โทรศัพท์ Android เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ถูกเลือกซื้อและใช้งานเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้วยตัวเลือกสินค้าในปัจจุบันที่มีอยู่มากมายจากแบรนด์ต่างๆ และราคาขายของมือถือประเภทนี้ ที่จัดว่ามีความหลากหลายและครอบคลุมต่อการใช้งานมากที่สุด ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงมีการออกแบบตัวเลือกของรุ่นใหม่ ๆ ที่ยังคงมีการเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในทุกปี รวมไปถึงในแต่ละรุ่นของแต่ละปี ก็ยังจะมีการเลือกใช้งานเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานในช่วงเวลานี้ได้อย่างดีมากที่สุดอีกด้วย โดยจากที่เราได้กล่าวไปในข้างต้น จึงทำให้หลายคนมีคำถามอยู่เสมอ ว่าควรจะเลือกซื้อโทรศัพท์ Android รุ่นไหนดี ที่จะทำให้สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าที่สุด ดังนั้น ในวันนี้เราจึงจะตอบคำถามในเรื่องดังกล่าวให้กับคุณนั่นเอง
10 โทรศัพท์ Android รุ่นไหนดี
- โทรศัพท์ Android Samsung Galaxy A54 5G
- โทรศัพท์ Android Xiaomi 13
- โทรศัพท์ Android OnePlus 11 5G
- โทรศัพท์ Android Samsung Galaxy S23 Ultra
- โทรศัพท์ Android vivo Y02A
- โทรศัพท์ Android POCO F5
- โทรศัพท์ Android realme GT NEO 3T
- โทรศัพท์ Android Xiaomi Redmi Note 12
- โทรศัพท์ Android OPPO Reno 10 5G
- โทรศัพท์ Android Nubia Neo 5G
- ระบบปฏิบัติการ Android 13 จากโรงงานทำให้ใช้งานได้อีกยาวนานหลายปี
- สามารถใช้งานเครือข่ายไร้สาย 5G
- หน้าจอความแข็งแรงทนทานจากวัสดุ Gorilla Glass 5
- ขนาดหน้าจอ 6.4 นิ้วเหมาะสำหรับการพกพาและใช้งานกับทุกสไตล์
- ดีไซน์การออกแบบที่เรียบหรูและให้สัมผัสในการใช้งานที่ยอดเยี่ยม
- หน้าจอแสดงผลพร้อมอัตราการรีเฟรช 120 Hz
- การรองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุดความละเอียด 8K
- การติดตั้งกล้องถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอจาก Leiga
- ดีไซน์การออกแบบที่หรูหราล้ำสมัยพร้อมขอบบางพิเศษ
- การรับประกันสินค้ายาวนาน 24 เดือน
โทรศัพท์ Android รุ่นไหนดี 2024
ต่อไปจะเป็น 10 รุ่นของโทรศัพท์ Android ที่น่าสนใจจากแบรนด์ต่าง ๆ ในปี 2024 นี้
1. Samsung Galaxy A54 5G
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Samsung Galaxy A54 5G |
หน้าจอแสดงผล | 6.4 นิ้ว |
RAM | 8 GB |
ROM | 128 GB |
ชิปประมวลผลข้อมูล | Exnynos 1380 |
แบตเตอรี่ | 5,000mAh |
โทรศัพท์ Android รุ่นไหนดี รุ่นแรกเป็นโทรศัพท์ Android ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก สำหรับตัวเลือกของมือถือ Samsung ในปัจจุบัน ด้วยดีไซน์การออกแบบที่ให้ความรู้สึกหรูหราและทันสมัยเป็นพิเศษ และสเปกการใช้งานของตัวมือถือ ที่สามารถรองรับการใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและยาวนาน ซึ่งจุดเด่นสำคัญของมือถือเครื่องนี้ จะเป็นการรองรับการใช้งาน 5G ในช่วงราคาวางขายไม่เกิน 15,000 บาท และการมีหน้าจอแสดงผลขนาด 6.4 นิ้วความละเอียด Full HD+ ที่เหมาะทั้งสำหรับการพกพาและการใช้งานในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญยังถือเป็นมือถือรุ่นล่าสุด และมาพร้อมระบบปฏิบัติการเริ่มต้นที่ Anroid 13 ส่งผลให้จะสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องอีกตลอดหลายปีด้วยเช่นกัน
- ระบบปฏิบัติการ Android 13 จากโรงงานทำให้ใช้งานได้อีกยาวนานหลายปี
- สามารถใช้งานเครือข่ายไร้สาย 5G
- หน้าจอความแข็งแรงทนทานจากวัสดุ Gorilla Glass 5
- ขนาดหน้าจอ 6.4 นิ้วเหมาะสำหรับการพกพาและใช้งานกับทุกสไตล์
- ดีไซน์การออกแบบที่เรียบหรูและให้สัมผัสในการใช้งานที่ยอดเยี่ยม
- บริเวณขอบด้านหน้าของหน้าจอค่อนข้างหนา
- ความหนาของตัวเครื่องค่อนข้างสูง
2. Xiaomi 13
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Xiaomi 13 |
หน้าจอแสดงผล | 6.36 นิ้ว |
RAM | 8 GB |
ROM | 256 GB |
ชิปประมวลผลข้อมูล | Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 |
แบตเตอรี่ | 4,500mAh |
โทรศัพท์ Android รุ่นไหนดี รุ่นต่อมาเป็นมือถือเครื่องนี้เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดจากแบรนด์ Xiaomi ที่มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่ในด้านต่าง ๆ มากมาย เริ่มตั้งแต่การใช้งานชิปประมวลผล Snapgragon 8 Gen 2 ที่มีประสิทธิภาพการใช้งานด้านต่าง ๆ ทั้งในส่วนของการจัดการพลังงาน ไปจนถึงการควบคุมทรัพยากรต่าง ๆ ที่สูงสุดสำหรับมือถือ Android ในปัจจุบัน ทำให้การทำงานของแอปพลิเคชันต่าง ๆ จะสามารถทำได้อย่างหลากหลายและรวดเร็ว และนอกจากการทำงานที่มีประสิทธิภาพแล้ว ด้วยการถูกติดตั้งกล้อง Leica ความละเอียดสูงมาให้กับตัวเครื่อง ก็ยังช่วยให้สามารถตอบโจทย์ได้ดี ในด้านของการถ่ายภาพและบันทึกวิดีโออีกด้วย และจากการเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผล ก็เป็นส่วนที่ทำให้ตัวเครื่องสามารถรองรับการบันทึกวิดีโอ ได้สูงสุดภายใต้ความละเอียดสูงถึง 8K ด้วยในเวลาเดียวกัน
- หน้าจอแสดงผลพร้อมอัตราการรีเฟรช 120 Hz
- การรองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุดความละเอียด 8K
- การติดตั้งกล้องถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอจาก Leiga
- ดีไซน์การออกแบบที่หรูหราล้ำสมัยพร้อมขอบบางพิเศษ
- การรับประกันสินค้ายาวนาน 24 เดือน
- วัสดุตัวเครื่องแบบโหละอาจทำให้เกิดความร้อนได้ง่าย
- หน้าจอแสดงผลมีขนาดค่อนข้างเล็ก เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนทั่วไปในปัจจุบัน
3. OnePlus 11 5G
แบรนด์และรุ่นสินค้า | OnePlus 11 5G |
หน้าจอแสดงผล | 6.7 นิ้ว |
RAM | 16 GB |
ROM | 256 GB |
ชิปประมวลผลข้อมูล | Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 |
แบตเตอรี่ | 5,000mAh |
โทรศัพท์ Android รุ่นไหนดี จากแบรนด์ OnePlus 11 5G เป็นอีกหนึ่งโทรศัพท์ Android รุ่นท็อป ที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กันกับรุ่นที่ผ่านมา จากการเป็นสินค้าของแบรนด์ Oneplus ที่เน้นการจัดเต็มสเปกระดับสูงของมือถือ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานกับทุกสไตล์ได้ในความคุ้มค่าที่เกินราคา โดยสิ่งที่ถือเป็นจุดเด่นสำคัญของรุ่นนี้ ก็จะประกอบด้วยเรื่องต่าง ๆ มากมาย ประกอบด้วย การใช้งานชิปประมวลผลตัวล่าสุด Snapdragon 8 Gen 2, การออกแบบกล้องหลัง 4 ตัวพร้อมความละเอียดที่สูงสุด 50 ล้านพิกเซล, RAM 16 GB, การรองรับการชาร์จไวสูงสุด, การรองรับการใช้งาน 5G และการมีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว ภายใต้ความละเอียดระดับ 2K ที่ทำงานร่วมกันกับระบบ Doby Vision และอัตราการรีเฟรช 120 Hz ช่วยให้การใช้งานคอนเทนต์ทุกรูปแบบ สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นอันดับต้น ๆ ในปัจจุบันเลยทีเดียว
- RAM ขนาดใหญ่ 16 GB
- หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว
- การใช้งานชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 2
- หนห้าจอแสดงผลความละเอียด 2K พร้อมระบบ Dolby Vision
- รองรับการชาร์จไวสูงสุด 100 วัตต์
- ขนาดค่อนข้างใหญ่สำหรับการพกพา
- โมดูลกล้องด้านหลังที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ
4. Samsung Galaxy S23 Ultra
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Samsung Galaxy S23 Ultra |
หน้าจอแสดงผล | 6.8 นิ้ว |
RAM | 8 GB |
ROM | 256 GB |
ชิปประมวลผลข้อมูล | Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 |
แบตเตอรี่ | 5,000mAh |
Samsung Galaxy S23 Ultra เป็นมือถือ Android เรือธงอีกหนึ่งรุ่น ที่ได้รับความนิยมสำหรับการใช้งานของคนทั่วไป ด้วยการเป็นสินค้าจากแบรนด์ Samsung ที่ถือเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ผู้คนเลือกใช้งานกันในปัจจุบัน โดยที่จุดเด่นของมือถือเครื่องนี้ แน่นอนว่าจะต้องเป็นการมาพร้อมปากกา Stylus อย่าง S pen ที่ทำให้การใช้วาดเขียนหรือจดบันทึกสิ่งต่าง ๆ จะสามารถทำได้สะดวกสบายมากที่สุด จากความลื่นไหลในการเขียนที่ยอดเยี่ยม และการรองรับเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งเมื่อใช้งานกับหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 6.8 นิ้ว จึงทำให้การใช้งานด้านนี้มีความสะดวกสบายขึ้นมาได้อีกไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นในส่วนของสเปกการใช้งานตัวเครื่องด้านอื่น ๆ ก็นับว่าถูกออกแบบมาอย่างยอดเยี่ยม ทำให้สามารถใช้งานได้ดีกับทุกไลฟ์สไตล์อีกด้วย
- หน้าจอขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมที่จับถือได้สะดวก
- ปากการ Stylus ที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง
- สามารถใช้งานได้ดีกับทุกไลฟ์สไตล์จากประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยม
- ขอบด้านหน้าและด้านหลังมีความโค้งช่วยให้รับกับสรีระมือได้ดีมากยิ่งขึ้น
- กล้องถ่ายภาพหลังทั้งหมด 5 ตัวพร้อมความละเอียดสูงสุด 200 ล้านพิกเซล
- ตัวเลือกของสีต่าง ๆ ที่ถูกออกแบบมาค่อนข้างมีความแปลกตาพอสมควร
- ขนาดและน้ำหนักสูงกว่ามือถือทั่วไป
5. vivo Y02A
แบรนด์และรุ่นสินค้า | vivo Y02A |
หน้าจอแสดงผล | 6.51 นิ้ว |
RAM | 3 GB |
ROM | 32 GB |
ชิปประมวลผลข้อมูล | MediaTek Helio P35 |
แบตเตอรี่ | 5,000mAh |
หากคำถามที่คุณตั้งไว้ในการเลือกซื้อสินค้า คือ ควรเลือกซื้อโทรศัพท์ Android รุ่นไหนดี ที่เน้นไปในทางรุ่นราคาประหยัด และมีราคาวางขายไม่เกิน 5,000 บาทโดยเฉพาะ รุ่นนี้ก็คงจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคุณอย่างมาก ด้วยการเป็นสินค้ารุ่นราคาประหยัดจากแบรนด์ vivo ที่เน้นการออกแบบภายนอกมาให้หรูหราเกินราคา และการจัดเต็มสเปกการทำงานส่วนต่าง ๆ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า และเพียงพอกับทุกไลฟ์สไตล์มากที่สุด ทั้งจากแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh ที่ช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้งและใช้งานได้อย่างยาวนาน และหน้าจอแสดงผลขนาด 6.51 นิ้ว ที่มีความละเอียดระดับ HD+ นอกจากนี้กล้องถ่ายภาพที่ถูกติดตั้งมาให้ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณด้านหน้าหรือด้านหลัง ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้ถ่ายภาพทั่วไปด้วยเช่นกัน
- รองรับการติดตั้ง Micro SD Card ขนาดสูงสุด 1 TB
- ราคาจับต้องได้ง่ายในชช่วงไม่เกิน 5,000 บาท
- หน้าจอแสดงผลขนาดมาตรฐาน 6.51 นิ้วใช้งานและพกพาได้สะดวก
- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh ที่ช่วยให้ตัวเครื่องมีระยะเวลาการใช้งานยาวนานจากชิปประมวลผล
- ดีไซน์การออกแบบที่เรียบหรูเกินราคา
- ความละเอียดหน้าจอแสดงผลเพียง HD+
- หน่วยความจำเริ่มต้นมีขนาดเพียง 32 GB
6. POCO F5
แบรนด์และรุ่นสินค้า | POCO F5 |
หน้าจอแสดงผล | 6.67 นิ้ว |
RAM | 12 GB |
ROM | 256 GB |
ชิปประมวลผลข้อมูล | Qualcomm Snapdragon 7 + Gen 2 |
แบตเตอรี่ | 5,000mAh |
สำหรับโทรศัพท์ Android เครื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจ ด้วยการถูกติดตั้งสเปกตัวเครื่องมาให้อย่างเกินราคา ทำให้เป็นรุ่นที่ค่อนข้างได้รับความสนใจอย่างมาก สำหรับคนที่มองหามือถือราคาไม่เกิน 15,000 บาท ที่เหมาะทั้งสำหรับการใช้งานทั่วไป, การถ่ายภาพ และการเล่นเกม โดยสิ่งที่ถือเป็นจุดเด่นสำคัญของตัวเครื่อง จะเริ่มต้นจากการใช้งานชิปประมวลผล Snapdragon 7 + Gen 2 ที่มักจะไม่ได้พบเห็นในมือถือช่วงราคานี้ ไปจนถึง RAM ขนาด 12 GB ที่ถือได้ว่ามีขนาดใหญ่และตอบโจทย์การใช้งานระยะยาวได้ดีเป็นอย่างมาก ที่สำคัญด้วยหน้าจอแสดงผลขนาด 6.67 นิ้ว ที่มีอัตราการรีเฟรช 120 Hz ก็ช่วยเพิ่มความลื่นไหลและสมจริง ให้การรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้นมาอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
- อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 120 Hz
- ชิปประมวลผล Snapdragon 7 + Gen 2 ที่มีประสิทธิภาพสูงเกินช่วงราคา
- RAM ในการทำงานขนาดใหญ่ 12 GB
- หน้าจอรองรับระบบ Dolby Vision และ HDR10+
- หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ใช้งานได้เต็มตา
- ความหนาของตัวเครื่องค่อนข้างสูงกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป
- การพกพาอาจทำได้ไม่สะดวกมากนักจากขนาดที่ค่อนข้างใหญ่
7. realme GT NEO 3T
แบรนด์และรุ่นสินค้า | realme GT NEO 3T |
หน้าจอแสดงผล | 6.62 นิ้ว |
RAM | 8 GB |
ROM | 128 GB |
ชิปประมวลผลข้อมูล | Qualcomm Snapdragon 870 5G |
แบตเตอรี่ | 5,000mAh |
realme GT NEO 3T เป็นโทรศัพท์ Android รุ่นราคากลางอีกหนึ่งตัว ที่ได้รับความนิยมจากผู้คนเป็นจำนวนไม่น้อยในปัจจุบัน ด้วยจุดเด่นสำคัญที่ยังเป็นเรื่องของสเปกโดยรวม ที่ถูกออกแบบและติดตั้งมาให้อย่างคุ้มค่า ตั้งแต่ในด้านของชิปประมวลผลข้อมูล ที่มีการเลือกใช้งานเป็น Snapdragon 870 ที่ทำให้ตัวเครื่องสามารถใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ ด้วยความเร็วสูงสุดในระดับถึง 5G ไปจนถึงการรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ที่รวดเร็วสูงสุด 80 วัตต์ ซึ่งเมื่อใช้งานกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh ก็ช่วยให้การใช้งานมือถือในระหว่างวัน จะมีความต่อเนื่องและรวดเร็วในการชาร์จมากที่สุด ส่วนดีไซน์การออกแบบภายนอก ก็จะยังคงเน้นไปที่ความล้ำสมัยและเรียบหรู รวมไปถึงยังคงมีตัวเลือกสีที่โดดเด่นและแตกต่าง ให้เราสามารถเลือกซื้อได้ด้วยเช่นกัน
- การชาร์จแบตเตอรี่ในความเร็งสูงสุด 80 วัตต์
- รองรับการใช้งานเครือข่ายในความเร็วสูงสุด 5G
- อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 120 Hz
- มีสีของสินค้าที่สวยงามและแตกต่างให้สามารถเลือกซื้อได้
- การควบคุมการถ่ายภาพของกล้องด้วยระบบ AI
- กล้องถ่ายภาพโดยรวมมีความละเอียดไม่สูงมากนัก
- ยังคงใช้งานกล้องหน้าจอแบบเจารูบริเวณขอบบนซ้าย
8. Xiaomi Redmi Note 12
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Xiaomi Redmi Note 12 |
หน้าจอแสดงผล | 6.67 นิ้ว |
RAM | 6 GB |
ROM | 128 GB |
ชิปประมวลผลข้อมูล | Qualcomm Snapdragon 685 |
แบตเตอรี่ | 5,000mAh |
Xiaomi Redmi Note 12 เป็นหนึ่งในรุ่นของมือถือจากแบรนด์ Xiaomi ที่มีผู้คนจำนวนไม่นอยเลือกใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะคนที่เน้นการรับชมคอนเทนต์, ซีรีส์ หรือภาพยนตร์ ผ่านทางแอปพลิเคชันหรือระบบสตรีมมิ่งต่าง ๆ บนสมาร์ทโฟน เนื่องจากรุ่นนี้มีการออกแบบหน้าจอแสดงผลมาให้มีขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว และเลือกใช้งานเป็นประเภทหน้าจอแบบ AMOLED ที่ให้รูปแบบของสีมีความสดใสและสมจริง รวมไปถึงยังมีการออกแบบหน้าจอ มาให้รองรับอัตราการรีเฟรชได้สูงสุดถึง 120 Hz อีกด้วย อีกทั้งเมื่อทำงานร่วมกันกับชิปประมวลผล Snapdragon 685 ก็ช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับการทำงานในด้านนี้ได้ดีอีกไม่น้อย อย่างไรก็ตามสิ่งต่าง ๆ ที่ถูกใส่มาให้กับตัวเครื่องนั้น คุณจะสามารถเลือกซื้อและใช้งานได้ ในราคาที่ไม่เกิน 7,000 บาทเพียงเท่านั้น
- การรับประกันสินค้าที่ยาวนาน 15 เดือน
- การเลือกใช้งานหน้าจอแบบ AMOLED ที่มีสีสันคมชัดสมจริง
- หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่เหมาะสำหรับการรับชมคอนเทนต์
- การรองรับอัตรารีเฟรชหน้าจอ 120 Hz
- ยังคงมีการติดตั้งช่องเชื่อมต่อหูฟัง Jack 3.5 mm มาให้
- การรองรับมาตรฐานการกันน้ำเพียง IP53
- ขอบด้านล่างของหน้าจอมีความหนาพอสมควร
9. OPPO Reno 10 5G
แบรนด์และรุ่นสินค้า | OPPO Reno 10 5G |
หน้าจอแสดงผล | 6.7 นิ้ว |
RAM | 8 GB |
ROM | 256 GB |
ชิปประมวลผลข้อมูล | MediaTek Dimensity 7050 |
แบตเตอรี่ | 5,000mAh |
OPPO Reno 10 5G เป็นโทรศัพท์ Android รุ่นยอดนิยมของทาง Oppo ที่ถูกออกแบบมาให้มีหน้าจอขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว เหมาะสำหรับการใช้งานกับทุกไลฟ์สไตล์ ซึ่งการออกแบบภาพรวมของภายนอก จะมีการทำออกมาให้จับถือได้อย่างกระชับมือ ทั้งบริเวณด้านหน้าและด้านหลังตัวเครื่อง ช่วยให้แม้จะมีหน้าจอขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ก็ยังสามารถพกพาได้อย่างไม่ลำบากเลยแม้แต่น้อย โดยจุดเด่นสำคัญของตัวเครื่อง จะมาจากคุณสมบัติการถ่ายภาพที่สวยงาม ด้วยการใช้งานกล้อง Telephoto และโหมด Pro-Portrait ที่ถูกพัฒนามาอย่างยอดเยี่ยมจากทาง Oppo ส่งผลให้หากเป็นคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ รุ่นนี้ก็มีความน่าสนใจต่อการใช้งานแน่นอน
- ดีไซน์ด้านหน้าและด้านหลังที่เป็นขอบโค้งทำให้จับถือได้อย่างกระชับมือ
- เริ่มต้นการติดติ้งด้วยระบบปฏิบัติการ Android 13 ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานอีกหลายปี
- กล้อง Telephoto และโหมด Pro-Portrait ที่ทำให้การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอสวยงามได้มากที่สุด
- รองรับการใช้งาน 5G
- น้ำหนักเบาเพียง 185 กรัมแม้มีหน้าจอขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว
- การวางตำแหน่งของกล้องหลังที่อาจทำให้การสับเปลี่ยนเลนส์ไม่ต่อเนื่องมากนัก
- ขนาดค่อนข้างใหญ่สำหรับการพกพา
10. Nubia Neo 5G
แบรนด์และรุ่นสินค้า | Nubia Neo 5G |
หน้าจอแสดงผล | 6.6 นิ้ว |
RAM | 8 GB |
ROM | 256 GB |
ชิปประมวลผลข้อมูล | Unisoc T820 |
แบตเตอรี่ | 4,500mAh |
โทรศัพท์ Android รุ่นไหนดี รุ่นสุดท้ายเป็นรุ่นที่มีจุดเด่นสำคัญในด้านของการเล่นเกมเป็นหลัก ส่งผลให้เป็นตัวเลือกที่ดีอย่างมาก หากคุณกำลังมองหาสินค้าที่เหมาะสำหรับการเล่นเกม หรือต้องการมือถือที่มีโหมดเกมมิ่ง ให้คุณสามารถเลือกใช้งานในชีวิตประจำวันได้โดยเฉพาะ โดยนอกจากสเปกการใช้งานด้านอื่น ๆ อย่าง RAM หรือขนาดหน้าจอแสดงผลขนาด 6.6 นิ้ว ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการเล่นเกมแล้ว ในด้านของดีไซน์การออกแบบภาพรวม โดยเฉพาะบริเวณด้านหลังของตัวเครื่อง ที่ค่อนข้างมีความโฉบเฉี่ยวและแตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ ก็เป็นส่วนที่ทำให้รุ่นนี้ได้รับความนิยมจากคนกลุ่มนี้ขึ้นมาได้อีกไม่น้อยด้วยเช่นกัน ดังนั้น หากคุณต้องการมือถือเล่นเกมในราคาไม่เกิน 7,000 บาท รุ่นนี้ก็เป็นตัวเลือกที่มองข้ามไปไม่ได้แน่นอน
- โหมดสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ
- ความละเอียดในการแสดงผลหน้าจอแบบ Full HD+
- ดีไซน์การออกแบบด้านหลังที่โฉบเฉี่ยวและแตกต่าง
- การเริ่มต้นการใช้งานจากระบบปฏิบัติการ Android 13.0
- การรองรับการใช้งาน 5G สำหรับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
- หน่วยประมวลผลค่อนข้างมีประสิทธิภาพต่ำกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นราคาใกล้เคียงกัน
- การใช้งานดีไซน์กล้องหน้าเป็นแบบหมดย้ำที่ค่อนข้างล้าสมัย
วิธีเลือกซื้อโทรศัพท์ Android
1. เลือกจากงบประมาณ
หากคุณต้องการให้เลือกซื้อโทรศัพท์หรือมือถือ Android ได้ง่ายดายมากที่สุด คุณจะต้องกำหนดอย่างชัดเจน ว่าต้องการเลือกซื้อมือถือในช่วงราคาไหน หรือมีงบประมาณในการเลือกซื้อสินค้าที่ระดับใด เพื่อเป็นการกำหนดขอบเขตของตัวเลือก ตามช่วงราคาที่แบรนด์ต่าง ๆ มักจะมีการออกวางจำหน่ายรุ่นที่หลากหลายตามช่วงราคา เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากที่สุด
โดยลักษณะของการตั้งขอบเขตการเลือกซื้อสินค้าตามงบประมาณนั้น ปัจจุบันเราจะสามารถกำหนดได้ง่ายจากบทความ หรือเนื้อหาแนะนำเกี่ยวกับการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนต่าง ๆ ที่ก็มีอยู่มากมายในปัจจุบัน ซึ่งอาจพบเห็นได้ทั้งในงบประมาณไม่เกิน 3,000, 5,000, 10,000, 15,000, 20,000 และ 30,000 บาทเป็นต้นไป
โดยที่สิ่งนี้ก็จะทำให้เราสามารถพิจารณาได้ในเบื้องต้น ว่าจะสามารถเลือกซื้อเป็นมือถือรุ่นราคาประหยัด, มือถือระดับกลาง หรือมือถือระดับสูงได้ถึงจะเหมาะสมกับงบประมาณของคุณที่สุด ซึ่งก็จะเป็นส่วนช่วยให้คุณสามารถคำนึงเกี่ยวกับฟีเจอร์ หรือความเหมาะสมต่อการใช้งานในสไตล์ต่าง ๆ ได้สะดวกมากยิ่งขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
2. เลือกจากสเปกของมือถือ
ความแตกต่างของสเปกโทรศัพท์ Android จะมีความแตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจนจากสาเหตุและปัจจัยต่าง ๆ เริ่มจากช่วงราคาที่หลากหลายของสินค้า ซึ่งรุ่นที่มีราคาย่อมเยาก็มักจะมีสเปกตัวเครื่อง ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานพื้นฐาน โดยอาจไม่ได้มีความโดดเด่นสำหรับการใช้งานด้านใดมากเป็นพิเศษ ในขณะที่สินค้ารุ่นระดับสูงหรือรุ่นเรือธง ก็จะเน้นสเปกการใช้งานในภาพรวมที่ยอดเยี่ยม เพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุมกับทุกสไตล์มากที่สุด
ซึ่งแน่นอนว่าสเปกที่ถูกติดตั้งมาให้นั่น ก็จะต้องเป็นส่วนประกอบระดับสูงสุด ที่ให้คุณสามารถพบเห็นได้ในแต่ละปีนั่นเอง ส่วนอีกเรื่องที่ทำให้มือถือมีสเปกแตกต่างกันออกไปนั้น จะมาจากจำนวนปีที่ออกวางจำหน่าย ที่ก็เป็นสาเหตุเดียวกันกับเรื่องของช่วงราคา เพราะสินค้าที่ถูกออกวางมาในปีที่ล่าสุดหรือทันสมัยมากกว่า ก็มักจะทำให้ทางแบรนด์เลือกใช้งานเทคโนโลยีระดับสูงสุดกับสมาร์ทโฟน ที่ถูกวางขายตามช่วงราคาด้วยในเวลาเดียวกัน
ส่วนเรื่องที่จะสามารถพบเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนในด้านนี้ มักจะเป็นเรื่องของหน่วยประมวลผลข้อมูลและระบบปฏิบัติการ ที่จะมีการพัฒนารุ่นใหม่ ๆ ออกมาอยู่เสมอและต่อเนื่องในทุกปี ดังนั้น สิ่งที่คุณจะต้องทำในการเลือกซื้อสินค้าจากเรื่องนี้ ก็คือการเปรียบเทียบตามรุ่นที่เข้ากันกับงบประมาณที่ตั้งไว้ และเลือกรุ่นที่มีสเปกสูงสุดในช่วงราคานั้น ๆ เพื่อให้มีความคุ้มค่าต่อการใช้งานมากที่สุดนั่นเอง
3. เลือกจากจุดเด่นของมือถือ
สำหรับจุดเด่นของโทรศัพท์ Android จะเป็นเรื่องที่เราสามารถนำมาใช้ในการเปรียบเทียบ ได้กับมือที่เป็นรุ่นระดับเรือธง หรือรุ่นที่มีราคาวางขายค่อนข้างสูงเป็นหลัก เนื่องจากแบรนด์ต่าง ๆ จะเน้นการออกแบบสินค้า มาให้มีความโดดเด่นและน่าสนใจ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในช่วงราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งในปัจจุบันก็มีรุ่นต่าง ๆ ที่ให้เราสามารถพบเห็นกันได้เป็นจำนวนมาก
โดยที่จุดเด่นหลัก ๆ ของสินค้าในเรื่องดังกล่างของรุ่น ที่มีวางขายออกมาในปัจจุบันนั้น หากยกตัวอย่างให้สามารถเห็นได้อย่างเด่นชัด ก็จะประกอบไปด้วยมือถือ Samsung Galaxy S Series ที่ในปัจจุบันจะมีการออกแบบปากกา Stylus สำหรับการใช้เพื่อวาดหรือเขียนผ่านทางมือถือโดยตรงมาให้, มือถือ Motorola บางรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม สำหรับช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานและสิ่งต่าง ๆ, มือถือเกมมิ่งรุ่นระดับสูงอย่างแบรนด์ Blakshark ที่ให้เราสามารถเชื่อมต่อส่วนระบายอากาศ ในการใช้เพื่อเล่นเกมกราฟิกระดับสูงได้ และมือถือจอพับต่าง ๆ ที่มีจุดเด่นสำคัญในด้านของการพกพา ซึ่งจะทำให้คุณได้ใช้งานมือถือจอขนาดใหญ่ ได้ในขนาดที่พับลงมาอีกครึ่งหนึ่ง เป็นต้น
แต่หากกล่าวถึงจุดเด่นของมือถือทั่วไปในรุ่นราคาต่ำลงมา เราอาจพบเห็นได้ในลักษณะของมือถือเกมมิ่ง, มือถือถ่ายภาพ, มือถือเซลฟี่, มือถือเน้นพกพาสะดวก หรือมือถือสำหรับรับชมคอนเทนต์ ที่แต่ละรูปแบบจะมีจุดเด่นและการเน้นส่วนประกอบในการติดตั้งที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เราจะสามารถเลือกซื้อสินค้า ตามสไตล์ที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณได้ด้วยในเวลาเดียวกัน
จุดเด่นของโทรศัพท์ Android
1. การมีตัวเลือกของมือถือจำนวนมาก
สิ่งแรกที่เป็นจุดเด่นหลักของโทรศัพท์ Android คือ มีแบรนด์สินค้าต่าง ๆ ที่แข่งขันกันในการออกขายรุ่นใหม่ ๆ อยู่เป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่องในทุกปี ทำให้ความแตกต่างที่เราจะสามารถเลือกซื้อได้ นอกจากเรื่องของแบรนด์สินค้าแล้ว ก็ยังจะเป็นไปตามลักษณะจุดเด่นของรุ่นนั้น ๆ หรือราคาที่วางขายให้เลือกซื้อตามงบประมาณได้อีกด้วย ส่งผลให้เป็นตัวเลือกของมือถือที่มีข้อจำกัดต่ำที่สุด เมื่อเทียบกันกับมือถือ iPhone หรือมือถือ Windows phone ที่มีตัวเลือกไม่หลากหลายมากนักในปัจจุบัน ดังนั้น จึงแบ่งแยกตามความต้องการในการเลือกซื้อได้ง่าย ซึ่งก็ช่วยให้การเปรียบเทียบความคุ้มค่า จะเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ค่อนข้างมีคุณภาพ และมีรูปแบบของสินค้าที่ตอบโจทย์แต่ละคน ให้สามารถใช้งานได้ยืดหยุ่นตามไปด้วยนั่นเอง
2. แอปพลิเคชันมีให้เลือกดาวน์โหลดได้มากมาย
เนื่องจากมีผู้ใช้งานเป็นอันดับ 1 ของโลก จึงทำให้ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันต่าง ๆ มักจะเน้นการออกแบบและเริ่มต้นการสร้างแอปพลิเคชัน เพื่อการใช้งานกับโทรศัพท์ Android เป็นหลัก ส่งผลให้ถึงแม้จะเป็นตัวเลือกของแอปพลิเคชันประเภทเดียวกัน แต่ก็ยังคงมีแอปพลิเคชันจากผู้ให้บริการต่าง ๆ ที่ให้เราสามารถทำการเลือกใช้ได้หลากหลาย เพราะฉะนั้นจึงเป็นลักษณะเดียวกันกับเรื่องของการมีมือถือจำนวนมาก อย่างการที่คุณจะสามารถเลือกแอป ที่ตรงกันกับสไตล์การใช้งานของคุณได้อย่างยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้นตามไปด้วยในเวลาเดียวกัน ซึ่งสิ่งนี้ก็ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับการใช้งานสมาร์ทโฟน ที่ส่วนหลักในปัจจุบันมาจากแอปพลิเคชันได้ดีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
3. การเปลี่ยนแปลงของรุ่นใหม่ ๆ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อเทียบกันกับสมาร์ทโฟนประเภทอื่น ๆ แล้ว โทรศัพท์ Android มักจะมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลง ที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนกับรุ่นใหม่ ๆ ได้มากกว่า สำหรับรุ่นที่ถูกออกวางจำหน่ายมาในแต่ละปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ, สเปกตัวเครื่อง, กล้องถ่ายภาพ หรือแม้แต่ฟังก์ชันการใช้งานรูปแบบใดก็ตาม จากการมีคู่แข่งอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ตลาดมีการแข่งขันที่สูง ซึ่งก็สังเกตได้อย่างชัดเจนจากการที่มือถือจอพับหรือมือถือไร้ขอบในอดีต ก็มักจะเริ่มต้นมาจากแบรนด์โทรศัพท์ Android ที่มีชื่อเสียงระดับโลกเป็นอันดับแรก ๆ ด้วยกันทั้งสิ้น หมายความว่าความแตกต่างของสินค้าที่ออกใหม่มาในแต่ละปี ก็มักจะสามารถพบเห็นได้อย่างชัดเจนตามไปได้ด้วยนั่นเอง
บทสรุปโทรศัพท์ Android รุ่นไหนดี
หากคุณมองหาความคุ้มค่าในคำตอบของ โทรศัพท์ Android รุ่นไหนดี ที่มีออกวางจำหน่ายมาอยู่ในปัจจุบัน Samsung Galaxy A54 5G มักจะเป็นรุ่นที่คุณได้พบเห็นการกล่าวถึงได้อยู่เสมอ เนื่องจากเป็นรุ่นที่มีราคาเหมาะสม และมีสเปกที่ทำให้การใช้งานต่อเนื่อง สามารถตอบโจทย์ได้อย่างคุ้มค่าตลอดหลายปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ, สเปกการใช้งานต่าง ๆ, กล้องถ่ายภาพ หรือแม้แต่การรองรับการใช้งาน 5G ในราคาที่จับต้องได้ง่ายก็ตาม ส่งผลให้ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในสไตล์ใด รุ่นนี้ก็รองรับได้ดีด้วยกันทั้งสิ้น แต่หากคุณต้องการเน้นการเลือกดูสินค้าจากแบรนด์ใดแบบเฉพาะ เราก็มีบทความมือถือ Android จากทาง Samsung, Oppo, vivo หรือ Huawei ที่ได้แนะนำไปแล้วให้คุณลองเลือกซื้อได้ด้วยเช่นกัน