สายชาร์จ Type C เป็นประเภทของสายเชื่อมต่อ เพื่อการรับ-ส่งข้อมูลและชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 สำหรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ทั้งหมด ที่ถูกผลิตและออกแบบมาในปัจจุบันนี้ สังเกตได้จากการที่สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, แล็ปท็อป, คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อื่น ๆ อย่างหูฟังหรือพาวเวอร์แบงค์ ก็ล้วนแล้วแต่ใช้พอร์ตประเภทนี้ ในการชาร์จแบตเตอรี่ด้วยกันทั้งสิ้น ส่งผลให้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็จะต้องมีอุปกรณ์ซักหนึ่งตัว ที่จะต้องใช้งานสายชาร์จประเภทนี้ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งจากสาเหตุดังกล่าวนี้ก็คือปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เราอยากจะมาแนะนำ ว่าหากคุณต้องการซื้อสายชาร์จมาไว้เพื่อการใช้งานกับอุปกรณ์ของคุณ สายชาร์จ Type C ยี่ห้อไหนดี จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับคุณที่สุดในปี 2024 นี้นั่นเอง
10 สายชาร์จ Type C ยี่ห้อไหนดี
- สายชาร์จ Type C Essager PD 100w
- สายชาร์จ Type C UGREEN 50567
- สายชาร์จ Type C Essager 7A
- สายชาร์จ Type C Rocoren 3M
- สายชาร์จ Type C Baseus 240W
- สายชาร์จ Type C Eloop S8
- สายชาร์จ Type C HOCO S22
- สายชาร์จ Type C Samsung Cable USB-C to USB-C
- สายชาร์จ Type C Toocki 66W
- สายชาร์จ Type C Moov CB02
- ความยาวของสายไฟ 3 เมตร
- การใช้งานสายถักที่ป้องกันความเสียหายได้ดี
- การรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ด้วยกำลังไฟฟ้า 100 วัตต์
- รองรับการเชื่อมต่อผ่านพอร์ตแบบ PD
- ใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลายจากพอร์ต USB-C ทั้ง 2 ด้าน
- ข้อต่อสายแบบป้องกันการหักงอ
- เหมาะสำหรับคนที่ยังใช้งานอแดปเตอร์เวอร์ชั่นเก่า
- การรองรับกำลังไฟฟ้า 100 วัตต์
- การรับ-ส่งข้อมูลทำได้รวดเร็วเทียบเท่ากับสายแบบ USB-C to USB-C
- การพกพาที่ทำได้อย่างสะดวกสบาย
สายชาร์จ Type C ยี่ห้อไหนดี 2024
ต่อไปเป็น 10 รุ่นของ สายชาร์จ Type C ที่น่าสนใจ และได้รับความนิยมมากที่สุดในปี 2024 นี้
1. Essager PD 100w
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Essager PD 100w |
ความยาวสาย | 3 เมตร |
น้ำหนัก | – |
รูปแบบพอร์ต | USB-C to USB-C |
การรองรับความเร็วไฟสูงสุด | 100 วัตต์ |
ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูล | 480 Mbps |
สายชาร์จ Type C ยี่ห้อไหนดี รุ่นแรกเป็นสายชาร์จ Type C ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน จากการออกแบบพอร์ตของสายทั้งหมดด้านมาเป็น USB-C to USB-C ที่ทำให้ใช้งานได้กับอุปกรณ์มากมายในปัจจุบัน ในขณะที่การรองรับความการชาร์จแบตเตอรี่ จะทำได้มากถึง 100 วัตต์รวมถึงการรับ-ส่งข้อมูล ก็ยังรองรับได้ถึง 480 Mbps ด้วยในเวลาเดียวกัน และยังมีการออกแบบความยาวสายมาถึง 3 เมตร เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการใช้งานในแต่ละพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย สำหรับการออกแบบภายนอกของรุ่นนี้ จะมีการเลือกใช้งานสายถัก ที่มีการตกแต่งด้วยสีดำล้วน และมีคุณสมบัติที่ช่วยป้องกันความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการใช้งานกับพื้นที่ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น จึงทำให้การใช้งานระยะยาว รุ่นนี้ก็นับว่าสามารถตอบโจทย์ได้อย่างดีด้วยเช่นกัน
- ความยาวของสายไฟ 3 เมตร
- การใช้งานสายถักที่ป้องกันความเสียหายได้ดี
- การรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ด้วยกำลังไฟฟ้า 100 วัตต์
- รองรับการเชื่อมต่อผ่านพอร์ตแบบ PD
- ใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลายจากพอร์ต USB-C ทั้ง 2 ด้าน
- ไม่มี OTG สำหรับปรับเปลี่ยนหัวพอร์ตในการเชื่อมต่อ
- น้ำหนักค่อนข้างมากจากความยาวสายที่ค่อนข้างสูง
2. UGREEN 50567
แบรนด์และรุ่นสินค้า | UGREEN 50567 |
ความยาวสาย | 1 เมตร |
น้ำหนัก | – |
รูปแบบพอร์ต | USB-A to USB-C |
การรองรับความเร็วไฟสูงสุด | 100 วัตต์ |
ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูล | 480 Mbps |
สายชาร์จ Type C ยี่ห้อไหนดี รุ่นต่อมา UGREEN 50567 เป็นทั้งสายชาร์จแบตเตอรี่และสายรับ-ส่งข้อมูล ที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างมากสำหรับการใช้งานในปัจจุบัน หากคุณกำลังมองหาสายที่รองรับการส่งข้อมูลผ่านพอร์ต USB-A มาเป็น USB-C ในราคาวางขายที่ย่อมเยา ด้วยคุณสมบัติในการรองรับความเร็วไฟสูงสุด 100 วัตต์ และความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล 480 Mbps ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพเทียบเท่ากันกับอุปกรณ์ ที่ใช้งานพอร์ตส่งออกข้อมูลหรือกำลังไฟฟ้าเป็น USB-C เลยทีเดียว นอกจากนี้ด้วยการที่ตัวสายมีความยาวเพียง 1 เมตร และไม่ได้มีองค์ประกอบที่ยื่นออกมาจากตัวสายมากจนเกินไป ก็ทำให้การพกพารุ่นนี้ถือว่าทำได้สะดวกขึ้นมาอย่างมากด้วยในเวลาเดียวกัน
- ข้อต่อสายแบบป้องกันการหักงอ
- เหมาะสำหรับคนที่ยังใช้งานอแดปเตอร์เวอร์ชั่นเก่า
- การรองรับกำลังไฟฟ้า 100 วัตต์
- การรับ-ส่งข้อมูลทำได้รวดเร็วเทียบเท่ากับสายแบบ USB-C to USB-C
- การพกพาที่ทำได้อย่างสะดวกสบาย
- ความยาวของสายไม่มากนัก
- พอร์ตส่งออกเป็นแบบ USB-A ที่อาจไม่สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์บางอย่างที่คุณมีอยู่
3. Essager 7A
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Essager 7A |
ความยาวสาย | 2 เมตร |
น้ำหนัก | – |
รูปแบบพอร์ต | USB-A to USB-C |
การรองรับความเร็วไฟสูงสุด | 100 วัตต์ |
ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูล | 480 Mbps |
สายชาร์จ Type C รุ่นนี้มีการออกแบบมาเป็นสายชาร์จพร้อมความเร็ว 100 วัตต์ ที่เป็นรูปแบบ USB-A to USB-C ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ยังคงใช้อแดปเตอร์ตัวเก่า ที่รองรับความเร็วในการส่งออกไฟระดับนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากคุณจะสามารถเสียบต่อและใช้งานได้ทันที ในการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของคุณ โดยจุดเด่นที่น่าสนใจของสายชาร์จตัวนี้ คือ การติดตั้งหน้าจอแสดงผล สำหรับการการบอกระดับการผ่านของไฟมาให้บริเวณส่วนท้ายของสาย ทำให้คุณสามารถวัดคุณภาพของการส่งไฟ ระหว่างที่ทำการชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการใช้งานสายแบบถัก และวัสดุแบบอะลูมิเนียมอัลลอยด์ ก็ช่วยสนับสนุนการใช้งานระยะยาวของรุ่นนี้ ให้ดีขึ้นมาจากหลาย ๆ รุ่นได้อีกไม่น้อยเลยทีเดียว
- รองรับมาตรฐานการชาร์จเร็วของแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย
- หน้าจอแสดงผลการรองรับไฟแบบดิจิทัล
- การรองรับกำลังไฟฟ้า 100 วัตต์
- วัสดุและการใช้งานสายถักที่มีความทนทานสูง
- สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกรูปแบบในปัจจุบัน
- ไม่มีการการันตีเรื่องการหักงอของสาย
- การแสดงผลไฟบนหน้าจอดิจิทัลอาจไม่ชัดเจนหากอุปกรณ์อื่น ๆ ไม่มีคุณภาพมากเพียงพอ
4. Rocoren 3M
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Rocoren 3M |
ความยาวสาย | 0.5 เมตร |
น้ำหนัก | – |
รูปแบบพอร์ต | USB-C to USB-C |
การรองรับความเร็วไฟสูงสุด | 60 วัตต์ |
ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูล | 480 Mbps |
Rocoren 3M เป็นสายชาร์จ Type C แบบสั้นที่มีความยาว 0.5 เมตร ซึ่งถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการใช้งานกับอุปกรณ์อย่าง Power Bank เป็นหลัก เนื่องจากจะทำให้คุณสามารถเสียบชาร์จแบตเตอรี่ และใช้งานมือถือไปพร้อมกันได้อย่างคล่องตัว จากการลดความเกะกะของความยาวสายที่ลดลง โดยในระหว่างที่ทำการชาร์จแบตเตอรี่ จะสามารถรองรับการส่งออกแรงไฟได้ 60 วัตต์ ผ่านสายชาร์จที่เป็นแบบ USB-C to USB-C และรับ-ส่งข้อมูลได้ที่ระดับ 480 Mbps จากการทำงานของชิปประมวลผล E-maker ที่เป็นส่วนหลักในการทำงานของรุ่นนี้ เพราะฉะนั้นหากคุณกำลังมองหาสาย ที่เน้นการพกพาและใช้งานได้สะดวก รุ่นนี้ก็น่าสนใจอย่างมากสำหรับคุณเลยทีเดียว
- เหมาะสำหรับการพกพาและใช้งานกับ Power Bank
- ชิปประมวลผลการทำงานที่มีประสิทธิภาพเกินราคา
- ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย CE, FCC และ ROHS
- สายแบบถักช่วยเพิ่มความทนทานให้กับการใช้งาน
- สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้ดีเมื่อเทียบกับราคา
- รองรับการส่งกำลังไฟฟ้าเพียง 60 วัตต์
- ความยาวสาย 0.5 เมตรอาจสั้นเกินไปการใช้งานบางรูปแบบ
5. Baseus 240W
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Baseus 240W |
ความยาวสาย | เมตร |
น้ำหนัก | กรัม |
รูปแบบพอร์ต | USB-C to USB-C |
การรองรับความเร็วไฟสูงสุด | วัตต์ |
ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูล | Mbps |
สายชาร์จ Type C ยี่ห้อไหนดี จาก Baseus 240W เป็นคำตอบที่น่าสนใจอย่างมาก หากคำถามของคุณ คือ ควรเลือกซื้อสายชาร์จ Type C ยี่ห้อไหนดี จึงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ทั้งในด้านของประสิทธิภาพการทำงานและดีไซน์การออกแบบ ในราคาวางขายที่จับต้องได้ง่าย เนื่องจากรุ่นนี้มีการออกแบบองค์ประกอบทุกส่วน ด้วยการใช้งานสีดำล้วนเป็นส่วนหลักในการออกแบบ ในขณะที่ส่วนที่ใช้งานเป็นวัสดุแบบซิงค์อัลลอยด์ ก็จะมีการออกแบบมาให้มีความเงางาม เพื่อเพิ่มความหรูหราให้ได้มากยิ่งขึ้น สำหรับประสิทธิภาพการทำงาน โดยรวมจะสามารถรองรับการส่งไฟได้สูงถึง 240 วัตต์ ทำให้ตอบโจทย์การใช้งานกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทได้อย่างครอบคลุม ที่สำคัญจากการทำงานของของชิป E-maker ก็ยังสนับสนุนการทำงานโดยรวมของการส่งออกไฟให้ดีได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
- ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากมาตรฐานต่าง ๆ มากมาย เช่น ROHS และ SRRC
- วัสดุแบบซิงค์อัลลอยด์ที่ช่วยเพิ่มความเงางามและหรูหรา
- ข้อต่อสายสามารถทนทานต่อการหักงอได้ดี
- รองรับมาตรฐาน PD 3.1 ในการรับ-ส่งข้อมูล
- น้ำหนักเบาจากความยาวสายที่ 1 เมตร
- ประสิทธิภาพการส่งไฟโดยรวมอาจไม่ถึง 240 วัตต์ตามรายละเอียดสินค้า
- ไม่มี OTG สำหรับการแปลงหัวพอร์ตเชื่อมต่อ
6. Eloop S8
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Eloop S8 |
ความยาวสาย | 1.5 เมตร |
น้ำหนัก | 40 กรัม |
รูปแบบพอร์ต | USB-C (USB-A) to USB-C |
การรองรับความเร็วไฟสูงสุด | 100 วัตต์ |
ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูล | 480 Mbps |
หากต้องการสายชาร์จ Type C พร้อม OTG ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานกับอแดปเตอร์, เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ Power Bank ในปัจจุบันได้หลากหลาย รุ่นนี้ก็น่าสนใจในการเลือกซื้ออย่างมาก ด้วยการออกแบบช่องส่งออกไฟ มาให้เลือกใช้งานได้ทั้งแบบ USB-C และ USB-A ซึ่งจะรองรับการส่งกำลังไฟฟ้าได้สูงสุด 100 วัตต์ ผ่านทางพอร์ตอินเตอร์เฟส USB-C จากความยาวสายที่ 1.5 เมตร ที่ถือว่ามีความยืดหยุ่นและสะดวกสบายเพียงพอ สำหรับการเปลี่ยนการใช้งานตามพื้นที่และสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างไรก็ตามด้วยการใช้งานสายถัก ที่ผลิตขึ้นจากวัสดุไนลอนคุณภาพสูง ก็เป็นส่วนสนับสนุนความแข็งแรงทนทาน และช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้งานระยะยาวของตัวสินค้าให้ดีได้มากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
- ชิป E-mark ที่รองรับการจ่ายไฟได้อย่างเสถียร
- วัสดุแบบสายถักไนล่อนความแข็งแรงทนทานสูง
- ความยาวสาย 1.5 เมตรที่ใช้งานมาตรฐานได้อย่างเหมาะสมกับทุกสถานการณ์
- การรองรับกำลังไฟสูงสุด 100 วัตต์
- สามารถปรับเปลี่ยนหัว OTG ในการเชื่อมต่อได้
- น้ำหนักของสายที่เพิ่มขึ้นจากหัว OTG
- สีของสินค้าทั้งหมด 2 รูปแบบไม่มีความแตกต่างกันมากนัก
7. HOCO S22
แบรนด์และรุ่นสินค้า | HOCO S22 |
ความยาวสาย | 1.2 เมตร |
น้ำหนัก | 52 กรัม |
รูปแบบพอร์ต | USB-C (USB-A) to USB-C (Lightning) |
การรองรับความเร็วไฟสูงสุด | 60 วัตต์ |
ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูล | – |
HOCO S22 เป็นสายชาร์จของแบรนด์ HOCO ที่มีความโดดเด่นในการใช้งานอย่างมาก เมื่อเทียบกันกับสินค้าหลาย ๆ ตัวในปัจจุบัน จากลักษณะของการใช้งานแบบ 4 in 1 ซึ่งเป็นผลมาจากพอร์ต 4 ตัว ที่ประกอบด้วย USB-C ที่เป็นตัวมาตรฐานของทั้ง 2 ฝั่ง และ USB-A กับ Lightning ที่เป็น OTG เสริมซึ่งให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลายและยืดหยุ่นกับอุปกรณ์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จแบตเตอรี่ผ่านอแดปเตอร์ หรือแม้แต่การใช้เพื่อรับ-ส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยที่การชาร์จแบตเตอรี่จะสามารถทำได้ด้วยความเร็ว 60 วัตต์ ภายใต้มาตรฐาน PD3.0 และ QC3.0 ดังนั้น หากต้องการให้สายชาร์จตัวเดียว สามารถเปลี่ยนแปลงจากพอร์ต USB-C เพื่อให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า รุ่นนี้ก็มองข้ามไปไม่ได้แน่นอน
- จำนวนหัวพอร์ตและ OTG สำหรับปรับเปลี่ยนการใช้งาน 4 หัว
- สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกรูปแปบบในปัจจุบัน
- ส่วนยึดตำแหน่ง OTG ที่ดูมีความแข็งแรงและมั่นคง
- วัสดุสายแบบผ้าทอคุณภาพสูง
- ความยาวสายที่รองรับการใช้งานได้สะดวกและพกพาได้ง่าย
- สายแบบแบนอาจทำให้เกิดการหักงอได้ง่าย
- น้ำหนักโดยรวมสูงถึง 52 กรัม
8. Samsung Cable USB-C to USB-C
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Samsung Cable USB-C to USB-C |
ความยาวสาย | 1 เมตร |
น้ำหนัก | 31.94 กรัม |
รูปแบบพอร์ต | USB-C to USB-C |
การรองรับความเร็วไฟสูงสุด | – |
ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูล | – |
Samsung Cable USB-C to USB-C เป็นสายชาร์จ Type C ของแบรนด์ Samsung ที่ถือว่ามีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ทำให้เราสามารถมั่นใจเกี่ยวกับความปลอดภัย และการรับรองมาตรฐารการใช้งานของรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งในการออกแบบสายชาร์จตัวนี้ จะถูกออกแบบมาให้มีความเรียบง่าย ในลักษณะของสายแบบ USB-C to USB-C และการใช้งานวัสดุแบบพลาสตอก ที่มีทั้งสีขาวและดำล้วนให้เราสามารถเลือกซื้อได้ ทำให้จุดเด่นสำคัญของสินค้า จึงเป็นการมีน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษ ส่งผลให้การพกพาจึงทำให้ง่ายมากกว่าสินค้าหลาย ๆ รุ่น ที่เราได้แนะนำให้กับคุณที่ผ่านมานี้นั่นเอง
- การออกแบบภายนอกที่หรูหราเรียบง่าย
- น้ำหนักเบาเพียง 31.94 กรัม
- สีของสินค้าที่มีให้เลือกได้ 2 รูปแบบ
- การใช้งานที่ทำได้อย่างมั่นใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัย
- สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพกับอุปกรณ์ Samsung
- ตัวสายอาจมีความทนทานต่ำกว่าหลาย ๆ รุ่นในปัจจุบัน
- ยังคงใช้งานมาตรฐาน USB 2.0
9. Toocki 66W
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Toocki 66W |
ความยาวสาย | 2 เมตร |
น้ำหนัก | – |
รูปแบบพอร์ต | USB-A to USB-C |
การรองรับความเร็วไฟสูงสุด | 66 วัตต์ |
ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูล | 480 Mbps |
สายชาร์จ Type C ตัวนี้ถูกออกแบบมาเป็นสายแบบ USB-A to USB-C ที่รองรับความเร็วการส่งไฟฟ้า ภายใต้มาตรฐานต่าง ๆ ได้สูงสุด 66 วัตต์ ซึ่งถือว่าตอบโจทย์ได้ดีสำหรับการใช้งานกับสมาร์ทโฟนจากหลากหลายแบรนด์ในปัจจุบัน ที่มีการออกแบบมาให้รองรับมาตรฐานการชาร์จเร็ว โดยที่จุดเด่นของรุ่นนี้จะเน้นไปที่การแสดงผลตัดเลขของกำลังไฟฟ้า ผ่านทางหน้าจอระบบดิจิทัลบริเวณอินเตอร์เฟสของสาย ที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูงจากความยาว 2 เมตร ยิ่งไปกว่านั้นในด้านของความหลากหลายในการออกแบบ รุ่นนี้ก็ยังมีการทำออกมาอย่างน่าสนใจ จากตัวเลือกของสีที่มีให้เลือกได้ทั้ง Blue, Black และ Brown อีกด้วย
- การออกแบบหน้าจอแสดงผลการส่งออกไฟแบบดิจิทัล
- การรองรับค่ากระแสไฟฟ้าที่ระดับ 6 แอมป์
- มีตัวเลือกสีให้เลือกซื้อได้ 3 สี
- ความยาวสายที่ช่วยให้การใช้งานมีความยืดหยุ่น
- สายแบบถักที่มีความทนทานสูง
- การรองรับกำลังไฟฟ้ายังไม่สูงมากนัก
- ไม่สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์สมัยใหม่หลาย ๆ ตัวจากพอร์ต USB-A
10. Moov CB02
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Moov CB02 |
ความยาวสาย | 1.5 เมตร |
น้ำหนัก | 60 กรัม |
รูปแบบพอร์ต | USB-C (USB-A) to USB-C (Lightning) |
การรองรับความเร็วไฟสูงสุด | 30 และ 60 วัตต์ |
ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูล | 480 Mbps |
สายชาร์จ Type C ยี่ห้อไหนดี รุ่นสุดท้ายเป็นอีกหนึ่งสายชาร์จแบบ 4 in 1 ที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง ด้วยการมีทั้งพอร์ตพื้นฐานในการเชื่อมต่อเป็น USB-C ที่ให้คุณสามารถเลือกใช้งาน OTG เพิ่มเติม อย่าง USB-A และ Lightning สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่และส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ได้ โดยที่การใช้งานในลักษณะการชาร์จแบตเตอรี่ จะรองรับได้ที่ 30 และ 60 วัตต์ ตามลักษณะของพอร์ตที่คุณเลือกใช้งาน ช่วยเพิ่มความเหมาะสมของการรับไฟฟ้า ให้เหมาะสมกับอุปกรณ์แต่ละรูปแบบมากยิ่งขึ้น ในขณะที่การรับ-ส่งข้อมูลนั้นก็จะสามารถทำได้ที่มาตรฐาน 480 Mbps ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบันได้อย่างเพียงพอ ส่วนการออกแบบภายนอกก็จะเน้นไปที่ความทันสมัยและทนทาน รวมไปถึงในส่วนยึดระหว่างหัวพอร์ตและ OTG ก็ยังได้มีการออกแบบส่วนยึดติดการใช้งานมาให้อย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการพกพา หรือการใช้งานให้ได้มากที่สุดด้วยในเวลาเดียวกัน
- รองรับเทคโนโลยีการจ่ายไฟแบบ PD
- การใช้งานแบบ 4 in 1 จากหัวพอร์ตที่หลากหลาย
- วัสดุอะลูมิเนียมและสายไนล่อนที่ทนทานสูง
- การออกแบบส่วนยึดติด OTG ที่แน่นหนา
- ระดับความยาวสาย 1.5 เมตรเหมาะสำหรับการพกพาและใช้งาน
- การออกแบบสายแบบแบนทำให้มีโอกาสหักได้สูง
- การใช้งานบางพอร์ตจะรองรับการจ่ายไฟได้เพียง 30 วัตต์
วิธีเลือกซื้อ
1. เลือกจากรูปแบบของพอร์ต
การเลือกซื้อสายชาร์จจากพอร์ตที่ถูกออกแบบมาให้ แม้ว่าจะเป็นการเลือกซื้อสินค้าประเภทสายชาร์จ Type C เรื่องนี้ก็ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากในปัจจุบันรูปแบบของสาย ที่มีการติดตั้งพอร์ตประเภทนี้มาให้ เรียกได้ว่าค่อนข้างมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น USB-C to USB-C, USB-A to USB-C, USB-C to Lightning หรือ USB-C to PD ซึ่งจะเหมาะสมกับอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน และแน่นอนว่าสิ่งที่เราจะต้องเลือกซื้อ ก็คือรูปแบบที่เข้ากันกับอุปกรณ์ที่คุณมีอยู่ โดยสิ่งที่คุณจะต้องแน่ใจในส่วนนี้ คือ อุปกรณ์แต่ละตัวของคุณที่เป็นตัวส่งออกข้อมูลหรือกระแสไฟฟ้า
อย่างอแดปเตอร์หรือเครื่องคอมพิวเตอร์และแล็ปท็อป มีพอร์ตเชื่อมต่อลักษณะใดที่ให้คุณสามารถเลือกเชื่อมต่อได้บ้าง ซึ่งในปัจจุบันจะมีตั้งแต่พอร์ต USB-A, USB-C และ PD ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป หมายความว่าด้วยการกำหนดจากสิ่งนี้ ก็จะทำให้ตัวเลือกของสินค้าลดลงไปได้อีกมากเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามยังคงมีสินค้าจำนวนมากในปัจจุบันที่ถูกออกแบบและพัฒนามา เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับการใช้งานที่มากขึ้น เช่น การรองรับการเชื่อมต่อ OTG เสริม สำหรับใช้เปลี่ยนหัวพอร์ตเพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ทั้งบริเวณฝั่งที่เป็น USB-C และ USB-A ดังนั้น สำหรับคนที่ต้องการความหลากหลายในการใช้งาน สินค้าเหล่านี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจให้เราสามารถใช้งานได้ด้วยเช่นกัน
2. เลือกจากรูปแบบการใช้งาน
การเลือกซื้อสายชาร์จ Type C เราจะต้องกำหนดตั้งแต่เบื้องต้นเสียก่อน ว่าจะใช้งานกับอุปกรณ์ประเภทไหน หรือการใช้งานในลักษณะใด เพราะหากกล่าวถึงการใช้งานของสายชาร์จ ที่มีการติดตั้งพอร์ต USB-C เราจะสามารถเลือกใช้งานได้โดยรวม 2 รูปแบบในปัจจุบัน ประกอบด้วย การใช้เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้กับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และการใช้เพื่อเป็นตัวช่วยในการเชื่อมต่อ และส่งผ่านข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ เนื่องจากสายชาร์จประเภทนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การรองรับการส่งข้อมูล ได้ในความเร็วที่สูงมากกว่าสายชาร์จประเภทอื่น ๆ นั่นเอง
เพราะฉะนั้นหากคุณกำหนดได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรก ว่าต้องการเลือกซื้อสายชาร์จไปเพื่อการใช้ในลักษณะใด ก็จะทำให้การกำหนดและพิจารณาหัวข้ออื่น ๆ จะทำได้ง่ายและตรงกับความต้องการมากยิ่งขึ้น เช่น หากต้องการใช้งานสายในการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับมือถือ ก็จะต้องให้ความสนใจไปที่การรองรับกำลังไฟฟ้าในการชาร์จ โดยจะต้องเป็นรุ่นที่รองรับความเร็ววัตต์ได้สูงสุด หรือเป็นระดับที่อแดปเตอร์และอุปกรณ์ของคุณ สามารถรองรับได้ในการใช้งานร่วมกัน เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากที่สุด ในทางตรงกันข้ามหากต้องการเลือกซื้อสายสำหรับการรับ-ส่งข้อมูลนั้น ก็จำเป็นจะต้องเลือกรุ่นที่มีความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุด ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะในการส่งข้อมูล ที่เป็นประเภทไฟล์ขนาดใหญ่อย่างวิดีโอหรือกราฟิก หมายความว่าการเลือกซื้อให้ง่ายที่สุดในเรื่องนี้ ก็คือการกำหนดให้ได้ตั้งแต่แรก ว่าจะเอาสายไปใช้งานในลักษณะใด และไปพิจารณาถึงเรื่องที่มีผลโดยตรงต่อการใช้งานรูปแบบนั้นให้สูงสุด ในราคาที่คุณกำหนดไว้ในการเลือกซื้อนั่นเอง
3. เลือกจากประสิทธิภาพการทำงานและความสะดวกสบายในการใช้งานโดยรวม
หากต้องการความยืดหยุ่นในการใช้งานสายชาร์จ Type C คุณจำเป็นจะต้องให้ความสนใจกับประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม ที่สินค้าประเภทนี้จะมาจากองค์ประกอบต่าง ๆ มากมาย ทั้งเรื่องของความเร็วในการรองรับกำลังไฟ หรือความเร็วสูงสุดในการรองรับการส่งข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้กล่าวถึงไปแล้วในส่วนที่ผ่านมา
แต่นอกจากการทำงานของเรื่องดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีรายละเอียดพื้นฐานอีกเป็นจำนวนไม่น้อย ที่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมด้วยเช่นกัน ทั้งความยาวของสายที่มีผลต่อความยืดหยุ่นและสะดวกสบาย ในการเสียบเชื่อมต่อสายเพื่อใช้งานกับพื้นที่ที่คุณต้องการ หรือวัสดุในการผลิตที่จะทำให้คุณสมบัติด้านความทนทานของตัวสาย สามารถตอบโจทย์ได้แตกต่างกันออกไป ยิ่งไปกว่านั้นการตรวจสอบเกี่ยวกับระบบแสดงผลไฟต่าง ๆ เช่น ความเร็วในการรับกระแสไฟฟ้า หรือการตรวจวัดกำลังไฟเกิด ก็เป็นคุณสมบัติที่น่าสนใจที่เราสามารถพบเห็นได้กับสินค้าหลายรุ่น และเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามไปในการเลือกซื้ออีกด้วย
จุดเด่นของสายชาร์จ Type C
1. การรองรับมาตรฐานการชาร์จเร็วของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
สิ่งที่สายชาร์จ Type C สามารถเปลี่ยนแปลงการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้เป็นอย่างดี คือ การทำให้อุปกรณ์เหล่านี้มีมาตรฐานการชาร์จแบตเตอรี่ ที่รวดเร็วและประหยัดเวลาได้มากยิ่งขึ้น จากคุณสมบัติของการออกแบบพื้นที่ส่งไฟ ที่ทำให้สามารถรองรับได้มากกว่า 100 วัตต์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อุปกรณ์ในช่วงเวลานี้แทบทุกตัว ล้วนแล้วแต่หันมาใช้พอร์ตประเภทนี้ หรือมีการติดตั้งไว้สำหรับการใช้เชื่อมต่อและชาร์จแบตเตอรี่ด้วยกันทั้งสิ้น
2. การรับ-ส่งข้อมูลที่รวดเร็ว
หนึ่งในคุณสมบัติสำคัญของสายชาร์จประเภทนี้ คือ การรองรับคุณสมบัติการรับและส่งข้อมูลที่รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นระหว่างสมาร์ทโฟนกับเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ประเภทใดก็ตาม ซึ่งจุดเด่นในส่วนนี้ปัจจุบันก็ได้รับการพัฒนาที่มากขึ้น โดยตัวอย่างที่สามารถเห็นได้ชัด ก็คือการพัฒนาจากพอร์ต USB-C ให้กลายเป็น PD ที่ยังคงมีรูปแบบเดิมแต่มีการปรับเปลี่ยนส่วนต่าง ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ส่งข้อมูลให้รวดเร็วได้มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะ ซึ่งพอร์ตลักษณะนี้จะพบเห็นได้กับแล็ปท็อปและเครื่องคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ เนื่องจากเป็นตัวช่วยที่ทำให้การส่งไฟล์ขนาดใหญ่ อย่างวิดีโอที่มีความละเอียดสูงสามารถประหยัดเวลาไปจากเดิมได้อีกมากเลยทีเดียว
3. การรองรับการเชื่อมต่อ OTG
คุณสมบัติที่แปลกใหม่และเรายังไม่สามารถพบเห็นได้กับสายชาร์จหรือพอร์ตประเภทอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นพอร์ตแบบดั้งเดิมที่เราใช้งานกันมาอย่างยาวนาน หรือพอร์ตแบบใหม่ที่เพิ่งถูกพัฒนาขึ้นมาได้ไม่นาน ก็คือการรองรับการเชื่อมต่อ OTG ซึ่งมีเฉพาะพอร์ตแบบ USB-C เพียงเท่านั้น โดยการเชื่อมต่อ OTG นั้นจะทำให้เราสามารถเพิ่มความยืดหยึ่น ให้กับสายชาร์จตัวนั้น ๆ ได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการเปลี่ยนจาก USB-C ไปเป็นพอร์ตมาตรฐานอื่น ๆ เช่น USB-A และ Lightning และสิ่งนี้ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ความคุ้มค่าของสายชาร์จ Type C เพิ่มขึ้นสูงและได้รับอย่างมากในปัจจุบัน
บทสรุปสายชาร์จ Type C ยี่ห้อไหนดี
เมื่อเทียบกับตัวเลือกในคำถามของ สายชาร์จ Type C ยี่ห้อไหนดี ที่หลายคนมักจะถามกันบนช่องทางออนไลน์นั้น Essager PD 100w เป็นรุ่นที่น่าสนใจอย่างมากในปี 2024 นี้ ด้วยความยาวของสายที่มากถึง 3 เมตร ทำให้เราปรับเปลี่ยนการใช้งานกับแต่ละพื้นที่ได้ยืดหยุ่น หรือการมีระดับความเร็วการจ่ายไฟ 100 วัตต์ และการรับ-ส่งข้อมูล 480 Mbps ที่ถือว่าตอบโจทย์ได้อย่างเพียงพอ ทั้งกับการชาร์จแบตเตอรี่และการใช้งานด้านข้อมูลในปัจจุบัน ที่สำคัญยังมีราคาวางขายที่สามารถจับต้องได้ง่าย เมื่อเทียบกันกับหลาย ๆ รุ่นของสินค้าในแต่ละแบรนด์อีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการให้ใช้งานสายชาร์จที่เลือกซื้อมาให้คุ้มค่าได้มากขึ้น ก็อาจลองเลือกซื้อ Power Bank จากบทความของเรา ไปติดไว้สำหรับการใช้งานได้ด้วยเช่นกัน