ไม้เทนนิส หรือ แร็กเก็ต (Racquet) คือเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับในการเล่นกีฬาเทนนิส ซึ่งกีฬาเทนนิสจัดเป็นกีฬาประเภทกลางแจ้งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะการเล่นที่เรียบง่าย ไม่มีความซับซ้อน แต่ต้องอาศัยทักษะในการออกกำลังแขนและเท้าเป็นอย่างมาก
จึงต้องมีไม้เทนนิสที่เข้ามาช่วยในการเล่นเทนนิสให้มีศักยภาพมากขึ้น โดยเป็นตัวเสริมแรงในการตีลูกได้เร็ว และสามารถควบคุมลูกเทนนิสให้ไปยังทิศทางที่ต้องการได้อีกด้วย ดังนั้นวันนี้ชอบรีวิวจะพาคุณไปดู 5 อันดับ ไม้เทนนิส ยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2024 ยอดนิยมมากที่สุด
อุปกรณ์เสริมที่พลาดไม่ได้สำหรับการเล่นกีฬา นั่นก็คือสมาร์ทวอทช์ เพราะนอกจากจะใช้บ่งบอกดูเวลาแล้ว ยังสามารถเช็กอัตราการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกายได้อีกด้วย การเลือกใช้รองเท้าวิ่งที่เหมาะสมกับการออกกำลังกาย หรือใช้หูฟังบลูทูธฟังเพลง ก็จะทำให้การออกกำลังกายของคุณสนุกมากยิ่งขึ้น
ไม้เทนนิส ยี่ห้อไหนดี
- ไม้เทนนิส BABOLAT Pure Aero Rafa
- ไม้เทนนิส WILSON Hyper Hammer 2.3
- ไม้เทนนิส HEAD Graphane 360 Speed Pro
- ไม้เทนนิส YONEX รุ่น EZONE 100
- ไม้เทนนิส ARGENTO TR190 Lite V2
- ใช้วัสดุ Graphite และใช้วัสดุจาก SMACWRAP ทำให้ยางมีความเหนียวมากขึ้น ลดการสั่นสะเทือนเมื่อลูกกระทบกับไม้เทนนิส ลดความเสี่ยงเกิดอาการบาดเจ็บที่แขนได้ดี
- มีเทคโนโลยี Aeromodular3 ช่วยเพิ่ม Aero Dynamic เพื่อสร้าง Speed และ Spin ได้ดียิ่งขึ้น
- มีจุด Sweet Spot ขนาดใหญ่ ส่งผลให้ลูกเทนนิสมีความแรงและรวดเร็วมากขึ้น
- ไม้ประเภท Control สามารถควบคุมทิศทางลูกเทนนิสได้แม่นยำ
- เป็นไม้เทนนิสที่ Rafael Nadal ผู้เล่นระดับโลกเคยเลือกใช้
- มือใหม่สามารถนำไปฝึกซ้อม ใช้งานได้ในระยะยาวอีกด้วย
- มีน้ำหนักเบา และขนาดหัวไม้ 110 ตารางนิ้ว ทำให้มี Sweet Spot ใหญ่ตามไปด้วย เหมาะสำหรับมือใหม่ฝึกโต้ตอบลูกและ Control ได้ดี
- ด้วยน้ำหนักเบา ช่วยให้ย้ายตำแหน่งของไม้เทนนิสได้อย่างรวดเร็ว เพื่อใช้ท่าแฮนด์สองมือหรือแบ็คแฮนด์มือเดียวได้ เป็นต้น
- แม้จะมีน้ำหนักเบา แต่ผู้เล่นสามารถตีลูกเทนนิสได้แรงและแม่นยำ เพราะเป็นไม้รูปแบบ Power&Control
- ใช้วัสดุ Graphite ทำให้มีความทนทาน ป้องกันการบิดงอเมื่อใช้ฝึกซ้อมหรือการแข่งขัน
- ใช้วัสดุ Graphite ในการผลิต ให้ความทนทาน และป้องกันการบิดงอที่เกิดจากการฝึกซ้อมหรือแข่งขัน ทำให้ใช้งานได้ในระยะยาวอีกด้วย
- เป็นประเภทไม้ Power&Control ออกแบบมาให้โต้ลูกเทนนิสหรือตีออกไปด้วยความเร็วและควบคุมทิศทางได้แม่นยำ
- เมื่อทำการ Control ลูกเทนนิสให้ไปทิศทางที่ต้องการได้ ทั้งนี้ลูกเทนนิสยังเกิดการ Spin ทำให้อีกฝ่ายโต้กลับได้ยาก
- ใช้งานได้ทั้งเกมรุกและเกมรับได้เป็นอย่างดี
แนะนำ 5 อันดับ ไม้เทนนิส ยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2024
หากคุณกำลังมองหาไม้เทนนิสที่เหมาะสมกับสไตล์การเล่นเทนนิสของคุณ แต่ไม่รู้ว่าเลือกซื้อ ไม้เทนนิส ยี่ห้อไหนดี วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลคุณสมบัติไม้เทนนิสของยี่ห้อต่างๆมาให้คุณได้พิจารณาเลือกซื้อได้ตามที่ต้องการ นำไปใช้งานได้เหมาะสมเข้ากับสไตล์การเล่นอย่างแน่นอน ซึ่งมีไม้เทนนิส ยี่ห้อไหนดีอะไรบ้างนั้นไปดูพร้อมๆกันเลย
1. ไม้เทนนิส BABOLAT Pure Aero Rafa
เริ่มต้นไม้เทนนิส ยี่ห้อไหนดี อันดับแรก BABOLAT Pure Aero Rafa เป็นไม้เทนนิสที่ผู้เล่นระดับโลกเลือกใช้อย่าง Rafael Nadal จัดเป็นประเภทรูปแบบไม้ Control โดยโครงของไม้ใช้ Graphite ในการผลิตและใช้วัสดุจาก SMACWRAP ทำให้ยางมีความเหนียวมากขึ้น
เพื่อลดการสั่นสะเทือนเมื่อลูกเทนนิสกระทบกับตัวไม้ และมั่นใจทุกครั้งที่โต้ลูกกลับไป ตัวไม้มีน้ำหนัก 300 กรัม ขนาดหน้าไม้ 100 ตารางนิ้ว ความกว้าง 23x26x23 มิลลิเมตร รูปแบบลวดเอ็นขนาด 16/19 ซึ่งรุ่น Pure Aero ได้ใช้เทคโนโลยีอย่าง Aeromodular3 ช่วยเพิ่ม Aero Dynamic เพื่อสร้าง Speed และ Spin ของลูกได้มากยิ่งขึ้น
อีกทั้งด้วยหน้าไม้ที่มีความกว้างกว่ายี่ห้ออื่นๆ ทำให้มีจุด Sweet Spot ขนาดใหญ่ ส่งผลให้ลูกเทนนิสมีความแรงและรวดเร็วมากขึ้น ทั้งนี้เป็นไม้เทนนิสที่เหมาะกับผู้ที่สามารถใช้งานได้คล่องแคล่ว รวมไปถึงมือใหม่สามารถนำไปฝึกซ้อม ใช้งานได้ในระยะยาวอีกด้วย
- ใช้วัสดุ Graphite และใช้วัสดุจาก SMACWRAP ทำให้ยางมีความเหนียวมากขึ้น ลดการสั่นสะเทือนเมื่อลูกกระทบกับไม้เทนนิส ลดความเสี่ยงเกิดอาการบาดเจ็บที่แขนได้ดี
- มีเทคโนโลยี Aeromodular3 ช่วยเพิ่ม Aero Dynamic เพื่อสร้าง Speed และ Spin ได้ดียิ่งขึ้น
- มีจุด Sweet Spot ขนาดใหญ่ ส่งผลให้ลูกเทนนิสมีความแรงและรวดเร็วมากขึ้น
- ไม้ประเภท Control สามารถควบคุมทิศทางลูกเทนนิสได้แม่นยำ
- เป็นไม้เทนนิสที่ Rafael Nadal ผู้เล่นระดับโลกเคยเลือกใช้
- มือใหม่สามารถนำไปฝึกซ้อม ใช้งานได้ในระยะยาวอีกด้วย
- หากมือใหม่นำไปใช้งาน ควรระมัดระวังเรื่องน้ำหนัก เพราะอาจทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อได้
- ต้องใช้กำลังพอสมควรในการ Swing เพื่อให้เกิด Power และ Spin
- เป็นไม้รูปแบบ Control ทำให้ลูกเทนนิสมี Power น้อย
2. ไม้เทนนิส WILSON Hyper Hammer 2.3
ไม้เทนนิส WILSON Hyper Hammer 2.3 ผลิตจากวัสดีที่มีน้ำหนักเบาโดยใช้วัสดุ Graphite ในการผลิต และมีน้ำหนักเบาเพียง 237 กรัมเท่านั้น จัดเป็นประเภทไม้ Power&Control ซึ่งออกแบบมาสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเล่นเทนนิส โดยมีขนาดหน้าไม้ 110 ตารางนิ้ว ความกว้าง 25x32x27 มิลลิเมตร ถือว่าเป็นไม้เทนนิสที่มีจุด Sweet Spot ขนาดใหญ่พอสมควรและมีน้ำหนักเบา
ให้มือใหม่ใช้ในการตีโต้กลับลูกได้เป็นอย่างดี และเป็นการฝึก Control ให้ลูกไปในทิศทางที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ ด้วยน้ำหนักที่เบา ช่วยให้ผู้เล่นควบคุมไม้เทนนิสหรือแร็กเก็ตได้ดียิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นช็อตหน้าไม้, หลังไม้หรือวอลเล่ย์ เป็นต้น
- มีน้ำหนักเบา และขนาดหัวไม้ 110 ตารางนิ้ว ทำให้มี Sweet Spot ใหญ่ตามไปด้วย เหมาะสำหรับมือใหม่ฝึกโต้ตอบลูกและ Control ได้ดี
- ด้วยน้ำหนักเบา ช่วยให้ย้ายตำแหน่งของไม้เทนนิสได้อย่างรวดเร็ว เพื่อใช้ท่าแฮนด์สองมือหรือแบ็คแฮนด์มือเดียวได้ เป็นต้น
- แม้จะมีน้ำหนักเบา แต่ผู้เล่นสามารถตีลูกเทนนิสได้แรงและแม่นยำ เพราะเป็นไม้รูปแบบ Power&Control
- ใช้วัสดุ Graphite ทำให้มีความทนทาน ป้องกันการบิดงอเมื่อใช้ฝึกซ้อมหรือการแข่งขัน
- เนื่องจากน้ำหนักเบา เมื่อตีหรือเสิร์ฟลูกเทนนิส ทำให้เกิดการ Spin น้อยกว่าน้ำหนัก 300 กรัมขึ้นไป
- ต้องใช้กำลังพอสมควร เพื่อทำให้ลูกเทนนิสเกิดการ Spin
- เหมาะสำหรับมือใหม่เท่านั้น
3. ไม้เทนนิส HEAD Graphane 360 Speed Pro
ไม้เทนนิส HEAD Graphane 360 Speed Pro ใช้วัสดุ Graphite ในการผลิต ให้ความทนทาน และป้องกันการบิดงอที่เกิดจากการฝึกซ้อมหรือแข่งขันได้ โดยมีน้ำหนัก 329 กรัม ขนาดหน้าไม้ 100 ตารางนิ้ว ความกว้าง 23x23x23 มิลลิเมตร จัดเป็นประเภทไม้ Power&Control และมีความ Balance สูง เพราะตัวไม้ถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้งานสามารถโต้ลูกเทนนิสหรือตีออกไปด้วยความเร็วที่แม่นยำ
เมื่อผู้เล่นทำการ Swing ลูกออกไป สามารถ Control ลูกให้ไปยังทิศทางที่ต้องการและลูกเทนนิสเกิด Spin ได้เช่นกัน ซึ่งใช้งานได้ทั้งเกมรุกและเกมรับได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในการเล่นเทนนิส หรือผู้ที่สามารถควบคุมลูกได้ดีพอสมควร
- ใช้วัสดุ Graphite ในการผลิต ให้ความทนทาน และป้องกันการบิดงอที่เกิดจากการฝึกซ้อมหรือแข่งขัน ทำให้ใช้งานได้ในระยะยาวอีกด้วย
- เป็นประเภทไม้ Power&Control ออกแบบมาให้โต้ลูกเทนนิสหรือตีออกไปด้วยความเร็วและควบคุมทิศทางได้แม่นยำ
- เมื่อทำการ Control ลูกเทนนิสให้ไปทิศทางที่ต้องการได้ ทั้งนี้ลูกเทนนิสยังเกิดการ Spin ทำให้อีกฝ่ายโต้กลับได้ยาก
- ใช้งานได้ทั้งเกมรุกและเกมรับได้เป็นอย่างดี
- หากต้องการให้ลูกเทนนิสมีความแรง ต้องใช้กำลังในการ Swing ลูกออกไปหรือใช้ท่าตีเฉพาะ เช่น โฟร์แฮนด์ เป็นต้น
- ไม้เทนนิสมีน้ำหนักค่อนข้างเยอะ เมื่อใช้งานเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่แขนหรือเมื่อยล้าได้
- ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่
4. ไม้เทนนิส YONEX รุ่น EZONE 100
ไม้เทนนิส ยี่ห้อไหนดีอันดับรองสุดท้าย YONEX รุ่น EZONE 100 ใช้วัสดุ High Module Graphite ที่ให้ความทนทานแบบพิเศษ และมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน ป้องกันการบิดงอขณะฝึกซ้อมและการแข่งขันได้ โดยมีน้ำหนัก 300 กรัม ขนาดหน้าไม้ 100 ตารางนิ้ว ความกว้าง 23.5x26x22 มิลลิเมตร จัดเป็นประเภทไม้รูปแบบ Power เพราะวัสดุที่ใช้นั้นออกแบบมาให้เน้นการตีที่ทรงพลัง
ซึ่งทำให้ลูกเทนนิสมีความแรงและเกิด Spin ได้ ทั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามสามารถรับลูกที่คุณตีไปได้ยาก แต่ทว่าต้องอาศัยทักษะส่วนตัวพอสมควรในการควบคุมหรือ Control ให้ลูกไปยังทิศทางที่ต้องการอย่างแม่นยำ ซึ่งเหมาะกับผู้เล่นที่มีประสบการณ์เรื่องการเล่นเทนนิส
- ใช้วัสดุ High Module Graphite ที่ให้ความทนทานแบบพิเศษ และมีความยืดหยุ่นในการใช้ท่าตีได้หลากหลายเช่น โฟร์แฮนด์, แบ็คแฮนด์ ไม่เกิดการบาดเจ็บ
- น้ำหนัก 300 กรัมและหน้าไม้ 100 ตารางนิ้ว มีจุด Sweet Spot ที่เหมาะสม ตีง่ายและทรงพลัง
- ไม้รูปแบบ Power เพราะวัสดุที่ใช้นั้นออกแบบมาให้เน้นการตีที่ทรงพลัง
- ทำให้ลูกเทนนิสเกิดการ Spin ได้ง่าย และฝั่งตรงข้ามรับลูกได้ยากขึ้น
- เนื่องจากเป็นไม้รูปแบบ Power ทำให้ผู้เล่นต้องอาศัยการ Control ลูกด้วยตนเอง โดยต้องใช้ทักษะส่วนตัวหรือมีประสบการณ์พอสมควร
- เน้นใช้งานสำหรับเกมรุกมากกว่าตั้งรับ
- ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่
5. ไม้เทนนิส ARGENTO TR190 Lite V2
มาถึงไม้เทนนิส ยี่ห้อไหนดีอันดับสุดท้ายกับ ไม้เทนนิส ARGENTO TR190 Lite V2 ใช้วัสดุ Graphite ในการผลิต มาพร้อมเทคโนโลยีป้องกันการสั่นสะเทือนเมื่อลูกเทนนิสกระทบไม้ เพื่อลดอาการปวดแขนหรืออาการบาดเจ็บได้ โดยมีน้ำหนัก 260 กรัม ขนาดหน้าไม้ 102 ตารางนิ้ว จัดเป็นประเภทไม้รูปแบบ Power&Control เหมาะสำหรับมือใหม่ มีราคาย่อมเยาว์ จับต้องได้
ซึ่งสามารถใช้ฝึกควบคุมลูกและฝึกการตีลูกเทนนิสด้วยความแรง รวมไปถึงฝึกการ Spin ลูกได้เป็นอย่างดี โดยตัวด้ามจับออกแบบมาให้มือใหม่จับแล้วใช้งานง่าย ทั้งนี้ TR190 Lite V2 เหมาะกับผู้หญิงที่เริ่มต้นกับกีฬาเทนนิสอย่างมาก
- ใช้วัสดุ Graphite ในการผลิตให้ความทนทาน ลดการสั่นสะเทือน ป้องกันการเกิดอาการบาดเจ็บที่ข้อมือได้
- มีน้ำหนักเบา มือใหม่ใช้งานง่าย ใช้ฝึกตีลูกด้วยความแรง และฝึกควบคุมลูกให้แม่นยำได้
- เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเริ่มเล่นกีฬาเทนนิส เพราะมี Sweet Spot ที่เหมาะสม
- ราคาย่อมเยาว์ จับต้องได้
- เนื่องจากน้ำหนักเบา เมื่อตีหรือเสิร์ฟลูกเทนนิส ทำให้เกิดการ Spin น้อยกว่าน้ำหนัก 300 กรัม
- ไม่ระบุขนาดความกว้าง ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อไม้เทนนิส ไม่สามารถตัดสินใจได้
- เหมาะสำหรับผู้หญิงมือใหม่มากกว่าผู้ชาย
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนซื้อไม้เทนนิส ยี่ห้อไหนดี
1. รูปแบบขนาดหน้าไม้
รูปแบบของขนาดไม้เทนนิสแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกัน รวมไปถึงเทคนิคในการใช้งานก็แตกต่างเช่นกันด้วย ซึ่งเริ่มต้นด้วยไม้เทนนิส Over-sized โดยมีขนาดหน้ากว้างไม่เกิน 105 ตารางนิ้ว เหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะเป็นไม้ที่มีขนาดใหญ่ และหน้าไม้กว้าง ทำให้มือใหม่ตีลูกเทนนิสได้ง่าย และสามารถใช้ท่าวอลเลย์ได้อย่างง่ายดาย และขนาดต่อมา Mid Plus ไม้เทนนิสที่มีขนาดหน้ากว้างไม่เกิน 105 ตารางนิ้ว และไม่ต่ำกว่า 95 นิ้ว เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีประสบการณ์ระดับกลางเป็นต้นไป
ซึ่งเป็นไม้ที่เสริมความมั่นคง เช่น ควบคุมให้ลูกไปยังทิศทางที่ต้องการได้ง่าย, ตีลูกเทนนิสด้วยความแรงและรวดเร็ว ส่วนขนาดสุดท้ายหน้าไม้กว้างไม่เกิน 95 ตารางนิ้ว เรียก Mid-Sized ที่เน้นการควบคุมลูกเป็นหลัก ใช้เล่นตำแหน่งหน้าตาข่ายได้เป็นอย่าง ซึ่งเหมาะกับผู้เล่นระดับสูงนั่นเอง
2. น้ำหนักของไม้เทนนิส
น้ำหนักของไม้เทนนิสก็เป็นส่วนสำคัญ เพราะส่งผลต่อลูกเทนนิสโดยตรง ซึ่งไม้เทนนิสที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 270 กรัมลงไป ทำให้ใช้งานง่าย มีแรงเหวี่ยงไม้ที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับ Control ลูกให้ไปในระยะไกล เพราะไม้น้ำหนักเบาจะให้ความรู้สึกแรงกระแทก อาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้เช่นกัน
ส่วนน้ำหนักไม้ที่มีขนาดเกิน 300 กรัมขึ้นไป เป็นการตีรูปแบบ Power เพราะมีแรงเหวี่ยงที่ค่อนข้างหนัก ทำให้ลูกไปได้ไกลและทรงพลัง ซึ่งหากผู้ที่ใช้งานมีประสบการณ์มักเลือกใช้ 300 กรัมขึ้นไป เพราะสามารถใช้งานได้ทั้งรูปแบบ Power&Control นั่นเอง
3. ขนาดของด้ามจับไม้เทนนิส
ขนาดของด้ามจับ (Grip) เป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้ใช้งานจับได้ถนัดมือมากยิ่งขึ้น โดยมีรูปแบบขนาด 3 รูปแบบ คือ ด้ามจับขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ซึ่งขนาดเล็กมีขนาด 4 1/4 นิ้ว ขนาดกลางมีขนาด 4 3/8นิ้ว และขนาดใหญ่ 4 นิ้ว สำหรับผู้หญิงเหมาะกับใช้งานขนาดเล็ก เพราะจับได้ถนัดมือมากกว่าขนาดกลางและขนาดใหญ่ ทำให้ตีลูกได้ง่าย และเล่นลูกหยอดได้
ส่วนผู้ชายควรใช้ขนาดกลางขึ้นไป เพื่อให้มีแรงเหวี่ยงที่เหมาะสมและควบคุมลูกได้แม่นยำ แต่อย่างไรก็ตามคุณควรลองไม้เทนนิสด้วยตนเอง เพราะด้ามจับขึ้นอยู่กับลักษณะของมือเราว่าจับแล้วถนัดหรือไม่ เป็นต้น
4. จุด Sweet Spot
Sweet Spot คือ จุดหรือบริเวณที่ลูกเทนนิสกระทบกับเอ็นภายในไม้เทนนิส แล้วจุด Sweet Spot สามารถสร้างแรงได้มากที่สุด โดยที่ผู้เล่นออกแรงน้อยที่สุด เพื่อเป็นการลดแรงเหวี่ยงและลดการสั่นสะเทือนเมื่อลูกกระทบ ทำให้ลดอาการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี ซึ่งขนาดของจุด Sweet Spot มักจะอยู่ส่วนกลางของหน้าไม้ โดยขึ้นอยู่กับขนาดของหน้าไม้ด้วยว่า ยิ่งหน้าไม้มีขนาดใหญ่ ก็ทำให้ Sweet Spot มีขนาดใหญ่ตามไปด้วย
5. วัสดุที่ใช้ในการผลิตไม้เทนนิส
ไม้เทนนิสส่วนใหญ่ผลิตจากวัสดุ Graphite เพราะให้ความทนทานอย่างมาก และป้องกันการบิดงอจากการฝึกซ้อมและการแข่งขันได้เป็นอย่างดี ซึ่งรองรับแรงกระแทกจากการตอบโต้ลูกเทนนิส ทำให้ลดอาการบาดเจ็บข้อมือได้ อีกทั้งทำให้ราคาไม้เทนนิสไม่แพงมากนัก ใช้งานได้ในระยะยาวอีกด้วย
วิธีเลือกซื้อ ไม้เทนนิส ยี่ห้อไหนดี
1. เลือกให้เหมาะสมกับประสบการณ์
การเลือกซื้อ ไม้เทนนิส ยี่ห้อไหนดี ควรเลือกซื้อให้เหมาะสมกับประสบการณ์ที่เรามี เพราะไม้เทนนิสแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ มีวิธีที่ใช้งานแตกต่างกัน ถ้าหากเป็นผู้เล่นมือใหม่ควรเลือกชนิดไม้น้ำหนักที่ไม่เกิน 300 กรัม และขนาดหน้าไม้เกิน 100 ตารางนิ้วขึ้นไป เพราะน้ำหนักไม่เยอะจนเกินไป ตีง่าย โต้กลับลูกง่าย และลูกเทนนิสกระทบกับ Sweet Spot ได้ง่ายยิ่งขึ้น ทำให้ลูกมีความแรง และฝึกควบคุมทิศทางได้แม่นยำมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
2. น้ำหนัก
หากคุณกำลังมองหาไม้เทนนิส ยี่ห้อไหนดีที่สามารถใช้งานในรูปแบบ Control ควรเลือกน้ำหนักไม่เกิน 310 กรัม เพราะทำให้ควบคุมลูกได้ง่าย แรงเหวี่ยงไม่เยอะจนเกินไป แต่ถ้าเลือกขนาดน้ำหนักไม้เทนนิสเยอะเกินไป ด้วยแรงเหวี่ยงที่รุนแรง ส่งผลให้ลูกเทนนิสมีพลังมากกว่าควบคุม ซึ่งทำให้ควบคุมทิศทางของลูกได้ยาก ไม่มีความแม่นยำ
3. ขนาดหน้าไม้เทนนิส
โดยส่วนใหญ่ไม้เทนนิสระดับมือโปรและมือใหม่ ควรเลือกใช้ขนาดหน้าไม้ 100 ตารางนิ้ว เพราะถือเป็นขนาด Mid Plus ที่ให้ความเหมาะสมในการใช้งานได้ทั้งฝึกซ้อมและการแข่งขัน ช่วยให้ฝึกควบคุมลูกเทนนิสได้ดี พร้อมฝึกตีลูกให้แรงและเร็วได้อีกด้วย
บทสรุปเลือกซื้อ ไม้เทนนิส ยี่ห้อไหนดีให้เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด
สำหรับการเลือกซื้อ ไม้เทนนิส ยี่ห้อไหนดี เราขอแนะนำ BABOLAT Pure Aero Rafa เพราะเป็นไม้เทนนิสที่ผู้เล่นระดับแชมป์โลกเคยใช้งานอย่าง Rafael Nadal ซึ่งตัวไม้เทนนิสใช้วัสดุ Graphite ที่ผสมผสานกับเทคโนโลยีจาก SMACWRAP ทำให้ยางมีความเหนียวมากขึ้น ตัวโครงมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน ลดการสั่นสะเทือนเมื่อลูกกระทบกับไม้ได้เป็นอย่างดี ลดความเสี่ยงเกิดอาการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี
ตัวไม้มีน้ำหนัก 300 กรัม ขนาดหน้าไม้ 100 ตารางนิ้ว ความกว้าง 23x26x23 มิลลิเมตร มาพร้อมกับเทคโนโลยี Aeromodular3 ช่วยเพิ่ม Aero Dynamic เพื่อสร้าง Speed และ Spin ของลูกได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งมีขนาดหน้าไม้ที่เหมาะสม มีจุด Sweet Spot ที่ใหญ่กว่ายี่ห้ออื่นๆ นอกจากเป็นไม้รูปแบบ Power แล้ว ด้วยรูปทรง Aero ทำให้ผู้ใช้งานควบคุมทิศทางของลูกเทนนิสได้ดั่งใจ มั่นใจทุกครั้งที่ตีลูกออกไป เหมาะกับใช้งานได้ทั้งผู้ที่เริ่มต้นเล่นกีฬาเทนนิสและผู้ที่มีประสบการณ์อย่างมาก ถือว่าคุ้มค่าแก่การเลือกซื้อไปใช้ในระยะยาวอีกด้วย