เมื่ออินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตประจำวัน นอกจากการใช้งานผ่านระบบซิมมือถือแล้ว “เราเตอร์” จึงนับเป็นอีกอุปกรณ์ เทคโนโลยีสำคัญที่ขาดไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งถ้าเป็นการปล่อย Wi-Fi ทั้งใช้ภายในบ้านเรือน สำนักงาน หรือพื้นที่ขนาดใหญ่ต่าง ๆ แต่สำหรับบทความนี้ เราจะขอรีวิว 5 เราเตอร์ ยี่ห้อไหนดี ใช้งานโดนใจ อินเทอร์เน็ตวิ่งเร็ว ไม่มีสะดุด ตอบโจทย์สำหรับภายในบ้าน และสำนักงานทั่วไปอย่างแน่นอน
5 เราเตอร์ ยี่ห้อไหนดี
- TP-Link Archer AX73 AX5400 Dual-Band Gigabit Wi-Fi 6
- Xiaomi AX6000 AIoT Router 6000Mbs WiFi6 VPN 512MB CPU
- AIS 4G Hi-Speed Home WiFi
- ASUS RT-AX3000 AX3000 DUAL BAND WiFi 6
- Tenda AC23 AC2100 Dual-Band Gigabit Wireless
- ค่าสตรีมมิ่งความเร็วสูงถึง 5400 Mpbs
- ส่งสัญญาณแบบ 4x4 ได้
- ลดการหน่วงของสัญญาณผ่านระบบ MU-MIMO และ OFDMA
- รับความถี่ได้ทั้ง 2.4 GHz และ 5 GHz
- เทคโนโลยี MU-MIMO และ OFDMA ลดความหน่วงของตัวสัญญาณ
- เสาสัญญาณ 4 เสา กำลังพอดีไม่เยอะ-น้อยเกินไป
รีวิว 5 เราเตอร์ ยี่ห้อไหนดี ใช้งานโดนใจ อินเทอร์เน็ตวิ่งไวที่สุด
หลังจากทำความรู้จักกับเราเตอร์พร้อมวิธีเลือกซื้อพื้นฐานกันไปแล้ว คราวนี้ลองมาดูสำหรับคนที่กำลังวางแผนจะซื้ออุปกรณ์ชนิดนี้ มียี่ห้อไหนน่าสนใจ ควรค่ากับการลงทุน เพราะอย่าลืมว่าเมื่อซื้อแล้วคงไม่มีใครอยากเจอปัญหาอินเทอร์เน็ตสะดุด หลุดบ่อย หรือสัญญาณไม่ถึงอย่างแน่นอน ดังนั้นไปพบกับรีวิว 5 เราเตอร์ รุ่นยอดนิยม ที่นำมาฝากกันได้เลย
1. เราเตอร์ TP-Link Archer AX73 AX5400 Dual-Band Gigabit Wi-Fi 6
เริ่มต้นกันด้วย เราเตอร์ ยี่ห้อไหนดี แบรนด์ดังที่ทุกคนคุ้นเคยดี อย่าง TP link ด้วยค่าการสตรีมมิ่งความเร็วสูงสุดถึง 5400 Mbps รองรับรูปแบบส่งสัญญาณ 4×4 ใช้งานกับระบบ MU-MIMO และ OFDMA ลดปัญหาอาการหน่วงของสัญญาณที่มีความแออัดสูง มาพร้อมเสาสัญญาณ 6 เสา และเทคโนโลยี Beamforming
เพื่อการส่งสัญญาณได้กว้างมากขึ้น เราเตอร์รุ่นนี้ ประมวลผลผ่าน CPU Triple – Core 1.5 GHz มั่นใจได้เลยว่าทรงพลังและแรงสะใจ แถมฟีเจอร์สุดล้ำจาก TP-Link เพื่อการใช้งานเครือข่ายในบ้านปลอดภัยกว่าเดิม
เป็นเราเตอร์ที่ตอบโจทย์สำหรับทุกบ้านโดยเฉพาะบ้านไหนมีขนาดใหญ่ สมาชิกเยอะ ไม่ต้องกลัวช่วงสัญญาณจะสั้น รวมถึงความแรงเต็มพิกัดอยู่จุดไหนก็ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้แบบคล่องตัวสุด ๆ อย่างแน่นอน
- ค่าสตรีมมิ่งความเร็วสูงถึง 5400 Mpbs
- ส่งสัญญาณแบบ 4×4 ได้
- ลดการหน่วงของสัญญาณผ่านระบบ MU-MIMO และ OFDMA
- เสาสัญญาณ 6 เสา และเทคโนโลยี Beamforming เพิ่มความกว้างให้สัญญาณมากกว่าเดิม
- ฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยกับการใช้งานในบ้าน
- จำนวนเสาสัญญาณเยอะ อาจมีปัญหาเรื่องพื้นที่ติดตั้ง
- ต้องมีแอป TP-Link Tether สำหรับการตั้งค่า
- เชื่อมต่ออุปกรณ์เยอะกว่า 200 เครื่อง อาจมีปัญหาอินเทอร์เน็ตช้าบ้าง
2. เราเตอร์ Xiaomi AX6000 AIoT Router 6000Mbs WiFi6 VPN 512MB CPU
ต่อกันด้วย เราเตอร์ ยี่ห้อไหนดี แบรนด์ดังจากจีน ที่ลงมาทำสินค้าประเภทนี้ด้วยเช่นกัน ขนาด RAM 512 MB รองรับในการเชื่อมต่อทั้ง 2.4G และ 5G ความเร็วสูงสุด 4000 Mbps เสาสัญญาณมีให้ถึง 7 เสา กระจายสัญญาณได้กว้างมาก ส่งสัญญาณได้ทั่วถึง มีเทคโนโลยี 4K QAM บีบอัดความหนาแน่นของข้อมูลพร้อมเพิ่มปริมาณข้อมูลในช่วงเดียวกันได้ถึง 20% ความเร็วตัว Wi-Fi จึงเร่งขึ้นจากเดิมได้อีก ระบบ MU-MIMO และ OFDMA ความหน่วงสัญญาณน้อยลง เชื่อมต่อได้สูงสุด 16 เครื่อง
ใครนิยมใช้งานยี่ห้อนี้อยู่แล้ว เเราเตอร์รุ่นนี้ ถือเป็นอีกอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์มากเช่นกัน ความแรงกำลังดี รองรับในการเชื่อมต่อทุกระบบที่มีในปัจจุบัน พร้อมฟังก์ชันพิเศษอีกมาก ใช้งานแล้วติดใจ
- รองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบ 2.4G และ 5G
- จำนวนเสาสัญญาณมีให้ถึง 7 เสา เพิ่มความกว้างของสัญญาณมากขึ้น
- เทคโนโลยี 4K QAM บีบอัดและเพิ่มปริมาณข้อมูลได้ถึง 20%
- ระบบ MU-MIMO และ OFDMA ลดความหน่วยสัญญาณ
- ดีไซน์แปลกตา เหมาะกับการซื้อติดตั้งที่บ้าน
- ความเร็วสูงสุด 4000 Mbps ถือว่าอยู่ในระดับกลางค่อนทางสูง
- จำนวนของเสาสัญญาณมากเกินไป ไม่สะดวกกับการติดตั้ง
- เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้แค่ 16 เครื่อง
3. เราเตอร์ AIS 4G Hi-Speed Home WiFi
สำหรับเราเตอร์รุ่นนี้ เป็นของค่ายซิมมือถือที่ทุกคนรู้จัก จุดเด่นมากคือไม่ต้องมีสาย LAN แค่เสียบซิมเข้าไปก็เริ่มต้นใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทันที ในการเชื่อมต่อ ก็ไม่ยุ่งยาก ส่งสัญญาณได้ทั่วถึง เพราะเป็นเราเตอร์ใส่ซิม แต่ถ้าใครอยากใช้งานผ่านสาย LAN ก็ไม่มีปัญหา ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย มีเสาสัญญาณ 2 เสา
แบตเตอรี่ความจุ 2,000 mAh เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุด 32 เครื่อง ไฟแสดงสัญญาณการทำงาน ความเร็วสูงสุดตามค่า AIS 4G และระบบ MIMO 2×2 support 2.4 GHz
สำหรับใครที่ไม่สะดวกในการติดตั้งสาย LAN เช่น อยู่ต่างจังหวัด หรือเช่าห้องพักอยากใช้ Wi-Fi เราเตอร์รุ่นนี้นับว่าตอบโจทย์ดังกล่าวได้ลงตัวมาก ขนาดกะทัดรัด ไม่เกะกะ ใช้งานได้อย่างคุ้มค่าทีเดียว
- ไม่ต้องติดตั้งสาย LAN แค่ใส่ซิมก็ใช้ได้เลย
- ไม่ต้องต่อสายเสียบปลั๊ก มีแบตเตอรี่ในตัว
- เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ถึง 32 เครื่อง
- มีไฟแสดงค่าการทำงาน
- ความเร็วสูงสุดเป็นไปตามการพัฒนาระบบของ AIS
- หากใช้งานแบบไม่เชื่อมต่อสาย LAN โอกาสเจอสัญญากระตุก ขาดหายมีสูง
- รับค่าความถี่ได้แค่ขนาด 2.4 GHz
- มีเสาสัญญาณแค่ 2 เสา การกระจายความกว้างเครือข่ายมีน้อย
4. เราเตอร์ ASUS RT-AX3000 AX3000 DUAL BAND WiFi 6
เราเตอร์อีกยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ใช้งานได้กับทั้งความถี่ 2.4 GHz และ 5 GHz ความเร็วสูงสุดสำหรับดาวน์โหลด 3,000 Mbps มีเทคโนโลยี MU-MIMO และ OFDMA ลดความหน่วงของตัวสัญญาณ พร้อม Beamforming และจำนวนเสาสัญญาณ 4 เสา ช่วยเรื่องการกระจายสัญญาณให้กว้างกว่าเดิม รูปแบบส่งสัญญาณ 4×4 รองรับการทำงานได้กับทุกอุปกรณ์อย่างแน่นอน
ถือเป็นเราเตอร์อีกรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงมาก ด้วยความครบครันทั้งการส่ง-รับสัญญาณ ฟีเจอร์สุดพิเศษช่วยให้การทำงานดีขึ้น จำนวนเสากำลังพอดี ใช้งานง่ายในการเชื่อมต่อ ไม่ยุ่งยากใครอยากมีติดบ้าน ติดสำนักงานใช้งานได้เป็นอย่างดีเลย
- รับความถี่ได้ทั้ง 2.4 GHz และ 5 GHz
- เทคโนโลยี MU-MIMO และ OFDMA ลดความหน่วงของตัวสัญญาณ
- เสาสัญญาณ 4 เสา กำลังพอดีไม่เยอะ-น้อยเกินไป
- Beamforming และเสาสัญญาณช่วยกระจายความกว้างเครือข่าย
- ดีไซน์แปลกตา ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง
- ดาวน์โหลดด้วยความเร็วสูงสุดเพียง 3,000 Mbps
- ต้องคอยระวังเรื่องมัลแวร์
- สำหรับคอนโด หรือห้องพักจะไม่คุ้มค่ามากนัก
5. เราเตอร์ Tenda AC23 AC2100 Dual-Band Gigabit Wireless
ปิดท้ายด้าวยเราเตอร์ที่รองรับได้ 2 คลื่นความถี่ทั้ง 2.4 GHz และ 5GHz ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 2033 Mbps มีเสาสัญญาณให้ถึง 7 เสา พร้อมระบบ MU-MIMO เพื่อความรวดเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล ลดความหน่วงการใช้งาน
เทคโนโลยี Beamforming เพิ่มความกว้างของสัญญาณที่มากขึ้น ช่องเสียบสาย LAN 4×4 ไฟสัญญาณบ่งบอกการทำงาน พร้อมฟีเจอร์ต่าง ๆ อีกเพียบ
ใครที่กำลังมองหาเราเตอร์ดี ๆ อีกยี่ห้อ รุ่นนี้นับว่าตอบโจทย์ได้มากทีเดียว มีความครบครันทั้งการรับความถี่สัญญาณ และฟีเจอร์ที่จัดเต็มให้แบบไม่อั้น ใช้งานได้ คุ้มค่าแน่นอน
- รองรับความถี่ทั้ง 2.4 GHz และ 5GHz
- เสาสัญญาณมากถึง 7 เสา ถ่ายโอนข้อมูลรวดเร็ว
- ระบบ MU-MIMO ลดความหน่วงการใช้งาน
- Beamforming เพิ่มความกว้างของสัญญาณ
- ฟีเจอร์การใช้งานคุ้มค่า ครบครัน
- ความเร็วดาวน์โหลดเพียง 2033 Mbps
- มีเสาสัญญาณเยอะมาก ไม่สะดวกกับการติดตั้ง
- ต้องคอยระวังเรื่องมัลแวร์
เราเตอร์ คืออะไร
เราเตอร์ คือ อุปกรณ์ประเภทหนึ่งทำหน้าที่สำคัญในการค้นหาเส้นทางและส่งแพ็คเกจข้อมูลของระบบเครือข่ายไปยังอุปกรณ์รับสัญญาณซึ่งปัจจุบันมีทั้งคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค, มือถือ, แท็บเล็ต, ทีวี และอื่น ๆ การทำงานเบื้องต้นของอุปกรณ์ชนิดนี้จะมีซอฟต์แวร์เพื่อควบคุมให้สัญญาณสามารถส่งผ่านได้ตามปกติ มีช่องสำหรับการเสียบสาย LAN เพื่อให้การเชื่อมโยงข้อมูลเครือข่ายมีความเสถียร
หากพูดกันแบบเข้าใจง่าย ๆ เราเตอร์ คือ ตัวกลางที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อสัญญาณดึงเอาข้อมูลต่าง ๆ จากผู้ส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ปลายทางเพื่อรับสัญญาณให้เกิดการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถส่งผ่านไปยังอุปกรณ์ได้หลายเครื่องและยังคงมีการพัฒนาคุณสมบัติเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง
วิธีเลือกเราเตอร์ Wi-Fi ให้เหมาะกับการใช้งาน
1. เลือกคลื่นความถี่ที่สามารถรองรับได้
ปัจจุบันคลื่นความถี่ของการใช้งาน Wi-Fi จะมีแบบ 2.4 GHz และ 5 GHz ซึ่งแบบ 5 GHz จะได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน ด้วยช่องความกว้างของสัญญาณมากกว่า ความเร็วจึงสูงตามไปด้วย การถูกรบกวนจาก Noise น้อย แม้ระยะทางคลื่นจะสั้นแต่ก็ตอบโจทย์ ทางที่ดีคือควรเลือกรูปแบบเราเตอร์ที่รับได้ทั้ง 2 คลื่นไปเลย
2. มาตรฐานของ Wi-Fi
หากสังเกตมาตรฐานของตัว Wi-Fi ให้ดีจะพบว่ามีหลายตัวอักษรมาก ซึ่งความหมายสื่อถึงคุณภาพในการถ่ายโอนข้อมูล แม้ตัวอักษรนี้จะมีเยอะไม่ว่าจะเป็น a, b, g, n, ac แต่มาตรฐานสูงสุดคือ ac เพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เหมาะกับการใช้งานภายในบ้าน ให้ความเร็วสูงมาก รองลงมาคือ n ซึ่งเอาเข้าจริงปัจจุบันเราเตอร์ส่วนใหญ่ก็เป็นค่านี้กันแทบทั้งหมดแล้ว
3. สังเกตเสาสัญญาณ
ในการซื้อเราเตอร์เสาสัญญาณก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญหากอธิบายแบบเข้าใจง่าย เสาสัญญาณเยอะเท่าไหร่ ก็มีความเข้มข้นในการรับส่งมากเท่านั้น ถือเป็นข้อดีที่ควรเลือกซื้อและต้องเป็นเสาประเภท High Gain เพื่อการกระจายสัญญาณที่กว้างขึ้นด้วย
สรุปเลือก เราเตอร์ ยี่ห้อไหนดี ใช้งานดี ตอบโจทย์ความคุ้มค่า
จากที่ได้รีวิวมา เราเตอร์ ยี่ห้อไหนดี ทั้งหมด 5 ยี่ห้อนั้น ต้องบอกว่า เราเตอร์ TP-Link Archer AX73 AX5400 Dual-Band Gigabit Wi-Fi 6 คือ ยี่ห้อที่ตอบโจทย์มากที่สุดด้วยค่าสตรีมมิ่งดาวน์โหลดสูงถึง 5400 Mbps รวดเร็วทันใจ ระบบ MU-MIMO และ OFDMA ลดความหน่วงการใช้งานของสัญญาณ
มีเทคโนโลยี Beamforming เพิ่มความกว้างของการกระจายสัญญาณมากขึ้น จำนวนเสา 5 เสา ถือว่าไม่ได้เยอะเกินไปนัก มาพร้อมฟีเจอร์อื่น ๆ ช่วยในด้านความปลอดภัยอีกเพียบ เป็นเราเตอร์ที่ลงทุนแล้วเกิดความคุ้มค่า ใช้งานได้ดีทีเดียว