหนักโดยรวมนั้นกลับอยู่ในช่วงที่ต่ำเพียง 220 กรัมเท่านั้น ซึ่งจัดว่าเบาอย่างมากเมื่อเทียบกันกับขนาดและส่วนอื่น ๆ
- น้ำหนักโดยรวมต่ำเพียง 220 กรัม
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด 50 ชั่วโมง
- ระบบสั่งการทำงานด้วยเสียง
- พับเก็บได้ง่ายและพกพาได้สะดวก
- ไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ 40 มิลลิเมตร
- ใช้ Bluetooth เวอร์ชั่นเก่าในการเชื่อมต่อ
- การออกแบบที่เรียบง่าย
7. Anker SoundCore Liberty Air 2
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Anker SoundCore Liberty Air 2 |
ประเภท | In-ear |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | 28 ชั่วโมง |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
ขนาดไดรเวอร์ | – |
น้ำหนัก | 58.96 กรัม |
Anker SoundCore Liberty Air 2 เป็นหูฟังแบบตัดเสียงรบกวน ที่พกพาได้ง่ายด้วยน้ำหนักเบา และสามารถใช้งานได้สะดวก ด้วยตัวหูฟังที่เป็นแบบ In-ear ทำให้สวมใส่ได้อย่างเข้ากันกับใบหู และมีลักษณะของก้านหูฟังที่มีความยาว ช่วยให้จับถือและถอดออกได้ง่าย โดยนอกจากการออกแบบที่ทำให้ใช้งานได้สะดวกแล้ว ก็ยังมีความน่าสนใจในส่วนอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น
การมีระยะเวลาใช้งานยาวนานสูงสุด 28 ชั่วโมง, การชาร์จแบตเตอรี่ที่ทำได้แบบไร้สาย, การใช้ไมโครโฟนตัดเสียงทั้งหมด 4 ตัว สำหรับช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบ Noise Cancellation และการรองรับมาตรฐานการกันน้ำ IPX 5 เป็นต้น
- ระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่ที่รวดเร็ว
- ตัวเคสรองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบบไร้สาย
- การออกแบบมาให้เหมาะกับการพกพา
- มาตรฐานการกันน้ำ IPX5
- การใช้งานในหนึ่งรอบการชาร์จที่ยาวนาน
- ขนาดของหูฟังแต่ละข้างค่อนข้างใหญ่
- การเชื่อมต่อด้วย Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0
8. Edifier Direct W280NB
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Edifier Direct W280NB |
ประเภท | In-ear |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | 13 ชั่วโมง |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
ขนาดไดรเวอร์ | – |
น้ำหนัก | – |
Edifier Direct W280NB เป็นหูฟังที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการออกกำลังกายโดยเฉพาะ ด้วยการเป็นลักษณะของหูฟังคล้องคอ ที่จะมีการเชื่อมต่อสายแยกออกมาจากหูฟังแต่ละข้อง แต่จะยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย ด้วยการใช้งานระบบ Bluetooth 5.0 ซึ่งส่วนที่ช่วยสนับสนุนการใช้งานด้านการออกกำลังกายนั้น คือ การรับรองมาตรฐานการกันน้ำในระดับ IP55 ทำให้สามารถป้องกันฝุ่นและความชื้นได้ดี
นอกจากนี้ก็ยังมีโหมดการเล่นเกม สำหรับเพิ่มคุณภาพเสียงโดยเฉพาะ ถูกติดตั้งมาให้พร้อมกันอีกด้วย โดยที่ทั้งหมดนั้นสามารถสนับสนุนการรับฟังเสียงให้ดีได้มากยิ่งขึ้น จากการใช้งานใช้งานระบบ Active Noise Cancellation ด้วยนั่นเอง
- การสวมใส่แบบคล้องคอเหมาะสำหรับการออกกำลังกาย
- รองรับฟังก์ชันการชาร์จเร็ว
- เกมโหมดสำหรับการเล่นเกม
- การรับรองมาตรฐานการกันน้ำ IP55
- ระบบการตัดเสียงรบกวนด้วย AI
- ไม่มีฟังก์ชันการสั่งการด้วยเสียง
- ระหว่างการสวมใส่อาจรู้สึกเกะกะได้พอสมควร
9. SoundPEATS LIFESoundPEATS LIFE
แบรนด์และรุ่นสินค้า | SoundPEATS LIFE |
ประเภท | In-ear |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | 25 ชั่วโมง |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.2 |
ขนาดไดรเวอร์ | 12 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก | 50 กรัม |
หูฟังตัวนี้เป็นหูฟัง In-ear ที่สวมใส่สบาย และใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 25 ชั่วโมง ด้วยการชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มเติมผ่านเคสชาร์จ โดยตัวสินค้าจะเหมาะสำหรับการเล่นเกม ด้วยการใช้งานโหมดเกมโดยเฉพาะ และในระหว่างที่คุณกำลังสวมใส่เพื่อฟังเพลง หรือทำสิ่งต่าง ๆ ในสถานที่สาธารณะ ก็ยังสามารถใช้งานโหมด Transparency ได้ทันที เพื่อพูดคัยหรือรับฟังเสียงจากรอบข้าง แบบไม่จำเป็นจะต้องกดหยุดการเล่นอีกด้วย
สำหรับการควบคุมการตัดเสียงรบกวน รุ่นนี้จะทำงานได้ด้วยระบบ AI จากการควบคุมการทำงานของชิปประมวลผลเสียง TWS200 และระบบ Active Noise Cancellation ที่ทำงานร่วมกันกับ Dual-MIC AI-Enhanced ENC tech และไดรเวอร์เสียงขนาด 12 มิลลิเมตร
- ระบบ Transparency สำหรับการใช้เพื่อสนทนา
- การควบคุมหูฟังด้วยระบบสัมผัส
- โหมดเกมสำหรับลดดีเลย์เสียง
- ระบบตัดเสียงรบกวนที่เพิ่มประสิทธิภาพด้วย Dual-MIC AI-Enhanced ENC tech
- น้ำหนักของหูฟังแต่ละข้างเพียง 4 กรัม
- ไดรเวอร์เสียงมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ
- ไม่มีสีให้สามารถเลือกซื้อได้
10. Xiaomi Mi In-Ear Headphone Basic
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Xiaomi Mi In-Ear Headphone Basic |
ประเภท | In-ear |
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด | – |
การเชื่อมต่อ | Audio 3.5 mm |
ขนาดไดรเวอร์ | – |
น้ำหนัก | 14 กรัม |
รุ่นสุดท้ายเป็น หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี แบบมีสาย ที่สามารถจับต้องได้ง่ายด้วยราคาที่ย่อมเยา ซึ่งทำให้คุณสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นจะต้องทำการชาร์จแบตเตอรี่ สำหรับจุดเด่นของหูฟังตัวนี้ จะเป็นการที่ออกแบบมาให้สวมใส่ได้กระชับกับช่องหู และมีน้ำหนักที่เบาเพียง 14 กรัม จากวัสดุแบบอะลูมิเนียมอัลลอยด์ที่ถูกเลือกใช้งาน ในขณะที่คุณกำลังทำการใช้งาน จะสามารถสร้างเสียงที่ส่งออกมาได้อย่างนุ่ม ด้วยการไม่ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนมากจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังสามารถเสียบต่อ และใช้งานได้สะดวกกว่าหูฟังมีสายทั่วไป จากการมีความยาวสายที่มากถึง 1.25 เมตรด้วยเช่นกัน
- น้ำหนักเบาเพียง 14 กรัม
- ความยาวสาย 1.25 เมตร
- การออกแบบหูฟังตามหลักสรีระศาสตร์
- ไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่เช่นเดียวกับรุ่นอื่น ๆ
- วัสดุที่มีความทนทานจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์
- ระบบตัดเสียงรบกวนมีคุณภาพต่ำกว่ารุ่นอื่น ๆ
- ไม่มีฟังก์ชันสำหรับอำนวยความสะดวกมากนัก
วิธีเลือกซื้อหูฟังตัดเสียงรบกวน
1. เลือกจากรูปแบบการเชื่อมต่อ
สินค้าทั้งหมดในหมวดหมู่ของหูฟังตัดเสียงรบกวนในวันนี้ คุณจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ว่ามีการแบ่งแยกออกมาได้ 2 รูปแบบ คือ หูฟังที่สามารถใช้งานได้แบบไร้สาย และหูฟังแบบมีสายทั่วไป ที่คุณจะสามารถเลือกซื้อตามความต้องการได้ยืดหยุ่น
ซึ่งหูฟังไร้สายจะเน้นความสะดวกสบายในการใช้งาน รวมถึงมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายมากกว่า เช่น การสั่งการทำงานด้วยเสียง หรือการมีโหมดสำหรับเล่นเกมเฉพาะถูกติดตั้งมาให้ และหูฟังมีสายจะเน้นการพกพาที่ทำได้ง่าย อีกทั้งยังเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้สายเสียบเข้ากับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่น ๆ โดยตรงนั่นเอง
2. เลือกจากประเภทหูฟัง
อีกหนึ่งเรื่องที่คุณจะสามารถพบเห็นได้จากสินค้าในวันนี้ คือ ประเภทของหูฟังที่หลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหูฟังแบบ Headphone และ In-ear ที่มักจะมีความโดดเด่นในด้านของการตัดเสียงรบกวนเป็นหลัก โดยถึงแม้จะมีคุณสมบัติในการตัดเสียงรบกวนเช่นเดียวกัน แต่ละประเภทของหูฟังก็ยังมีลักษณะของจุดเด่นที่น่าสนใจ ให้เราสามารถเลือกใช้งานได้แตกต่างกัน เช่น หูฟังแบบ Headphone จะมีจุดเด่นเรื่องของระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนาน
จากการใช้งานแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ และการออกแบบส่วนครอบหู ที่ช่วยให้การสวมใส่ระยะยาวทำได้ดีมากยิ่งขึ้น ส่วนหูฟังแบบ In-ear จะเน้นการสวมใส่ที่สะดวกสบาย ด้วยการมีน้ำหนักเบามากเป็นพิเศษ และพกพาได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น จากขนาดที่เล็กลงมาจากหูฟังแบบ Headphone อย่างมาก นอกจากนี้ก็ยังมีหูฟังแบบ Earbuds บางรุ่น ที่เน้นการสวมใส่ได้สบาย ด้วยน้ำหนักที่เบากว่าหูฟัน In-ear แต่ก็แลกมากับคุณภาพของการตัดเสียงรบกวน ที่ต่ำลงมาด้วยพร้อมกัน
3. เลือกจากคุณภาพของการตัดเสียงรบกวน
หูฟังตัดเสียงรบกวนแต่ละรุ่น จะมีคุณภาพในการตัดเสียงรบกวนที่แตกต่างกันออกไป โดยจะขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่แต่ละแบรนด์เลือกใช้กับหูฟังตัวนั้น ๆ ซึ่งนอกจากโหมดการตัดเสียงรบกวนพื้นฐาน ที่เราจะพบเห็นได้ในสินค้าทุกรุ่นแล้ว เราก็ยังพบเห็นสินค้าที่สนับสนุนการทำงานในส่วนนี้ได้มากมาย จากการเพิ่มส่วนประกอบอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น บางรุ่นที่มีการเพิ่มการควบคุมระบบตัดเสียงรบกวน จากการทำงานของระบบ AI, การเพิ่มจำนวนไมโครโฟนสำหรับตรวจจับเสียง ที่จะทำให้รับรายละเอียดในการใช้งานด้านเสียงได้ดีมากยิ่งขึ้น หรือการเสริมและสนับสนุนการใช้งานแบบเฉพาะ ด้วยการใช้งานเทคโนโลยีร่วมกันกับระบบตัดเสียงรบกวนอย่างระบบ DSEE Extreme และ Acoustic Noise Cancelling™ ที่เราได้แนะนำไปให้กับสินค้าบางตัว เป็นต้น
ข้อดีของหูฟังตัดเสียงรบกวน
1. การเพิ่มคุณภาพให้กับการสื่อสาร
แต่เดิมแล้วหูฟังตัดเสียงรบกวน จะถูกออกแบบมาเพื่อให้คุณสามารถสื่อสาร หรือสนทนาได้อย่างชัดเจนและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการติดตั้งไมโครโฟนสำหรับเป็นส่วนเสริม และใช้ในการรับเสียงให้ได้มากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นจึงเหมาะสำหรับการใช้เพื่อประชุม ไปจนถึงการพูดคุยทั่วไปในชีวิตประจำวัน มากกว่าหูฟังประเภทอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีฟังก์ชันลักษณะนี้ติดตั้งมาให้ นอกจากนี้ด้วยการทำให้สามารถสื่อสาร และบันทึกเสียงสนทนาได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น จึงสนับสนุนให้การบันทึกวิดีโอ หรือใช้งานบันทึกเสียงลักษณะอื่น ๆ ก็จะทำได้ดีขึ้นมาอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
2. ช่วยให้คุณใช้งานหูฟังกับสถานที่ที่มีเสียงดังได้ดีมากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนมีความสำคัญ จะเป็นการที่ระบบนี้จะทำให้ความเงียบ ในระหว่างที่คุณใช้งานหูฟังยังพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลงหรือการเล่นเกม เพิ่มสูงขึ้นมาได้มากยิ่งขึ้น ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มักจะทำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่บริเวณนอกสถานที่หรือพื้นที่ที่มีเสียงดังมากเป็นพิเศษอยู่เสมอ โดยนอกจากจะทำให้คุณจดจ่อกับสิ่งนั้นได้มากยิ่งขึ้นแล้ว ก็ยังจะช่วยลดปัญหาสุขภาพจากเสียงที่มีผลต่อร่างกาย จากระดับความดังที่มากจนเกินไปด้วยพร้อม ๆ กัน
3. การใช้งานได้แบบไร้สาย
หูฟังตัดเสียงรบกวนส่วนใหญ่ จะถูกออกแบบมาให้เป็นหูฟังไร้สาย ที่มีการใช้งานได้จากแบตเตอรี่ภายใน ซึ่งทำให้จุดเด่นที่สำคัญของสินค้าส่วนใหญ่ คือ การที่สามารถใช้งานได้สะดวกสบาย ด้วยการเชื่อมต่อผ่านระบบ Bluetooth ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานกับอุปกรณ์หลักรูปแบบใดก็ตาม โดยหากเป็นการใช้งานแบบไร้สาย คุณภาพของฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน จะแตกต่างกันออกไปตามส่วนประกอบต่าง ๆ และเทคโนโลยีที่ถูกเลือกใช้งาน, ไดรเวอร์เสียง หรือแม้แต่จำนวนไมโครโฟนที่ถูกติดตั้งมาให้ เพราะฉะนั้นถึงแม้จะใช้งานได้แบบไร้สาย แต่ระยะเวลาการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ก็จะมีความยาวนานแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน
บทสรุป หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี
สำหรับคำตอบของ หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี ในวันนี้ เราขอให้สินค้าจากแบรนด์ Sony หรือ Sony WH-1000XM5 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและดีที่สุด ด้วยการออกแบบมาอย่างหรูหรา และการถูกติดตั้งเทคโนโลยีที่น่าสนใจมาให้มากมาย ซึ่งเน้นไปในส่วนของการตัดเสียงรบกวนโดยเฉพาะ ช่วยให้คุณสามารถใช้ทั้งการเล่นเกม, การทำงาน หรือการฟังเพลงได้อย่างดีที่สุด และหากคุณอยากลองเลือกดูหูฟังอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจ ก็สามารถตามไปอ่านบทความหูฟังบลูทูธ ที่รวบรวมสินค้าที่น่าสนใจอีกมากมายไว้ให้บทเว็บไซต์ของเราได้ด้วยเช่นกัน