ชุดโฮมเธียเตอร์ เป็นชุดกระจายเสียงที่ใช้ภายในบ้าน ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้หลากหลายทั้ง คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ, โน้ตบุ๊ค เป็นต้น แต่ในปัจจุบันคนนิยมใช้กับทีวีโทรทัศน์ เพื่อกระจายเสียงออกมาอย่างมีคุณภาพ คมชัด ทำให้บรรยากาศการรับชมเหมือนอยู่ในโรงภาพยนต์ พร้อมได้รับอรรถรสจากการรับชม หากเปิดเพลงก็ทำให้ได้รับเสียงเพลงดีขึ้น เสมือนอยู่ที่คอนเสิร์ตกันเลยทีเดียว ดังนั้นเราชอบรีวิวจะพาคุณไปรับชม 5 อันดับ ชุดโฮมเธียเตอร์ ยี่ห้อไหนดี ที่มีดีไซน์สวยล้ำสมัย ให้เสียงคุณภาพ น่าซื้อใช้งาน
ชุดโฮมเธียเตอร์ ยี่ห้อไหนดี
แนะนำ 5 อันดับ ชุดโฮมเธียเตอร์ ยี่ห้อไหนดี เสียงคุณภาพ 2023
5 อันดับ ชุดโฮมเธียเตอร์ ยี่ห้อไหนดี เราได้คัดสรรชุดลำโพงกระจายเสียงที่มีคุณภาพมาให้คุณได้พิจารณาเลือกซื้อ โดยดูคุณสมบัติของแต่ละยี่ห้อ เพื่อให้ตัดสินใจเลือกซื้อได้ตามที่ต้องการและนำไปใช้งานได้อย่างเหมาะสม ไปดูกันเลยว่า 5 อันดับมียี่ห้ออะไรกันบ้าง
1. LG Sound Bar รุ่น SN9YG
เริ่มต้นชุดโฮมเธียเตอร์ ยี่ห้อไหนดีอันดับแรก LG Sound Bar รุ่น SN9YG เป็นลำโพงไร้สาย ชนิด Soundbar มีดีไซน์สุดล้ำสมัย เรียบง่าย แต่หรูหรา มีน้ำหนัก 6.3 กิโลกรัม พลังเสียง 520 วัตต์ ออกแบบมาสำหรับใช้งานกับทีวีขนาด 50 นิ้วขึ้นไป เพื่อรับชมภาพยนต์ ฟังเพลงโดยเฉพาะ
มาพร้อมกับระบบเสียงแบบ 5.1ch ให้เสียง 5 ทิศทาง มี Subwoofer ภายในตัว โดยมีระบบ Ai Sound Pro วิเคราะห์เสียงตามเนื้อหาที่คุณกำลังรับชม เพื่อปรับเสียงให้เข้ากับเนื้อหาและได้รับอรรถสในการรับชมมากขึ้น ซึ่งมีระบบเสียง 3 รูปแบบ คือ Dolby Vision, Dolby Atmos และ DTS X ทำให้ปรับเปลี่ยนบ้านของคุณให้เหมือนโรงภาพยนต์
ส่วนระบบเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 และระบบ Wi-Fi 2.4GHz/5.0GHz สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งระยะใกล้และไกล อีกทั้งใช้งานร่วมกับ Google Assistant ได้เช่นกัน รวมไปถึงรองรับการใช้งานสมาร์ทโฟน iOS และ Android ได้อีกด้วย
- ระบบเสียงแบบ 5.1ch ให้เสียง 5 ทิศทาง โดยมีระบบ Ai Sound Pro วิเคราะห์เสียงตามเนื้อหาที่คุณกำลังรับชม
ออกแบบมาสำหรับใช้งานกับทีวีขนาด 50 นิ้วขึ้นไป เพื่อรับชมภาพยนต์ ฟังเพลงโดยเฉพาะ - เป็นลำโพงไร้สาย ชนิด Soundbar มีดีไซน์สุดล้ำสมัย เรียบง่าย แต่หรูหรา
- มีระบบเสียง 3 รูปแบบ คือ Dolby Vision, Dolby Atmos และ DTS X
- ระบบเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 และระบบ Wi-Fi 2.4GHz/5.0GHz
- รองรับการใช้งานสมาร์ทโฟน iOS และ Android
- เนื่องจากเป็นชนิด Soundbar ทำให้เสียงไม่ครอบคลุมทั้งห้อง จึงเหมาะกับใช้งานกับห้องที่มีขนาดเล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป
- หากต้องการเสียงที่มีคุณภาพมากขึ้น ต้องซื้อลำโพงเสริมแยก เพื่อเพิ่มทิศทางของเสียงให้ชัดยิ่งขึ้น
- มีราคาค่อนข้างสูง
2. Sony HT-S350
อันดับต่อไป Sony HT-S350 เป็นลำโพงโฮมเธียเตอร์แบบไร้สาย ชนิด Soundbar มีดีไซน์เรียบง่ายทั่วไป มีน้ำหนัก 7.8 กิโลกรัม ปล่อยพลังเสียง 320 วัตต์ ใช้งานได้กับทีวีทุกขนาด และมีระบบเสียงแบบ 2.1ch ให้เสียง 2 ทิศทางทั้งซ้ายและขวา
พร้อมมี Subwoofer ที่ช่วยขยายเสียงให้คมชัดและแน่นยิ่งขึ้น มาพร้อมกับระบบ S-Force PRO Front Surround เทคโนโลยีจำลองเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทางระดับโรงภาพยนตร์ ซึ่งระบบเสียงเป็นแบบ Digital Sound แต่เสียงแน่นกระหึ่มขึ้นด้วย Subwoofer
ส่วนระบบเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 และสาย HDMI 2.0 ที่ช่วยให้เชื่อมต่อเข้าทีวีได้ง่ายๆ หรือนำไปติดผนังใช้งานแบบไร้สายโดยเชื่อมต่อแบบบลูทูธได้อีกด้วย
- มีดีไซน์เรียบง่าย ปล่อยพลังเสียง 320 วัตต์ เป็นระดับเสียงที่คมชัด เหมาะสมกับการใช้งานได้กับทีวีทุกขนาด
- ระบบ S-Force PRO Front Surround จำลองเสียงเซอร์ราวด์ระดับโรงภาพยนตร์
- ระบบเสียงแบบ 2.1ch มี Subwoofer ที่ช่วยขยายเสียงให้คมชัดและแน่นยิ่งขึ้น
- ใช้งานแบบไร้สายโดยเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 5.
- ระบบเสียงเป็น Digital Sound ทั่วไป เสียงไม่แน่นคมชัดเท่าที่ควร จำเป็นต้องมี Subwoofer เข้ามาช่วยเสริมให้เสียงคมชัดและแน่นยิ่งขึ้น
- ไม่รองรับการใช้งานด้วยคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
- ไม่รองรับการเชื่อมต่อรูปแบบ Wi-Fi
3. Xiaomi Mi Redmi Soundbar
Xiaomi Mi Redmi Soundbar เป็นลำโพงเบสหนักแบบไร้สาย ชนิด Soundbar มีน้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม น้ำหนักเบา จัดเป็นลำโพงที่มีน้ำหนักน้อยกว่ายี่ห้ออื่นๆมาก พลังเสียง 30 วัตต์ เหมาะกับใช้งานได้หลายรูปแบบเช่น คอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน และทีวี
ทำให้รับชมภาพยน์ได้เร้าใจ และฟังเพลงได้สนุกมากยิ่งขึ้น และมีระบบเสียงแบบ 2.1ch ให้เสียง 2 ทิศทางทั้งซ้ายและขวา พร้อมมี Subwoofer ที่ช่วยขยายเสียงให้คมชัดและแน่นยิ่งขึ้น
โดยระบบเสียงเป็นแบบ Digital Sound ทำให้เสียงเบสหนักแน่นด้วย Subwoofer ส่วนระบบเชื่อมต่อใช้งานได้ทั้งแบบไร้สายและมีสาย โดยเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 และเสียบสาย AUX 3.5 มม. รองรับการใช้งานสมาร์ทโฟน iOS และ Android
- ระบบเสียงแบบ 2.1ch ให้เสียง 2 ทิศทางทั้งซ้ายและขวา พร้อมมี Subwoofer ที่ช่วยขยายเสียงให้คมชัดและแน่นยิ่งขึ้น
- เป็นลำโพงเบสหนักแบบไร้สาย ชนิด Soundbar น้ำหนักเบาเพียง 1.5 กิโลกรัมเท่านั้น
- เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 และเสียบสาย AUX 3.5 มม. ใช้งานได้หลากหลายประเภท
- รองรับการใช้งานสมาร์ทโฟน iOS และ Android
- ระบบเสียงเป็น Digital Sound ทั่วไป จำเป็นต้องมี Subwoofer เข้ามาช่วยเสริมให้เสียงคมชัดและแน่นยิ่งขึ้น
- พลังเสียง 30 วัตต์ เป็นพลังเสียงน้อยจนเกินไป อาจทำให้ใช้งานในพื้นที่ห้องกว้างไม่มีประสิทธิภาพ
- ไม่รองรับการเชื่อมต่อไร้สายรูปแบบ Wi-Fi
4. PIONEER HTP-076
ชุดโฮมเธียเตอร์ ยี่ห้อไหนดี อันดับรองสุดท้าย PIONEER HTP-076 มีดีไซน์ลำโพงหลายชุดและเป็นลำโพงใช้งานในรูปแบบมีสาย ชนิดลำโพง Surround พลังเสียง 150 วัตต์ มีน้ำหนัก 8 กิโลกรัม ออกแบบมาให้ใช้งานกับทีวี เพื่อรับชมภาพยนต์โดยเฉพาะ
โดยมีระบบเสียง 5.1ch ให้เสียง 5 ทิศทาง พร้อมมี Subwoofer ที่ช่วยให้ขับเสียงเบสได้หนักแน่นยิ่งขึ้น ซึ่งมีระบบเสียง 3 รูปแบบ คือ Dolby Surround, Dolby Atmos และ DTS X ทำให้ปรับเปลี่ยนบ้านของคุณให้เหมือนโรงภาพยนต์
ส่วนระบบเชื่อมต่อเป็นแบบมีสายใช้ USB และ AUX 3.5 มม. ในการเชื่อมต่อเข้ากับทีวีและคอมพิวเตอร์
- มีระบบเสียง 5.1ch ให้เสียง 5 ทิศทาง พร้อมมี Subwoofer ที่ช่วยให้ขับเสียงเบสได้หนักแน่นยิ่งขึ้น
- ดีไซน์ลำโพงหลายชุดและเป็นลำโพงใช้งานในรูปแบบมีสาย ชนิดลำโพง Surround
- ระบบเสียง 3 รูปแบบ คือ Dolby Surround, Dolby Atmos และ DTS X
- ออกแบบมาให้ใช้งานกับทีวี เพื่อรับชมภาพยนต์โดยเฉพาะ
- มีพลังขับเสียงเพียง 150 วัตต์ ถือว่าเป็นพลังเสียงที่น้อยเกินไป สำหรับใช้งานรับชมภาพยนต์ ฟังเพลงในปัจจุบัน
- ลำโพง Surround ไม่รองรับการเชื่อมต่อด้วยระบบ Bluetooth
- ไม่รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน iOS และ Android
ดีไซน์ลำโพงล้าสมัยเกินไป
5. Taga Harmony TAV-506
มาถึงชุดโฮมเธียเตอร์ ยี่ห้อไหนดีอันดับสุดท้ายกับ Taga Harmony TAV-506 มีดีไซน์แปลกที่ไม่เหมือนใครเป็นลำโพง Surround ซึ่งมีลำโพงที่กระจายเสียงถึง 5 ตัวด้วยกัน เป็นลำโพงรูปแบบใช้งานด้วยสาย มีพลังเสียง 120 วัตต์ น้ำหนัก 10.2 กิโลกรัม
ออกแบบมาให้ใช้งานสำหรับรับชมภาพยนต์โดยเฉพาะ ซึ่งมี Dynamic Range ค่อนข้างดี ทำให้ห้องของคุณกลายเป็นโรงภาพยนต์ และสามารถฟังเพลงได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น สร้างบรรยากาศเสมือนอยู่ท่ามกลางคอนเสิร์ตกับศิลปินที่คุณชื่นชอบ
โดยมีระบบเสียงแบบ 5.0ch ให้เสียง Digital Surround 5 ทิศทาง ส่วนระบบเชื่อมต่อแบบ AUX 3.5 มม. รูปแบบเดียว ซึ่งตอบโจทย์สำหรับคนที่กำลังมองหาลำโพงไปใช้กับทีวีโดยเฉพาะนั่นเอง
- ออกแบบมาให้ใช้งานสำหรับรับชมภาพยนต์โดยเฉพาะ ซึ่งมี Dynamic Range ค่อนข้างดี
- มีดีไซน์แปลกที่ไม่เหมือนใครเป็นลำโพง Surround ซึ่งมีลำโพงที่กระจายเสียงถึง 5 ตัว
- เปลี่ยนบรรยากาศห้องให้เหมือนโรงภาพยนต์และคอนเสิร์ตได้
- มีระบบเสียงแบบ 5.0ch ให้เสียง Digital Surround 5 ทิศทาง
- มีพลังขับเสียงเพียง 120 วัตต์ ถือว่าเป็นพลังเสียงที่น้อยเกินไปสำหรับเทคโนโลยีในปัจจุบัน
- การเชื่อมต่อ AUX 3.5 มม. รูปแบบเดียวทำให้ไม่รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์อื่นๆได้
- ไม่มีลำโพง Subwoofer อาจทำให้เสียงเบสมีความหนักแน่นน้อยกว่าที่ควร
ประเภทของเสียงลำโพง มีกี่ประเภท?
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของเสียงลำโพงกันก่อนว่ามีระบบเสียงอะไรบ้าง เพื่อให้คุณทราบถึงข้อมูลและนำไปพิจารณาเลือกซื้อชุดโฮมเธียเตอร์ให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ และได้รับประสิทธิภาพจากลำโพงอย่างเต็มที่ ไปดูกันเลยว่ามีประเภทอะไรบ้างดังนี้
ระบบเสียง Stereo
แบ่งออกเป็นระบบเสียง 2.0ch และ 2.1ch ซึ่งเป็นระบบเสียงที่พบเห็นได้ทั่วไป โดยกระจายเสียงออกได้ 2 ทิศทาง และมักจะมีลำโพงซ้ายและขวาเพียง 2 ตัว นั่นคือ 2.0 ch หากเป็นระบบ 2.1 ch จะมีลำโพงตัวที่ 3 คือ Subwoofer ที่สามารถปรับเสียงเบสให้หนักแน่นยิ่งขึ้น และทำให้เสียงมีความคมชัด ไม่แหลมจนเกินไปอีกด้วย
ระบบเสียง Surround
ในปัจจุบันระบบเสียง Surround กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ยิ่งนำไปใช้งานกับทีวีที่บ้านจะทำให้ทุกการรับชมของคุณมีความบันเทิงและสนุกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระบบเสียง 5.1ch และ 7.1ch ซึ่ง 5.1 ch คือมีลำโพง 5 ตัวที่กระจายเสียง 5 ทิศทาง พร้อมกับ Subwoofer 1 ตัว คอยทำหน้าที่ให้ลำโพง 5 ตัวมีเสียงหนักแน่นคมชัด ซึ่ง 7.1ch ก็เช่นกัน แต่มีเสียงรอบด้านมากกว่า 5.1ch ให้ความสมจริงและมีมิติมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ประเภทของลำโพงมีอะไรบ้าง ทำหน้าที่อย่างไร?
1. Full Range
ลำโพง Full Range คือ ลำโพงเดี่ยว ทำหน้าที่กระจายเสียงได้ทุกคลื่นความถี่ ซึ่งก็คือเสียงที่คุณได้ยินจากลำโพงตัวนั้นๆ และสามารถเปล่งเสียงได้ทุกย่านเสียง เช่น ต่ำ กลาง สูง เป็นต้น
2. Subwoofer
ซับวูฟเฟอร์ คือลำโพงเสริมเดี่ยว ทำหน้าที่ขับเสียงเบสให้ต่ำลง ทำให้มีเสียงเบสหนักแน่น คมชัด เสียงไม่แหลมจนเกินไป ซึ่งนิยมใช้ควบคู่กับลำโพง Full Range เพื่อให้เสียงมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
3. Woofer
วูฟเฟอร์ คือ ลำโพงตัวยาว ทำหน้าที่ให้กำเนิดเสียงคลื่นที่ต่ำหรือย่านเสียงต่ำ แตกต่างกับซับวูฟเฟอร์ทำหน้าที่แค่เสียงเบสเท่านั้น แต่วูฟเฟอร์ช่วยในเรื่องย่านเสียงต่ำให้ทรงพลัง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
วิธีเลือกซื้อ ชุดโฮมเธียเตอร์ ยี่ห้อไหนดี ให้เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด
1. งบประมาณ
หากคุณเลือกซื้อ ชุดโฮมเธียเตอร์ ยี่ห้อไหนดี การคำนึงถึงงบประมาณก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะงบประมาณในการเลือกซื้อลำโพงมักได้รับคุณภาพเสียงตามราคา ซึ่งชุดโฮมเธียเตอร์ที่มีราคาสูงย่อมได้รับเสียงที่มีคุณภาพ พร้อมฟังก์ชั่นครบทุกการใช้งาน ดังนั้นคุณควรเลือกซื้อลำโพงให้สอดคล้องกับงบประมาณที่คุณนำไปใช้งาน เพื่อไม่ให้เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์นั่นเอง
2. พื้นที่ในการใช้งาน
ชุดโฮมเธียเตอร์แต่ละยี่ห้อมีพลังเสียงที่ขับออกไปไม่เท่ากัน ซึ่งคุณควรคำนึงถึงพื้นที่ในการใช้งานของคุณว่ามีขนาดห้องกว้างหรือห้องใหญ่ เราแนะนำให้คุณเลือกลำโพงที่มีพลังเสียงเกิน 350 วัตต์ขึ้นไป เพราะมีพลังเสียงที่เหมาะสมในการใช้งานทุกพื้นที่ และมีเสียงคมชัด หนักแน่น สมจริงทุกรายละเอียดอย่างแน่นอน
3. การเชื่อมต่อ
ในปัจจุบันการตกแต่งห้องเพื่อรับชมภาพยนต์ ฟังเพลงก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งชุดโฮมเธียเตอร์ควรมีการเชื่อมต่อหลายรูปแบบ ยิ่งใช้งานแบบไร้สายได้ยิ่งดี เพราะทำให้ห้องไม่รก ไม่เกะกะ ห้องดูกว้างขึ้น โดยต้องมีการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ Bluetooth และรองรับการใช้งานแบบสายได้ เพื่อรองรับการใช้งานได้หลายอุปกรณ์หรือนำไปติดตั้งกับผนังใช้งานแบบสายได้อีกด้วย
4. ระบบเสียง
หากคุณต้องการเสียงที่สมจริงทุกรายละเอียดทั้งดูหนัง ฟังเพลงผ่านทีวีตัวโปรด ซึ่งการเลือกซื้อระบบเสียงที่มีระบบ Surround เป็นรูปแบบ 5.1 ch หรือ 7.1ch ยิ่งดี เพราะลำโพงสามารถกระจายเสียงออกไปได้ทุกทิศทาง พร้อมมี Subwoofer ที่ช่วยให้มีเสียงเบสหนักแน่น กระหึ่มเร้าใจ พร้อมได้รับอรรถรสในการรับชมและการฟังเพลงอย่างแน่นอน
บทสรุปเลือกซื้อ ชุดโฮมเธียเตอร์ ยี่ห้อไหนดี เสียงคุณภาพ เสียงสมจริง ปี 2023
สำหรับการเลือกซื้อ ชุดโฮมเธียเตอร์ ยี่ห้อไหนดี ที่มีเสียงคุณภาพ ดีไซน์สุดล้ำ เราขอแนะนำ LG Sound Bar รุ่น SN9YG เป็นลำโพงไร้สาย ชนิด Soundbar มีดีไซน์สุดล้ำสมัย เรียบง่าย พร้อมขับพลังเสียง 520 วัตต์ ออกแบบมาสำหรับใช้งานกับทีวีขนาด 50 นิ้วขึ้นไป เพื่อรับชมภาพยนต์ ฟังเพลงโดยเฉพาะ
มาพร้อมกับระบบเสียงแบบ 5.1ch ให้เสียง 5 ทิศทาง มี Subwoofer ภายในตัว ซึ่งให้เสียงคุณภาพ สมจริงทุกรายละเอียด เปลี่ยนห้องของคุณให้เป็นโรงภาพยนต์ด้วยลำโพงตัวเดียว โดยมีระบบ Ai Sound Pro วิเคราะห์เสียงตามเนื้อหาที่คุณกำลังรับชม เพื่อปรับเสียงให้เข้ากับเนื้อหาและได้รับอรรถสในการรับชมมากขึ้น
และรองรับระบบเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 และระบบ Wi-Fi 2.4GHz/5.0GHz สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งระยะใกล้และไกล อีกทั้งใช้งานร่วมกับ Google Assistant ได้เช่นกัน รวมไปถึงรองรับการใช้งานสมาร์ทโฟน iOS และ Android จัดเป็นลำโพงโฮมเธียเตอร์ที่มีเสียงสมจริง ฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน น่าซื้อไปใช้งานอย่างแน่นอน