รองเท้าหนังผู้ชาย ยี่ห้อไหนดี

แนะนำ รองเท้าหนังผู้ชาย ยี่ห้อไหนดี เหมาะสำหรับใส่ทำงาน ให้ลุคมืออาชีพ ฉบับปี 2023

รองเท้าหนัง กับผู้ชายนั้นมักเป็นของคู่กันเสมอไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าหนังสำหรับใส่ทำงาน รองเท้าหนังแบบลำลอง หรือรองเท้าหนังสำหรับใส่ออกงานต่างก็เป็นไอเท็มที่ทำให้คุณผู้ชายดูดี เช่นเดียวกับนาฬิกา หรือการใช้น้ำหอมต่างๆ ซึ่งจะบอกถึงการมีรสนิยมทุกครั้งเมื่อได้สวมใส่ และแม้รองเท้าหนังนั้นจะมีมากมายหลากหลายแบบ แต่มันก็มักจะมีแบบที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณผู้ชายอยู่เสมอใช่ไหมคะ

ในวันนี้บทความของเราจะขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับรองเท้าหนังสำหรับคุณผู้ชาย และวิธีการเลือก รองเท้าหนังผู้ชาย ยี่ห้อไหนดี ที่ใช่สำหรับคุณ ตามมาดูกันเลยค่ะ

รองเท้าหนังผู้ชาย ยี่ห้อไหนดี

รีวิวแนะนำ รองเท้าหนังผู้ชาย ยี่ห้อไหนดี

1. รองเท้าหนัง BROWN STONE Tassel Loafer Collection

รองเท้าหนังผู้ชาย BROWN STONE Tassel Loafer

ราคา 3,180 บาท

มาเริ่มกันเลยกับ รองเท้าหนังผู้ชาย ยี่ห้อไหนดี BROWN STONE Tassel Loafer เป็นรองเท้าหนังลำลองทรงพู่ แบบ Penny Loafer ผลิตจากหนังวัวแท้เกรดพรีเมียมที่คัดเฉพาะ

ด้วยวิธีการผลิตแบบแฮนด์เมด มาในดีไซน์ที่เรียบหรู ดูแพง มี 5 เฉดสีให้เลือกคือ Burgundy Brown สีน้ำตาลแดงไล่โทน, Black Patent สีดำเงา, BrickBrown สีน้ำตาลอิฐ, ClassyTan สีน้ำตาลแทนอ่อน และ Bezel Blue สีน้ำเงินเข้มไล่โทน เหมาะสำหรับทั้งใส่ทำงาน/ออกงานแบบสบายๆ และ Mix and Match ให้เป็นแบบ Smart Casual  

จุดเด่น

  • แมตช์กับชุดได้ง่าย ใส่กับอะไรก็ดูดี
  • ทำจากหนังเกรดพรีเมียม ดีไซน์หรูหรา มีเอกลักษณ์
  • พื้นผิวหนังทนทาน ไม่ซึมน้ำ
  • พื้นรองเท้าพรีเมียม TIMBERGUM™ ทนทาน
  • วิธีผลิตแบบแฮนด์เมด พิถีพิถันทุกขั้นตอน

ข้อควรพิจารณา​

  • ตรงขอบด้านในบริเวณส้นรองเท้าเเข็ง
  • ถ้าไม่ใส่ถุงเท้าใส่แล้วจะเจ็บส้นเท้า
  • ราคาค่อนข้างสูง

2. รองเท้าหนัง BROWN STONE CLASSY DERBY COLLECTION

รองเท้าหนังผู้ชาย BROWN STONE CLASSY DERBY COLLECTION

ราคา 3,580 บาท

BROWN STONE CLASSY DERBY COLLECTION  รองเท้าหนังแท้รุ่นนี้เป็นรองเท้าหนังสไตล์ Derby ที่มาในทรงหัวแหลมแบบผูกเชือก ทำจากหนังวัวแท้คุณภาพเยี่ยม เป็นหนังแบบ Oil Pull Up ที่ให้เฉดความเงาของหนัง ออกแบบอย่างปราณีต เน้นความโฉบเฉี่ยว

เหมาะสำหรับคุณผู้ชายที่ต้องการลุคแบบ Executive & Classic Professional เหมาะสำหรับใส่ในทุกโอกาสพิเศษ อาทิ ออกงาน, ประชุมใหญ่, ให้สัมภาษณ์ มีให้เลือกถึง 4 สีBurgundy Brown หนังสีน้ำตาลแดงไล่โทน,Onyx Black หนังออยล์ สีดำ, Brandy Brown หนังออยล์ สีน้ำตาลแดง, ToffeeTan หนังออยล์ สีน้ำตาลอ่อน

จุดเด่น

  • ทำจากหนังวัวแท้คุณภาพเยี่ยม เป็นหนังแบบ Oil Pull Up
  • มีแผ่นรองด้านในหลายชั้น ทั้งส่วนหลังเท้าและส้นเท้า
  • ใช้วิธีการตัดเย็บแบบแฮนด์เมด รูปทรงสไตล์ Derby
  • ใส่นุ่มสบาย ไม่กัดเท้า ไม่รัดเท้า
  • ระบายอากาศได้ดี

ข้อควรพิจารณา​

  • เป็นทรงหัวแหลม ไม่เหมาะกับคนที่มีหน้าเท้ากว้าง เพราะจะทำให้ปวดเท้า
  • คนเท้าบานใส่ออกมาไม่สวย
  • ราคาค่อนข้างสูง

3. รองเท้าหนัง Julietta Tassel belgian Loafer Unlined Suede Navy Blue

รองเท้าหนัง Julietta Tassel Belgian Loafer Suede

ราคา 3,190 บาท

Julietta Tassel Belgian Loafer Suede เป็นรองเท้าที่นำจุดเด่นของรองเท้าแบบ Tassel ที่เป็นพู่มารวมตัวกับรองเท้า Belgian Loafer ที่มี Vamp สั้นกว่ารองเท้าทั่วๆไป จึงทำให้เป็นรองเท้าที่คุณผู้ชายใส่ออกมาแล้วจะได้ลุคแบบ Casual  ให้ลุคสบายๆ แบบดูดี ซึ่งเหมาะกับทุกกิจกรรมแบบเบาๆ สบายๆ ไม่ว่าจะเป็นใส่ออกไปเดินเล่น/เดินช็อปปิ้ง ใส่เที่ยว

ผลิตจากจากหนังกลับ ทำให้ระบายอากาศได้ดี และให้สัมผัสนุ่มสบายเท้าเมื่อสวมใส่ รูปทรงสวย เหมาะกับคนที่ชื่นชอบรองเท้าหนังกลับ มี 5 สีให้เลือกคือ สีกรม,สีน้ำตาลอ่อน,สีครีม,สีนำ้ตาลเข้ม,สีน้ำตาล

จุดเด่น

  • ทำจากหนังกลับ ให้สัมผัสนุ่มสบายเท้าเมื่อสวมใส่
  • ระบายอากาศได้ค่อนข้างดี
  • ได้ลุคแบบ Casual สบายๆ แบบดูดี
  • เหมาะสำหรับใส่ทำกิจกรรมแบบเบาๆ

ข้อควรพิจารณา​

  • เกิดรอยเปื้อนและเป็นคราบได้ง่าย ถ้าทำความสะอาดไม่ถูกวิธีอาจทำให้หนังพังได้
  • ไม่เหมาะกับการใส่แบบลุยๆ ต้องพิถีพิถันในการดูแลรักษา
  • Vamp สั้นกว่ารองเท้าทั่วไป อาจเกิดการเสียดสีทำให้เกิดแผลที่หน้าเท้าได้

4. รองเท้าหนัง Saramanda รุ่น 197034 Morton Belgian Loafer

รองเท้าหนังผู้ชาย Saramanda

ราคา 2,950 บาท

รองเท้าหนังสำหรับคุณผู้ชาย Saramanda รุ่น 197034 Morton Belgian Loafer รุ่นนี้นั้นเป็นแบรนด์รองเท้าจากประเทศออสเตรเลีย ออกแบบในสไตล์ Penny Loafer แบบมีพู่ ที่ใช้วิธีตัดเย็บด้วยมือ

วัสดุทำจากหนังแท้ ซับในและพื้นด้านในทำจากผ้าชามัวร์ฉีดน้ำยาซิลเวอร์พลัส จึงช่วยระงับกลิ่นอับชื้นภายในรองเท้าได้  ส่วนด้านบนทำจากหนังกลับและพื้นด้านนอกทำจากพียูชนิดพิเศษ สวมใส่ง่าย นุ่มสบาย ให้ลุคสง่างาม มี 6 สีให้เลือกคือ แบบหนังเรียบ มีสีดำ สีแทน แบบหนังกลับ มีสี Tost ,Navy,Espresso และสีเทา

จุดเด่น

  • ใช้วิธีตัดเย็บด้วยมือ ทำให้มีความปราณีต
  • ทำจากหนัง 2 แบบ คือหนังเรียบและหนังกลับ
  • ซับในและพื้นด้านในทำจากผ้าชามัวร์
  • ผ่านการฉีดน้ำยาซิลเวอร์พลัสช่วยระงับกลิ่นอับชื้นภายในรองเท้า
  • สวมใส่ง่าย นุ่มสบาย ให้ลุคสง่างาม

ข้อควรพิจารณา​

  • แบบหนังกลับจะเกิดรอยเปื้อนและเป็นคราบได้ง่าย
  • แบบหนังกลับถ้าทำความสะอาดไม่ถูกวิธีอาจทำให้หนังพังได้
  • การที่ซับในและพื้นด้านในทำจากผ้าชามัวร์ แม้ว่าจะทำให้เกิดความสบายในการสวมใส่ แต่ผ้าซามัวร์นั้นมีคุณสมบัติซึมซับน้ำ ซึ่งอาจทำให้รองเท้าอับชื้นได้ง่าย

5. รองเท้าหนัง Shoesshi CapToe Oxford ทรงคลาสสิค

รองเท้าหนังผู้ชาย Shoesshi CapToe Oxford ทรงคลาสสิค

ราคา 2,890 บาท

มาถึง รองเท้าหนังผู้ชาย ยี่ห้อไหนดี กับรองเท้า Shoesshi รุ่น CapToe Oxford เป็นรองเท้าทรงคลาสสิคในตำนานที่ผู้ชายควรมี ทำจากหนังวัวแท้ ดูสวยงามและมีความทนทาน ซับด้านในบุด้วยหนังแท้ ทำให้นุ่มเท้า ไม่อับชื้น

พื้นรองเท้าประกอบด้วยวิธีการเย็บ เพื่อเพิ่มความทนทานทุกคู่ ส้นรองเท้าเสริมสูงทรงสเปน ช่วยเสริมบุคลิคให้ดูสูง มีสง่า ทรวดทรงสวย ช่วยเก็บรูปเท้าให้ดูเรียว ให้ลุคสง่าผ่าเผย ดุสุภาพ และเป็นทางการ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีน้ำตาลแดง,สีน้ำตาล และสีน้ำตาลเข้ม

จุดเด่น

  • ซับด้านในบุด้วยหนังแท้ นุ่มเท้า ไม่อับชื้น
  • ทรวดทรงสวย เก็บรูปเท้าให้ดูเรียว สุภาพ
  • พื้นรองเท้าประกอบด้วยวิธีการเย็บ เพิ่มความทนทาน
  • ส้นรองเท้าเสริมสูง ช่วยเสริมบุคลิคให้ดูสูง มีสง่า
  • เหมาะสำหรับการสวมใส่สำหรับลุคที่เป็นทางการและแบบ Smart Casual

ข้อควรพิจารณา​

  • ส้นรองเท้าสูงอาจจะให้เกิดความไม่ชินในการสวมใส่ของคุณผู้ชาย
  • หัวรองเท้าค่อนข้างแคบ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีหน้าเท้ากว้างอาจเกิดการบีบรัด สวมใส่ไม่สบายเท้า
  • มีให้เลือกเฉพาะโทนสีน้ำตาล

รองเท้าหนัง รูปทรงไหนที่เป็นที่นิยม

รองเท้าหนังผู้ชาย ยี่ห้อไหนดี เป็นที่นิยม

1.รองเท้าหนังสไตล์ Oxford

เป็นรองเท้าหนังส้นเตี้ย มักมีรูร้อยเชือกที่ถูกเย็บไว้ข้างใต้ตัว vamp หรือส่วนที่เป็นหนังรองเท้าตอนบนอยู่ติดกับลิ้นรองเท้า สาเหตุที่ถูกเรียกว่ารองเท้า “Oxford” นั้นเริ่มต้นจากเหล่านักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Oxford ประเทศอังกฤษ ได้นิยมนำรองเท้ารูปทรงนี้มาใส่กันอย่างแพร่หลาย

โดยปัจจุบันนี้รองเท้าหนังสไตล์ Oxford เป็นรองเท้ารูปทรงที่ทุกแบรนด์รองเท้าผู้ชายต่างต้องมีคอลเลคชั่นสำหรับรองเท้ารูปทรงนี้ไว้ให้กับลูกค้า 

โดยรองเท้าหนังรูปทรง Oxford นี้นั้นจะช่วยทำให้คุณผู้ชายที่ได้สวมใส่ดูโดดเด่น เป็นมืออาชีพ และเท่มากขึ้น ด้วยหนังที่เรียบแต่มีความโดดเด่นและดูคล่องตัว จึงเหมาะสำหรับทั้งสวมใส่ในโอกาสที่เป็นทางการ และยังสามารถ Mix and Match ให้เป็นแบบ Smart Casual ด้วยการจับคู่กับเสื้อเชิ้ตหรือกางเกงยีนส์ได้อีกด้วย

รองเท้าหนังผู้ชาย oxford shoes

2. รองเท้าหนังสไตล์ Derby หรือที่ในอเมริกาเรียกว่า Blucher

แต่เดิมในช่วงปี ค.ส. 1850  รองเท้าสไตล์นี้จะเป็นที่นิยมสำหรับใส่ไปเดินป่า และล่าสัตว์ โดยมีความโดดเด่นมากในบรรดารองเท้าหนังสำหรับผู้ชาย

ลักษณะของรองเท้าจะมีรูร้อยเชือกเย็บติดไว้ให้มองเห็นได้จากด้านบน  รูปทรงให้ความรู้สึกผ่อนคลายกว่ารองเท้าแบบ Oxford และการเย็บของรองเท้า Derby จะตรงข้ามกับรองเท้ารูปทรง Oxford จึงสามารถใส่ได้กับทุกชุด และเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับจับคู่กับกางเกงยีนส์หรือกางเกงชิโน่

3.รองเท้าหนังสไตล์ Penny Loafer หรือเรียกอีกอย่างว่า Slip-ons

Penny Loafer หรือเรียกอีกอย่างว่า Slip-ons นั้น เป็นรองเท้าแบบสวมที่ไม่มีการผูกเชือก ถือเป็นรองเท้าที่จัดว่ามีความเป็นทางการน้อยกว่ารองเท้าหนังผูกเชือกเป็นอย่างมาก แต่ในปัจจุบันนี้กลับเป็นที่นิยมนำมาใส่คู่กับสูทมากขึ้นในหมู่สุภาพบุรุษหลายๆท่าน โดยรองเท้ารูปทรงนี้สามารถใส่เข้าคู่กับกางเกงชิโน่ เสื้อเชิ้ต และเบลเซอร์ หรือจะกับคู่กับกางเกงขาสั้นและเสื้อโปโลสำหรับลุคแบบ Casual

ประเภทของหนังที่นำมาทำรองเท้า

หนังแท้ที่ใช้ทำรองเท้านั้นมีอยู่มากหมายหลายประเภท และแต่ละประเภทนั้นยังสามารถแบ่งแยกย่อยได้อีกหลายชนิด หนังที่ใช้ทำรองเท้าส่วนใหญ่นั้นมีทั้งหนังวัว หนังควาย หนังจระเข้ หนังนกกระจอกเทศ หนังจิงโจ้ หนังแกะ หนังแพะ และอีกมากมาย สำหรับหนังที่นิยมนำมาทำรองเท้ามากที่สุด คือ หนังวัว

โดยในบทความในวันนี้เราจะขอกล่าวถึงประเภทย่อยของหนังวัวก่อนนะคะ

Full Grain Leather

ถือเป็นหนังหนังวัวที่มีคุณภาพดีที่สุดสำหรับทำรองเท้าหนังแฟชั่น โดยทำจากหนังส่วนสะโพกของวัว ที่ผ่านขั้นตอนการผลิตและตกแต่งน้อยที่สุด จึงทำให้หนังชนิดนี้ยังคงลวดลายที่เป็นธรรมชาติ

มีความทนทานกันน้ำได้ดีกว่าหนังชนิดอื่น และด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีราคาแพงที่สุด โดยผิวหน้าของหนังชนิดนี้มักถูกเคลือบด้วยเคมีบางๆ และอัดลายนูนเพื่อความสวยงาม ส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศแถบอเมริกาใต้ รวมถึงอิตาลีและสเปน 

Top Grain Leather

หนังชนิดนี้จะผ่านกระบวนการฟอกและขัด จนเกิดความเงาและมีสีสันที่สวยงาม ผิวของหนังจึงมีความเรียบ เงา และบางกว่าแบบ Full Grain Leather หนังชนิดนี่มีข้อดีคือดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่ายและมีราคาถูก

Split Grain Leather

ทำจากหนังวัวส่วนคอและท้อง ในกระบวนการผลิตจะมีการนำส่วนด้านในของหนังออกก่อน แล้วจึงตัดเป็นแผ่น โดยความหนา-บางนั้นขึ้นอยู่กับว่าจะนำชิ้นส่วนที่ตัดไปทำส่วนไหนของรองเท้า

หนังชนิดนี้มีลักษณะเหมือนชั้นของกระดาษแข็ง มีน้ำหนักเบาและระบายอากาศได้ดี สำหรับความทนทานและคุณสมบัติด้านการกันน้ำนั้นยังด้อยกว่าหนังแบบ Full Grain Leather และ Top Grain Leather แม้ว่าจะผ่านกระบวนการกันน้ำแล้วก็ตาม ดังนั้นหนังชนิดนี้จึงไม่เหมาะกับการทำรองเท้าประเภทที่เน้นความทนทาน คงทน แข็งแรง 

Nubuck Leather (หนังนูบัค)

หนังชนิดนี้เป็นหนังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากการเสียดสีทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนหนังผ่านการใช้งาน จึงทำให้ผิวสัมผัสของหนังมีสีเข้มขึ้นและนุ่มขึ้นตามระยะเวลาการใช้งาน ซึ่งเมื่อยิ่งใช้สียิ่งสวย หนังชนิดนี้เป็นส่วนที่มาจากสะโพกของวัว

มีวิธีการทำโดยการขัดผิวด้วยเครื่องขัดความเร็วสูง ให้เกิดเป็นลักษณะเส้นขนนิ่มๆ สั้นๆ ขึ้นทั่วผิวของแผ่นหนัง สามารถย้อมสีได้หลากหลายเฉด แต่มีข้อเสียนั่นคือหนังชนิดนี้จะเป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย จึงทำให้ต้องได้รับการดูแลรักษามากกว่าหนังชนิดอื่น

Roughout

เป็นหนังที่มีความด้านหยาบอันเกิดจากกล้ามเนื้อที่ติดกับหนัง แม้ว่าตัวหนังเองจะหยาบแต่ผิวสัมผัสกลับนิ่มและมีความหนา เชื่อกันว่าหนังชนิดนี้นั้นระบายอากาศได้ดีกว่าหนังชนิดอื่น จึงนิยมนำมาใช้ทำส่วนด้านนอกของรองเท้าบูท 

Suede (หนังกลับ)

หนังชนิดนี้คล้ายกับหนัง Roughout แต่จะมีกรรมวิธีการผลิตที่เพิ่มเติม คือ การตัดและเจียให้หนังบางลงและมีความหยาบเท่ากันทั้งผืน จึงมีผิวที่สวยกว่า นิ่มกว่า และบางพอที่จะผลิตงานชิ้นเล็กๆ อาทิเช่น ถุงมือ ที่เมื่อหนังสัมผัสกับร่างกายแล้วไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง

Vegetable Tanned (หนังฟอกฝาด)

หนังชนิดนี้เกิดจากกระบวนการ Tanned หนัง โดยใช้ไม้และพืชต่างๆ เป็นวัสดุในการฟอกนั่นเอง ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ได้สีหนังที่เป็นธรรมชาติคล้ายสีผิวมนุษย์ แต่เมื่อผ่านการใช้งานสีจะมีสีน้ำตาลเพิ่มมากขึ้น และเข้มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันนี้การฟอกฝาดธรรมชาติแท้ๆ ทำได้ยากขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้มีการฟอกฝาดเคมีเพิ่มเข้ามา

Oil Pull Up (หนังที่ถูกเคลือบผิวด้วย Waxed)

หนัง Oil Pull Up เป็นหนังที่ถูกเคลือบด้วย Waxed และแต่งสีหนังด้วยน้ำมัน หนังชนิดนี้ไม่ต้องการการดูแลมากเท่ากับ Veg-Tanned เพราะหนังได้ผ่านการเคลือบแว็กซ์มาแล้ว

Chamois (หนังชามัว)

หนังชามัวนั้นมีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถซับน้ำได้ดี และมีความนิ่มมากเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่นิยมใช้ทำเป็นเสื้อผ้าหนัง แต่ก็มีการนำหนังชามัวมาทำรองเท้าอยู่บ้าง โดยหนังจะถูกเคลือบและอัดด้วยแวกซ์ในปริมาณสูงเพื่อป้องกันการดูดซึมน้ำและกันความชื้นที่อาจเกิดขึ้นเมื่อสวมใส่

รองเท้าหนัง ยี่ห้อไหนดี

เลือกสีรองเท้าหนังอย่างไร ?

รองเท้าหนังสีดำ: เหมาะกับกางเกงสีพื้นๆ เช่นสีดำ สีเทา หรือสีกรมท่า แต่ไม่เหมาะกับสีน้ำตาล
รองเท้าหนังสีน้ำตาล: เหมาะกับกางเกงสีน้ำตาล กากี เทา สีอ่อนอื่นๆ หรือสีกรมท่า แต่ไม่เหมาะกับสีดำ
รองเท้าหนังสีเทา: เหมาะกับกางเกงหลากสี
รองเท้าหนังสีขาว: เหมาะกับกางเกงสีน้ำตาลหรือสีดำ
รองเท้าหนังสีสดอื่นๆ: เหมาะกับสีกางเกงและเสื้อที่เป็นโทนเดียวกัน อย่างไรก็ดี เราไม่แนะนำให้คุณซื้อรองเท้าหนังสีสด เพราะคุณจะทำการ Match ได้ยากหากคุณไม่เชี่ยวชาญจริงๆ

บทสรุป เลือกรองเท้าหนังผู้ชาย ยี่ห้อไหนดี

การเลือก รองเท้าหนังผู้ชาย ยี่ห้อไหนดีนั้น สำหรับคุณผู้ชายนั้น เชื่อว่าโดยส่วนใหญ่คุณผู้ชายหลายๆคนคงต้องการรองเท้าที่ใส่แล้วทำให้ออกมาดูดีกันแน่นอนใช่ไหมคะ สำหรับรองเท้าที่ให้ลุคโดดเด่น ดูดี มีความโฉบเฉี่ยว ทำให้คุณผู้ชายดูเป็น Executive & Classic Professional 

เราขอยกนิ้วให้กับ BROWN STONE CLASSY DERBY COLLECTION  รองเท้าหนังแท้สไตล์ Derby จาก BROWN STONE  ที่เน้นการออกแบบอย่างปราณีตและตัดเย็บอย่างพิถีพิถัน  ให้ความความโฉบเฉี่ยวด้วยทรงหัวแหลมแบบผูกเชือก ทำจากวัสดุหนังแท้เกรดพรีเมียมแบบ Oil Pull Up จึงดูเหมือนใหม่อยู่เสมอและเหมาะสำหรับใส่ในทุกโอกาสพิเศษของคุณผู้ชายมากๆเลยค่ะ

Similar Posts